ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแปลโดยคุณ WildFox
/////////////
เสียงบดกันของก้อนศิลาเผยให้เห็นทางเดินลาดลงลึกสู่ใต้ดิน เหมือนกับว่าพื้นดินถูกผ่าให้แยกออกจากกันด้วยคมดาบ เส้นทางเบื้องหน้าเป็นทางเดินทำด้วยหินลาดที่ปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำและกลิ่นสาบสางจากซากสิ่งมีชีวิตที่เน่าสลาย ซึ่งทอดยาวลงไปสู่ความมืดทะมึนที่มองไม่เห็นว่าไปสิ้นสุดที่ใด
ขณะที่สองข้างเป็นกำแพงยาวที่สลักด้วยอักขระโบราณ ทางลงนี้น่าจะถูกผนึกมานานแสนนาน จนไม่มีทางที่ใครจะรู้ได้เลยว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าใดแล้วตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่มีคนย่างกรายมาที่แห่งนี้ เมื่อมองลงไปยังทางเดินหินที่ทอดตัวลงต่ำไปนั้น มัตชะก็แลบลิ้นหัวเราะแฮ่ะๆพลางพูดว่า
“เจ้าเควสระดับ SSS นี่สมชื่อสมราคาจริงๆนะคะ ขนาดแค่ฉากเปิดตัวก็อลังการงานสร้างซะขนาดนี้…..”
‘เยว่ชิงเฉียน’กระพริบตาคู่งามพูดว่า
“อ้ะ รางวัลของเควสนี้ มีแต่เพียงพี่เซียวเหยาเท่านั้นที่จะได้ [ม้วนคัมภีร์ม่อจื้อฉบับที่ห้า] ใช่ไหมคะ?”
‘ว่านเอ๋อ’พยักหน้าตอบว่า
“อื้อ มันเขียนไว้ที่คำอธิบายเควสว่างั้นอ้ะนะ”
‘เยว่ชิงเฉียน’หัวเราะเบาๆแล้วเอ่ยว่า
“ไม่ว่าจะยังไง ถ้าเป็นเรื่องของพี่เซียวเหยาละก็ หนูจะช่วยพี่เค้าเต็มที่”
‘ตงเฉิงเยว่’ขยับไม้เท้าในมือว่า
“งั้นพวกเราก็ควรที่จะเตรียมตัวเดินลงไปกันได้ละนะ ครั้งนี้เรามีแท้งค์มาด้วยสองคนคือ หลี่เซียวเหยาและก็เจ๊มัตชะ มีฮีลเลอร์สามคนพวกเราน่าจะมีกำลังคนพอลุยได้เต็มที่ล่ะนะ ถ้างั้นก็….สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นนนนน!”
ชั้นตวัดสายตาไปที่ทางลงอันมืดมิดนั้น บรรยากาศมันชวนขนหัวลุกจริงๆ ชั้นแทบจะได้ยินเสียงโหยหวนดังก้องมาจากภายในอารามเลยทีเดียว พลันสูดลมหายใจเต็มปอดแล้วหันไปทางNPCผู้เป็นว่าที่ท่านอาจารย์สุดสวยของชั้นว่า
“ท่านหลิวชวงครับ พวกเราพร้อมแล้วครับ”
‘หลิวชวง’ถือดาบในมือขณะที่ก้มศรีษะเล็กน้อยว่า
“ถ้าอย่างนั้น ระวังตัวด้วยล่ะ ถึงแม้ว่าข้าจะเฝ้าดูสถานการณ์ของเจ้าอยู่ตลอดเวลา แต่ข้าก็ไม่สามารถเข้าไปภายในอารามมังกรได้ นี่ถือเป็นกฏเหล็กที่มีมานานหลายพันปีแล้วของป้อมมังกร ถ้าข้าพยายามลองลอบเข้าไปภายในอารามคงจะต้องพบกับชะตากรรมที่เลวร้ายเป็นแน่แท้…..”
ชั้นหัวเราะพลางชักดาบประกายวสันต์ออกมาจากหลัง
“เข้าใจแล้วครับ ถ้าเช่นนั้น พวกผมจะเข้าไปแล้วนะครับ”
“รักษาตัว!”
“ตุ้บ….”
เสียงรองเท้ารุ่งอรุณม่วงของชั้นย่ำลงไปบนทางเดินหินที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่หนา ชั้นต้องเกร็งตัวใช้พลังทั้งหมดเพื่อรักษาสมดุลย์ของร่างกายเอาไว้ก่อนที่จะก้าวเดินต่อไปทีละก้าวอย่างช้าๆ
ด้านหลัง ‘ว่านเอ๋อถือ’มีดสั้นไว้ในมือข้างหนึ่งส่วนอีกข้างก็เกาะกำแพงหินค่อยๆตามชั้นมา ส่วน’ตงเฉิงเยว่’และ’มัตชะ’นั้นสบายกว่าคนอื่นเพราะเอล์ฟลายลมไม่ต้องสัมผัสกับพื้นเพื่อการบิน ยิ่งพวกเราเดินลึกเข้าไปมากเท่าไหร่ความมืดยิ่งแผ่ขยายตัวมากเท่านั้นมากซะจนกระทั่งพวกเราไม่สามารถมองเห็นนิ้วมือของตนเองเมื่อยื่นแขนออกไปด้านหน้าได้
ชั้นลองชูดาบประกายวสันต์ขึ้นบนอากาศแต่นั่นก็ทำได้เพียงให้แสงสว่างเพียงไม่กี่เมตร ผิดกับมีดสั้นคมแดงเพลิงของว่านเอ๋อที่สามารถให้แสงสว่างได้เกือบสิบเมตร ไอเทมระดับจักรพรรดิ์ช่างเปล่งประกายเหนือกว่าไอเทมระดับม่วงอย่างไม่ต้องสงสัยจริงๆ พวกเราเคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างช้าๆได้ประมาณห้านาที
ดวงตาของ’มัตชะ’ก็พลันเบิกกว้างปากก็ส่งเสียงร้องเตือนชั้นมาจากด้านหลังว่า
“หัวหน้าคะ ระวัง!”
“วูบบบ!”
ทันใดนั้นพื้นหินที่เท้าชั้นควรจะเหยียบลงไปก็กลายเป็นอากาศส่งผลให้ตัวชั้นร่วงลงสู่เบื้องล่างทันที!
“อ๊ะ?”
‘หลินว่านเอ๋อ’ว่องไวสมกับเป็นนักฆ่าเธออุทานขึ้นมาพร้อมกับโดดมาด้านหน้าเพื่อจะคว้าตัวชั้นไว้ ซึ่งชั้นทำได้เพียงยื่นมือกลับมาไล่คว้าอากาศด้วยความตื่นตระหนก จนในที่สุดก็จับขาขวาขาวกลมกลึงของ’ว่านเอ๋อไ’ว้ทั้งสองมือโดยที่ร่างครึ่งหนึ่งห้อยลงไปยังปากเหว ชั้นกอดต้นขา’ว่านเอ๋อ’ไว้แน่นเพื่อไม่ให้ร่างรวงลงมากไปกว่าเดิม สัมผัสอันเนียนนุ่มยากจะบรรยายที่รู้สึกได้ภายใต้มือกร้านทั้งสองนั้นทำให้จังหวะเฉียดตายหนนี้ยากจะลืมเลือน….
“เกือบไปแล้ว……..”
‘ว่านเอ๋อ’วงหน้าซีดสนิทหันมาถามชั้นว่า
“นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ชั้นพยักหน้าตอบว่า
“ครับ….ผมไม่เป็นไร”
‘มัตชะ’กระพือปีกทั้งสองของเธอพาตัวมาด้านหน้าพร้อมมองลงไปด้านล่างแล้วพูดว่า
“แผนที่นี้มันแปลกๆนะคะ เข้ามาได้แค่ครึ่งทางแล้วจู่ๆพื้นหินก็ถูกตัดหายไปเลย……….ว่าแต่ว่า.. หัวหน้าคะ เมื่อไหร่จะปล่อยมือจากต้นขาของคุณหนูคนสวยล่ะคะ หือ ?”
‘ว่านเอ๋อ’พลันใบหน้าแดงซ่านรีบยื่นมือให้ชั้นจับเพื่อดึงตัวชั้นขึ้นมาจากปากเหว ‘หลิวย่ง’ควงปืนพลางพูดขำๆว่า
“ได้กอดต้นขาสาวงาม……ลดซักเลเวลก็ยอมฟะ…..”
ดวงหน้าของ’ว่านเอ๋อ’แดงซ่านหนักเข้าไปอีก ชั้นรีบใช้สายตาคาดโทษสยบปากหมานๆของ’หลิวย่ง’
“เลิกล้อว่านเอ๋อได้แล้ว รีบช่วยกันคิดหาทางที่จะไปต่อกันดีกว่า……”
ใบหน้างามของ’ว่านเอ๋อ’ยังแดงไม่หายขณะที่แหงนมองขึ้นไปด้านบนพลางกระพริบตาที่มีขนตายาวงอนคู่นั้น แล้วก็พลันชี้มือขึ้นและพูดว่า
“พวกเราดูนั่นสิ นั่นน่าจะเป็นทางไปต่อของพวกเรานะ….”
พวกเราเงยหน้าขึ้นมองไปตามทิศที่’ว่านเอ๋อ’ชี้ก็เห็นโซ่เหล็กเส้นเขื่องอยู่เหนือจากพวกเราไปประมาณเมตรกว่า โซ่เหล็กเส้นนั้นทอดตัวยาวลงไปสู่ความมืดมิดด้านล่างขนาดของมันราวๆข้อมือของเด็กและแกว่งช้าๆกลางอากาศ รอบๆตัวพวกเรานอกจากโซ่เส้นนั้นก็มีแต่ความมืดอันเวิ้งว้างมองไม่เห็นสิ่งใด
“ฉันไม่รู้ว่า……….”
‘ว่านเอ๋อ’เม้มปากครุ่นคิดเล็กน้อยพูดต่อว่า
“ฉันไม่รู้ว่าเจ้าโซ่เหล็กเนี่ยะมันจะยาวไปถึงไหน หรือว่าบางทีจะเป็นจุดหมายของพวกเราก็ได้ใช่ไหม?”
‘หยิ่วจื้อเฉิงโซ่ว’หัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า
“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ มีที่อื่นอีกเหรอ?”
“งั้นพวกเราจะไปได้ยังไงกัน?”
‘เสยเจียหลันเหยียน’ ถามขึ้น ‘ตงเฉิงเยว่’ยิ้มพรายพลางตอบว่า
“ง่ายจะตาย พวกเราก็แค่ใช้ผ้าคลุมของเราทำเป็นเชือกผ้าแล้วก็เอาไปพาดกับโซ่เส้นนั้นแล้วก็สไลด์ลงไปไง เจ้าโซ่เหล็กนี่ทอดตัวในแนวเอียงที่พอเหมาะ น่าจะไม่มีปัญหาในการโหนลงไป ก็เห็นมีแต่วิธีนี้ละนะ พวกเราต้องลองดู”
‘หลิวย่ง’โพล่งขึ้นว่า
“หรือเราจะลองเดินบนโซ่เหล็กลงไปดี…….”
‘ว่านเอ๋อ’ขำท้องแข็ง
“นี่ลุง คิดว่าพวกเราเป็นนักกายกรรมรึไง? ถ้าเกิดตกลงไปล่ะจะว่าไง……”
‘หลิวย่ง’สีหน้ากระอักกระอ่วนถามว่า
“ลุงไหน? ชั้นแก่กว่าหลี่เซียวเหยาไม่กี่ปีเองนะ…….”
‘เยว่ชิงเฉียน’กระชับมีดสั้นของเธอลอยหน้าลอยตาตอบว่า
“ใครจะสน ยังไงลุงก็แก่กว่าพวกเราทั้งหมดในนี้ เรียกลุงแหละดีแล้ว…………”
‘หยิวย่ง’ทำหน้ายอมแพ้
“เฮ้อ……ไม่พูดกับพวกเธอละ…..”
“ควั่บ!”
พลันชั้นก็เอาผ้าคลุมสิ้นศรัทธาที่หลังมาพันเป็นเชือกเตรียมเอาไว้พาดไปที่โซ่เส้นนั้นถือมันไว้ด้วยสองมือ หันมาพูดว่า
“พวกเราอย่ามามัวเสียเวลากันอยู่เลย ชั้นจะลงไปคนแรกที่เหลือค่อยๆตามกันลงมา นี่มันแค่เรื่องจิ้บๆของแผนที่แห่งนี้ พวกเราคงไม่ถอดใจกันใช่ไหม?”
“อื้ม ระวังตัวด้วย!”
‘หลินว่านเอ๋อ’และ’ตงเฉิงเยว่’ประสานเสียงตอบแทบจะพร้อมกันแล้วก็หัวเราะ ชั้นถอยหลังไปไม่กี่ก้าวเพื่อกะระยะ แล้วก็พลันกระโดดพุ่งไปด้านหน้า เหวี่ยงผ้าคลุมไปพาดบนโซ่อย่างแม่นยำแล้วก็เริ่มโหนตัวลงไปตามแนวโซ่
เบื้องหลังชั้น ‘หลินว่านเอ๋อ’ ‘ตงเฉิงเยว่’และคนอื่นๆทยอยตามกันโหนตัวลงมา ทั้ง’ตงเฉิงเยว่’และ’มัตชะ’ไม่สามารถบินได้ แม้เอล์ฟสายลมจะบินได้ก็จริงแต่ต้องมีพื้นดินที่พอมองเห็นได้รองรับ สำหรับความสูงระดับนี้แม้แต่เอล์ฟสายลมก็ยังพลัดตกจากฟ้าได้เช่นกันถ้าคิดจะลองบินดู
ขณะที่โหนตัวลงมานั้นสายลมแรงหวีดหวิวอยู่ข้างหูของพวกเราทั้งเก้าชีวิตที่แขวนอยู่บนโซ่เหล็กเส้นนั้นที่ดูเหมือนเถาวัลย์ในบิดพันกันดั่งรั้ว หลังจากโหนลงมาจากความสูงระดับนั้นครู่ใหญ่ๆ แสงสว่างก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าของเราเผยให้เห็นมวลหมู่ดารามากมายดั่งท้องทะเล และเมื่อได้แสงจากดวงดาวช่วยในการมองเห็นของเราทำให้รู้ว่าที่ใจกลางทะเลดาวระยิบระยับแห่งนี้มีพื้นที่แบ่งเป็นสี่ส่วนลอยอยู่ตรงกลาง
นั่นเป็นทางที่พวกเราจะต้องไปแน่นอน! ‘หลินว่านเอ๋อ’หัวเราะขณะที่มองไปรอบๆดวงตาที่สุกสกาวนั้นเต็มไปด้วยความพิศวงเอ่ยขึ้นว่า
“ที่นี่สวยจริงๆ……ดูพื้นดินที่ลอยอยู่กลางอากาศทั้งสี่แห่งนั่นสิ นี่ราวกับเทพสวรรค์มาสร้างไว้เหมือนกับสถานที่ในหนังสือนิทาน ช่างสวยงามวิจิตระการตาเหลือเกิน………”
‘ตงเฉิงเยว่’พลอยขำไปด้วยพูดขึ้นว่า
“แผนที่แห่งนี้น่าจะเป็นมรดกตกทอดมาจากลัทธิม่อจื้อ เป็นงานชิ้นเอกของท่านผู้อาวุโสหยุนเฉินละมั้ง? นอกจากท่านแล้วหาใครที่จะวางผังสร้างแผนที่ได้วิลิสมาหราขนาดนี้…..”
‘หลิวย่ง’กระแอมขึ้นขัดคอว่า
“อะแฮ่ม ผลงานที่โดดเด่นของสำนักปราญช์ม่อจื้อส่วนใหญ่น่ะเป็นเครื่องจักรไม่ก็พวกกับดัก ส่วนเรื่องสิ่งปลูกสร้างและอาคารสถานที่นั้นน่ะส่วนมากเป็นผลงานของท่านหลู่ปันต่างหากล่ะ”
TL : หลู่ปันเทพเจ้าทางด้านก่อสร้างและงานช่างของชาวจีน
‘ตงเฉิงเยว่’ทำหน้าหมั่นไส้ตอกกลับว่า
“นี่ลุง….. ฉลาดขนาดนี้ทำไมไม่เดินไต่โซ่ลงมาละหา มาตอนนี้ละรู้มากจริง เชอะ….”
‘เยว่ชิงเฉียน’กลั้นหัวเราะเต็มที่แต่ก็อดขำไม่ได้อยู่ดีทำให้ร่างน่ารักของเธอสั่นไหวไปมากลางอากาศ และยิ่งอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวด้วยแล้วยิ่งทำให้ร่างของเธองดงามขึ้นไปอีก …………….
“ตุ้บ!”
รองเท้ารุ่งอรุณม่วงของชั้นลงสัมผัสกับพื้นดินเสียงดังพร้อมกับกลุ่มเศษฝุ่นที่กระจายตัวขึ้นมา และฉวยโอกาสที่ทาร่างไม่เสียสมดุลย์นั้นทะยานต่อไปด้านหน้าในหูพลันได้ยินเสียงจากระบบ
“ติ๊ง!” ประกาศจากระบบ : คุณได้เข้าสู่แผนที่ระดับ SSS – [อารามมังกรชั้นที่หนึ่ง] โปรดเตรียมตัวให้พร้อม !
ทางด้านหลังของชั้น ‘หลินว่านเอ๋อ’ ‘ตงเฉิงเยว่’และคนอื่นๆก็ลงมาสัมผัสพื้นแล้วเช่นเดียวกัน ทั้งเก้าชีวิตยืนเรียงแถวกันโดยไร้เสียงพูดจาเมื่อเข้าสู่แผนที่ร้างแห่งนี้ ซึ่งเจ้าพื้นดินที่ลอยอยู่ท่ามกลางทะเลหมู่ดาวนี้ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกปลอดภัยแม้แต่น้อย
ชั้นกระชับดาบประกายวสันต์ในมือพลางเคลื่อนพลไปด้านหน้า ‘เป็ดที่รัก’ก็ร่ายสกิลเลเวล 6 ของเธอ [ปลุกใจ](Encourage) ให้กับชั้นเพื่อเพิ่มพลังโจมตีให้อีก 6% ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลยละนะ
“มอนสเตอร์ปรากฏตัวทางนั้นค่ะ…..”
‘เยว่ชิงเฉียน’ชี้ตรงไปยังหญ้ารกที่แห้งตายปกคลุมบริเวณนั้นอยู่ เงาร่างของสิ่งหนึ่งเดินไปมาตรงนั้นช้าๆ นั่นมันพวกอมนุษย์นี่ มันดูเหมือนกับกิ้งก่าขนาดใหญ่แต่ว่ามีแขนเหมือนมนุษย์ลำตัวสวมใส่ด้วยเกราะกระดูกและถือดาบยาวหนาเป็นอาวุธ ด้านหลังมีอาวุธที่ทำจากกระดูกแหลมคม ทำให้ดูเหมือนว่าเจ้าพวกสัตว์ประหลาดเหล่านี้แบกดาบไว้เต็มหลัง
ศีรษะอัปลักษณ์ของมันสวมไว้ด้วยหมวกเหล็กสีม่วง ดวงตาประสงค์ร้ายทั้งคู่ของมันจ้องมองพวกเรามาแต่ไกล เอาล่ะเจ้านี้ต้องเป็นมอนสเตอร์ของที่นี่ และการที่มันเป็นมอนสเตอร์ของแผนที่ระดับ SSS พลังของมันต้องมากกว่าพวกมอนสเตอร์ธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน
[มนุษย์มังกรทมิฬ](มอนสเตอร์ระดับสูง) เลเวล : 62
พลังโจมตี : 1180-1540
พลังป้องกัน : 1000
พลังชีวิต : 12000
ทักษะ : [ทิ่มแทง] [หั่นแหลก] [วิญญาณมังกร]
คำแนะนำ : ตามตำนาน มนุษย์มังกรทมิฬเป็นผู้รับใช้ของเผ่ามังกรและเผ่าสวรรค์ พวกมันมีพลังกายที่เหลือล้น พวกมันถูกจองจำไว้ในอารามมังกรมากว่าหมื่นปี ความเกลียดชังเป็นเพียงอย่างเดียวที่พวกมันรู้จักทำให้พวกมันเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย ทำให้เหมาะอย่างยิ่งที่จะทำหน้าที่เป็นผู้เฝ้าในอารามมังกร
“เอาละเว้ย ….เอาละเว้ย….”
‘หลิวย่ง’พูดเสียงเบา
“ตอนที่อยู่สุสานร้างห้าชนเผ่ามีมอนสเตอร์ระดับสูงที่มีพลังชีวิตถึง 9000 ถ้าหากที่แมพนี้มันจะมีมอนสเตอร์ระดับสูงเลเวล 62 ที่มีเลือด 12000ก็ไม่แปลกใจหรอก! แต่ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะมีค่าป้องกันทะลุสูงขึ้นไปถึง 1000…”
ชักมีดสั้นของเธอออกมาแล้ว’หลินว่านเอ๋อ’ก็เอ่ยเสียงเรียบว่า
“ไม่ต้องห่วง เซียวเหยากับฉันก็เพียงพอที่จะจัดการมันลงได้แล้ว นายยืนเล่นเฉยๆไปก่อนก็ได้….”
‘หลิวย่ง’โอดครวญด้วยน้ำตาเอ่อว่า
“นี่….ถึงชั้นจะห่วยเป็นเหมือนปลิงมาขอดูดเลเวลแต่ก็ไม่ไร้ความสามารถขนาดนั้นหรอกนะ ซิกๆ….”
ชั้นอมยิ้มและสั่งเป็นงานเป็นการว่า
“เอาล่ะพวกเรา เลิกแกล้งหลิวย่งกันได้ละ ชั้นจะออกไปลองทดสอบพลังของเจ้ามนุษย์มังกรนั่นหน่อย ระวังตัวกันด้วยหล่ะทุกคน”
“โอเค!”
เมื่อชักดาบประกายวสันต์ออกมาพลันชั้นก็พุ่งไปด้านหน้าเข้าโจมตีใส่ด้วยสกิล [คมดาบน้ำแข็งกล้า]ทันที ขณะเดียวกันก็ลองรับการโจมตีจากเจ้ามนุษย์มังกรเป็นครั้งแรกดู!
“1764 !”
“312 !”
‘หลิวย่ง’กรามค้าง
“โหย….ไอพลังป้องกัน 1000 นี่ดูยังกับเป็นขนมหวานเลยเมื่อถูกโจมตีโดยเซียวเหยา…..”
ดาบของชั้นเรืองรองด้วยสัญลักษณ์รูปดาวหกแฉกบ่งบอกให้รู้ว่าชั้นกำลังใช้สกิล [โจมตีต่อเนื่อง]เข้าห้ำหั่นกับศัตรู ‘ตงเฉิงเยว่’และ’หลิ่วย่ง’เริ่มเปิดฉากโจมตีไกลของพวกเขาแล้วเช่นกัน เพียงแค่ผ่านไปไม่กี่วินาทีพลังชีวิตของมนุษย์มังกรทมิฬก็ลดลงไปถึง 30%!
“ฮูมมม….”
ด้วยเสียงคำรามที่คล้ายกับของมังกรเจ้ามนุษย์มังกรนั่นเรียกใช้สกิลที่สามของมัน-[วิญญาณมังกร]! พลันสัญลักษณ์รูปกรงเล็บมังกรก็ปรากฏขึ้นบนฟ้าและตกสู่ร่างของมันเพิ่มพลังโจมตีให้มนุษย์มังกรนั่นทันที
ดาบยาวหนาเตอะของมันก็วาดเป็นแนวขวางมันใช้ออกด้วยสกิล[หั่นแหลก]ใส่หน้าอกชั้นทันที!
“917 !”
“อ้ะ…..”
‘หยิ่วจื้อเฉิงโซ่ว’ร้องออกมาอย่างตกใจผ่านริมฝีปากเล็กเรียวนั้น
“แบบนี้เดี๋ยวศพไม่สวยนะจ้ะ สกิล[วิญญาณมังกร]นั่นเพิ่มพลังโจมตีให้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 50% เราต้องรีบฆ่าเจ้ามนุษย์มังกรนั่นให้เร็วที่สุด!”
ที่มา: