I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 213 ร่างเงาของมังกรวายุ

| Zhan Long | 1526 | 2357 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลโดยคุณ WildFox

////////////

“ฉับ!”

ผมจัดการตัดหัวเจ้ามนุษย์มังกรทมิฬได้ในที่สุด และคิดว่าใช้เวลาเพียง 13 วินาทีต่อมอนสเตอร์หนึ่งตัวค่าDPS(ดาเมจต่อวินาที)ของพวกเราก็ถือว่าสูงไม่ใช่เล่น หลังจากนั้นผมก็ก้มลงเก็บกองเงินที่มันดรอปไว้บนพื้น 47เหรียญเงินและระบบแบ่งไอเทมในปาร์ตี้ก็จัดการแบ่งสรรปันส่วนให้กับทุกคนในปาร์ตี้โดยอัตโนมัติ ผมอมยิ้มและพึมพำกับตัวเองว่า

“แจ่มเลย แค่ฟาร์มเงินอย่างเดียวที่นี่ก็ทำให้เรารวยได้ละ………”

‘หลินว่านเอ๋อ’เตือนความจำขึ้นมาว่า

“เมื่อพลังชีวิตของเจ้ามนุษย์มังกรลดต่ำกว่า 30% บัฟเพิ่มพลังโจมตีอัตโนมัติของมันจะทำงานทันทีเพราะฉะนั้นขอให้คนที่ทำดาเมจทุกคนเตรียมสกิลของตัวเองให้พร้อมอยู่ในสภาพคูลดาวน์เพื่อที่จะได้ระดมโจมตีเน้นค่าความเสียหายเพื่อจบชีวิตมันให้ไวที่สุดเท่าที่เราทำได้เมื่อเข้าสู่ช่วงที่มันเหลือพลังชีวิต 30%”

‘มัตชะ’พยักหน้าสนับสนุนว่า

“อื้อ คุณหนูหลินว่านเอ๋อสุดสวยกล่าวถูกต้องแล้ว พวกเราต้องพยายามโจมตีให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อประหยัดเวลาและรักษาชีวิต”

เมื่อผมเริ่มกวาดสายตาสำรวจไปทั่วบริเวณก็พลันพบว่ามีมนุษย์มังกรจำนวนมากกระจายตัวอยู่รอบๆ ที่ใกล้ที่สุดคือกลุ่มของมนุษย์มังกรที่มีอยู่ห้าตัวด้วยกันเกาะกลุ่มกันอยู่

“หวา…..เยอะนะเนี่ยะ…..”

‘เสยเจียหลันเหยียน’ เอ่ยขึ้น

‘หลินว่านเอ๋อ’ให้กำลังใจว่า

“ไม่ต้องเป็นห่วงไป เรามีแท้งค์ตั้งสองคนทั้ง หลี่เซียวเหยาและเจ้มัตชะ……”

‘มัตชะ’คนสวยยิ้มอย่างมั่นใจพูดว่า

“อื้ม มนุษย์มังกรทั้งห้าตัวนั้นมันอยู่ใกล้กันมาก ถ้าหากโจมตีตัวใดตัวหนึ่งก็จะเป็นการเรียกความสนใจจากตัวที่เหลืออีกสี่ตัวทันที แผนของเราก็คือ ให้หัวหน้าล่อมนุษย์มังกรทมิฬไปสักสองตัวส่วนฉันจะดึงความสนใจอีกสามตัวที่เหลือไว้ก่อน พวกเราก็ตั้งสมาธิโจมตีไปยังมนุษย์มังกรสองตัวที่หัวหน้าก่อนหลังจากกำจัดพวกมันได้แล้วค่อยมากวาดพวกที่เหลืออีกสามตัว…..”

ผมรู้สึกสงสัยจึงถามออกไปว่า

“มัตชะเธอแน่ใจเหรอว่าจะเรียกความสนใจจากมนุษย์มังกรทมิฬสามตัวได้ด้วยตัวคนเดียว รวมถึงตอนที่จะมีค่าความสนใจจากการใช้สกิลรักษาของพวกฮิลเลอร์อ่ะนะ?”

“เชื่อมือฉันสิคะ หัวหน้า”

“ดี งั้นเตรียมพร้อมเลย ตงเฉิง ไปล่อมอนสเตอร์มา!”

“รับทราบ!”

ด้วยการย่องเข้าไปอย่างช้าๆ ‘ตงเฉิง’ก็พาร่างไปหยุดห่างจากกลุ่มมอนสเตอร์ประมาณ 37 เมตร ดวงตาคู่สวยก็ทำการวัดตำแหน่งมอนสเตอร์คร่าวๆ แล้วก็เริ่มร่ายเวทย์ทำให้เกิดเสียงของประจุไฟฟ้าที่ดังพอจะได้ยิน มองเห็นสายฟ้าวิ่งวนไปมารอบๆนิ้วมือของเธอ ขณะที่พลังงานก็ปั่นป่วนไปทั่วบริเวณ ทำให้เสื้อคลุมตัวน้อยของเธอกระพือขึ้นจนมองเห็นช่วงขาขาวนวลทั้งสองข้าง

“เปรี้ยง!”

พลันนักเวทย์สาวสวยก็ใช้สกิล[หัตถ์อัสนี]ยิงก้อนสายฟ้าให้สะท้อนไปมาระหว่างกลุ่มของมนุษย์มังกรเรียกค่าความเสียหายรวมๆกันได้ไม่ต่ำกว่า 10000 หน่วยพร้อมกับเป็นการเรียกความสนใจของมอนสเตอร์มาที่เธอในเวลาเดียวกัน สกิลระดับ S อันนี้มองยังไงก็ยังโหดอยู่มิใช่น้อย

ผมถลาไปด้านหน้าทันที เมื่อรองเท้ารุ่งอรุณม่วงของผมเหยียบมั่นบนพื้นหญ้าก็พลันมองหาตำแหน่งเหมาะๆเพื่อปล่อยสกิล ชั่วอึดใจต่อมาอุกกาบาตทั้งเจ็ดลูกปรากฏขึ้นและเข้าไปลอยวนรอบดาบอยู่ชั่วครู่ก่อนจะระเบิดออกไปโจมตีมนุษย์มังกรทั้งห้านั้น สกิล[เฉือนสะเก็ดเจ็ดดารา]เลเวล 5 ของชั้นพุ่งเข้าสร้างความเสียหายอย่างน่าตกตะลึง พร้อมกับตัวเลขที่ปรากฏขึ้นเป็นสายยืนยันค่าโจมตีอันน่าตกใจแก่ทุกคน!

1763 !

1820 !

3764 !

1799 !

มอนสเตอร์ทั้งกลุ่มตัวสั่นสะท้านเมื่อโดนโจมตีเข้าไปและหันความสนใจมาที่ผมทันที พวกมันร้องคำรามพลางชูดาบหนาในมือ วิ่งเข้ามาหมายจะสังหารคนที่ทำร้ายมันให้หายแค้น

“อื้อหือ…….”หลินว่านเอ๋อเผลอร้องออกมาขณะที่ก็มือกระชับมีดสั้นของเธอ “ในที่สุด หลี่เซียวเหยา ก็มีสกิล AOE เหมือนคนอื่นซักที ฉันก็คิดตั้งนานแล้วว่าดูไม่เข้าท่าเลยที่ตานั่นไม่มีสกิลโจมตีกายภาพเป็นแบบ AOE เลยซักสกิล…….”

ด้วยการตวัดดาบอีกครั้งผมก็ปล่อยสกิลโจมตีต่อเนื่องผสานเฉพาะตัว [หนึ่งเทียบพัน]ออกไป ถัดไปไม่ไกล ‘มัตชะ’ก็วาดดาบของเธอเพื่อปล่อยสกิล [ลำแสงมายาสะบั้น]ใส่มนุษย์มังกรสามตัวที่หมายตาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ร่ายสกิลเรียกร่างมายาขึ้นมาด้วยสกิล [ร่างโคลนมายา] ที่มีขนาดเล็กกว่าตัวของเธอออกมาต่อสู้กับมนุษย์มังกรทั้งสามตัว ด้วยการผสมผสานทั้งเทคนิคการบังคับร่างมายาและสกิลโจมตีทำให้ค่าความสนใจของมนุษย์มังกรทั้งสามนั้นอยู่ที่ มัตชะอย่างเหนียวแน่นทันที

“ชอตนี้กดไลค์ให้เลย มัตชะ…..”

‘หลิวย่ง’หัวเราะพลางสาดกระสุนเข้าใส่ฝูงมอนสเตอร์

“แก๊ง แก๊ง แก๊ง….”

เสียงดาบหนาหนักฟาดฟันลงบนโล่สีทองของ ‘มัตชะ’ ไม่ขาดสาย โชคดีเหลือเกินที่ตั้งแต่แรกเธอเอาค่าสเตตัส 1แต้มทุกครั้งที่เลเวลอัพไปเพิ่มค่าความต้านทานไว้เมื่อตอนที่เธอเปลี่ยนอาชีพนั้นก็ทำให้มีแต้มเพิ่มค่าความต้านทานถึง 53แต้ม อีกทั้งยังเอาแต้มอีก 100 ไปลงกับค่าพลังป้องกัน

เพราะเหตุนั้นเมื่อรวมกับโล่ของเธอค่าพลังป้องกันของ’มัตชะ’แทบจะไม่ต่างจากของผมซักเท่าไหร่เลย ตวัดดาบอีกไม่กี่ครั้งก็สำเร็จโทษเจ้ามนุษย์มังกรทมิฬทั้งสองตัวนั้นได้ ผมเปลี่ยนเป้าหมายไปยังอีกสามตัวที่เหลือเพื่อช่วย ‘มัตชะ’ แบ่งรับดาเมจทันที เกือบ 30 วินาทีที่’มัตชะ’ ยืนรับดาเมจจากมอนสเตอร์ทั้งสามจนพลังชีวิตลดเหลือประมาณ 30%

แม้จะมีฮีลเลอร์ทั้งสองคือ ‘เสยเจียหลันเหยียน’กับ’เป็ดที่รัก’ ผลัดกันคอยใช้สกิลรักษาชีวิตเธออยู่ก็ตาม ‘มัตชะ’ก็เรียกใช้สกิล[โล่ศักดิ์สิทธิ์มายา]ขึ้นมาป้องกันตัวพลางบ่นว่า

“โอ้ย โอ้ย สาวๆอย่าฉันเนี่ยะไม่น่าจะมาเป็นแท้งค์เลยนะโดนมอนสเตอร์หวดอย่างเดียวนี่มันเจ็บนะเนี่ยะ…..”

ผมตอบว่า

“โชคดีนะ ที่เธอเป็นสายอัศวินผสมระหว่างแท้งค์กับDD(ดาเมจดีลเลอร์ – ผู้สร้างความเสียหาย)ที่อัพ 7 แต้มไปที่ค่าความแข็งแกร่งทุกครั้งที่อัพเลเวล อัศวินบางคนเล่นแบบอัพแต้มไปที่ค่าพลังป้องกันกับค่าความต้านทานอย่างละ 5 แต้มต่อเลเวล ช่างเป็นการสร้างตัวละครให้มาเป็นกระสอบทรายแท้ๆ ต้องรอถึงผ่านอาชีพระดับสามซะก่อนถึงจะมีสกิลมาช่วยเสริมเรียกค่าความสนใจจากมอนสเตอร์เมื่อนั้นแหละพวกเค้าถึงจะสามารถเป็นอัศวินหรือพระที่เรียกตัวเองว่าเป็นแท้งค์ได้อย่างเต็มปากแต่ก็เหมาะแค่สำหรับการล่าบอสเท่านั้นละนะ”

‘มัตชะ’ยังตวัดดาบของเธอหวดซ้ายป่ายขวาเข้าโจมตีมนุษย์มังกรพลางหัวเราะแล้วตอบว่า

“หัวหน้าคะ ฉันขอเป็นอัศวินสายดาเมจดีกว่าค่ะ….”

ผมพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมตอบกลับไปว่า

“เธอต้องเป็นอย่างงั้นอยู่แล้ว ช่วงท้ายของเกมส์การต่อสู้ส่วนใหญ่จะเป็นการ PK(ผู้เล่นฆ่ากันเอง)ของผู้เล่นซะส่วนใหญ่ไม่ใช่การต่อสู้กับบอสมอนสเตอร์ อนาคตของกิลด์ [Zhan Long]เราจะมั่นคงจากการสู้รบเท่านั้น เช่นนั้นพวกเราจึงไม่คาดหวังอะไรมากกับผู้เล่นที่มีแต่สกิลป้องกันเป็นส่วนใหญ่หากแต่เราต้องเน้นจำนวนไปที่ผู้เล่นที่มีสกิลโจมตีได้รุนแรงเป็นสำคัญ และ มัตชะ ด้วยสกิลโจมตีเป็นหมู่ของอาชีพเธออย่าง[ลำแสงมายาสะบั้น] ไม่มีทางที่ผมจะยอมให้เธอเล่นเน้นไปทางด้านสเตตัสค่าป้องกันอย่างเดียว …..”

‘มัตชะ’หัวเราะอย่างร่าเริงยอมรับว่า

“หัวหน้า หัวใสที่ซู้ดดดดด!”

ไอเทมระดับเขียวดรอปจากมนุษย์มังกรทมิฬกลุ่มนั้นซึ่งไม่ค่อยจะมีค่าเท่าไหร่ ทำให้พวกเราเริ่มออกกวาดล้างมอนสเตอร์เพื่อที่จะเคลียร์อารามมังกรชั้นที่หนึ่งนี้ ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเราก็สามารถกำจัดพวกมนุษย์มังกรทมิฬรอบๆได้หมด อย่างไรก็ตามการที่พวกเราจะผ่านไปยังพื้นที่ส่วนต่อไปของอารามมังกรนั้นพวกเราจะต้องหาสถานที่สำหรับกระโดดโหนตัวลงไปยังชั้นต่อไป

เมื่อตรวจดูที่แถบค่าประสบการณ์ผมก็พบว่ามันเพิ่มขึ้นมาอีก 34%ภายในหนึ่งชั่วโมงที่ต่อสู้กับมนุษย์มังกรเหล่านั้น ทำให้ผมตอนนี้อยู่ที่เลเวล59 กับอีก 48% ถ้าจัดการบอสของชั้นนี้ได้โดยที่ไม่ถูกฆ่าละก็ ผมก็จะได้เลเวล 60 ซะที และเมื่อผมเลเวล 60 ก็จะสามารถรับการถ่ายทอดวิชาจากอาจารย์ตัวจริงในที่สุด

อาจารย์ผู้ที่งดงามและสูงส่ง ในฐานะสตรีผู้ซึ่งได้รับความเคารพทั้งจาก’คาร์ล’และราชา’โหลวหลิน’ อีกทั้งความแข็งแกร่งของ’หลิวชวง’ก็เป็นของจริง ผมเห็นเองมาแล้วเต็มสองตา ตำแหน่งของเธอที่ได้รับมานั้นย่อมมาจากความแข็งแกร่งอย่างแน่นอนหาได้มาจากความเป็นสตรีผู้งดงามหรือมีสเน่ห์แต่อย่างใด

มิเช่นนั้น เธอคงไม่สามารถรักษาชีวิตของตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัยในดินแดนที่รกร้างและหนาวเย็นของป้อมมังกรได้

“แว่บ!”

ลำแสงสว่างส่องลงยังร่างของ ‘มัตชะ’ เป็นเครื่องหมายบอกให้รู้ว่าเธอเลเวลอัพเป็นเลเวล 55 แล้ว หลังจากที่พวกเราร่วมต่อสู้ผ่านแผนที่ระดับ S หรือสูงกว่าด้วยกันมา บัดนี้ผู้ที่มีเลเวลหน่อมแน้มที่สุดในกิลด์[Zhan Long]ก็เติบโตขึ้นอย่างมาก แม้ว่าเธอจะเริ่มต้นจากผู้ที่เลเวลน้อยที่สุด

ทุกครั้งที่เธอเลเวลอัพก็ขยับเข้าใกล้กับพวกเราซึ่งทำให้การแบ่งค่าประสบการณ์ถูกเฉลี่ยให้อย่างเหมาะสมทำให้การเก็บเลเวลเป็นไปอย่างง่ายขึ้น

“กรึ้ก!”

พริบตาเดียวดาบในมือของ ‘มัตชะ’ ก็ถูกแทนที่ด้วยหอกรูปทรงเพรียวลม นี่คือหอกผลึกวิญญาณมังกรที่ชั้นมอบให้เธอซึ่งเป็นไอเทมระดับม่วงชั้นยอดที่มีค่าพลังโจมตีที่สูงมากอันนั้นแน่นอน

“ว้าว….”

‘มัตชะ’ร้องอย่างตื่นเต้นเมื่อเธอตรวจดูหน้าต่างค่าสเตตัสของตัวละครและพูดอย่างลิงโลดว่า

“ตอนนี้ค่าพลังโจมตีพื้นฐานของฉันอยู่ที่ 1950 แล้ว สุโค่ยยยย…..”

เนื่องจากไม่ค่อยเข้าใจมากนักเกี่ยวกับค่าสเตตัสการโจมตีของผู้เล่นสายประชิด ‘หลิวย่ง’จึงถามว่า

“ค่าโจมตีพื้นฐาน 1950 นี่มันเรียกว่าสูงแล้วเหรอ? ของหัวหน้าล่ะค่าโจมตีพื้นฐานมีเท่าไหร่?”

หลังจากตวัดสายตาไปมองที่ค่าสเตตัสของชั้นก็ตอบว่า

“ 2186 แต่ว่าผมน่ะลงแต้มทั้งหมดไปที่ค่าความแข็งแกร่งและแถมยังมีไอเทมระดับจักรพรรดิ์อีกสองชิ้นที่เพิ่มค่าความแข็งแกร่งแถมมาให้อีก”

“โอ้ว ดูท่ามัตชะจะองค์ลงแล้วสิเนี่ยะ……มีของดีนะเราน่ะ”

‘หลิวย่ง’แซว ‘เป็ดที่รัก’ ก็คำนวนเวลาครู่หนึ่งก่อนจะร่ายเวทย์ [ปลุกใจ]ให้ ‘มัตชะ’อีกครั้ง ตอนนี้ความสามารถของ ‘มัตชะ’ ทั้งด้านโจมตีและป้องกันย่อมไม่เป็นปัญหาต่อการสู้กับมอนสเตอร์หรือว่าไล่ฆ่าบอสแล้ว …………..

พวกเราเริ่มเคลียร์มอนต่อไป ผ่านไปประมาณอีกครึ่งชั่วโมงก็มาถึงส่วนท้ายสุดของแผนที่ ซึ่งมองเห็นเป็นหน้าผาอันมีพื้นที่ยื่นออกไปในอากาศ ถัดไปก็มองเห็นโซ่แบบเดิมที่เราโหนตัวลงมา ทอดตัวยาวลงไปเบื้องล่าง นั่นก็คือทางที่จะพาเราไปสู่แผนที่อารามมังกรขั้นที่สองต่อไป

แต่ก็ต้องมาสะดุดหยุดอยู่ที่รูปปั้นขนาดมหึมา ลักษณะเหมือนกับว่ามันพร้อมที่จะกลับมามีชีวิตขึ้นได้ตลอดเวลา นี่น่าจะเป็นบอสของพื้นที่ชั้นแรกอย่างไม่ต้องสงสัย ผมสามารถรู้สึกถึงพลังอันแข็งแกร่งแผ่ออกมาจากภายในรูปปั้นนั่นทีเดียว

“เจอบอสแล้ว….”

‘หลินว่านเอ๋อ’พึมพัมอย่างตื่นเต้น พลางกระชับมีดสั้นในมือของเธอพูดขำๆว่า

“ได้เวลาแท้งค์นัมเบอร์วันของปาร์ตี้ เปิดงานรึยังจ๊ะ?”

โดยไม่ตอบคำถามผมเคลื่อนที่ไปยังด้านหน้าของรูปปั้น พลันกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ เงื้อดาบประกายวสันต์ขึ้นแล้วสับลงไปยังช่วงต้นคอของรูปปั้นทันที

“แคร๊ง!”

ผิวด้านนอกที่ทำด้วยศิลาของรูปปั้นกะเทาะออกร่วงลงสู่พื้น เผยให้เห็นเกล็ดมังกรสีเหลื่อมดั่งสีของรุ้งอยู่ด้านใน

“งานงอกแล้วไง นี่มันมีมังกรตัวเป็นๆเฝ้าพิทักษ์ดวงวิญญาณของผู้รับใช้แห่งลัทธิม่อจื้อจริงๆเหรอเนี่ยะ  เจ้าเทพมังกรกาฬนี่มัน ชักจะขี้ระแวงมากไปแล้วมั้ง!”

“ฮูมมมมม!”

พร้อมกับเสียงคำรามก้อง มังกรเจ้าของเสียงก็ปรากฏกายออกจากหินศิลาที่เป็นเหมือนเปลือกนอก สายลมกรรโชกบิดเป็นเกลียวพันร่างมังกรขนาดยักษ์ที่กำลังยืนทะมึนต่อหน้าพวกเรา ทำให้บรรยากาศดูน่าเกรงขามไม่น้อย ร่างของเจ้ามังกรนั้นโปร่งแสงจนนึกว่าทำมาจากแก้ว

แต่ถึงกระนั้นคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธพลังของเผ่ามังกรที่แข็งแกร่งเป็นแน่ ขยับหัวของมันเล็กน้อยพุ่งทะยานมาด้านหน้ายกกรงเล็บขึ้นแล้วก็โจมตีใส่เกราะเนบิวล่าของผมทันที

“1193 !”

“แก๊ง!”

แรงกระแทกผลักผมถอยหลังไปซักสิบเมตรได้ ต้องตั้งหลักโดดพาร่างเจนศึกนั้นลอยจากพื้นแล้วผมก็เหวี่ยงดาบที่มีแสงสว่างอันเป็นเครื่องหมายของสกิล[คมดาบน้ำแข็งกล้า]ทิ่มเข้าไปยังส่วนที่เป็นคอของมังกร

“1421 !”

ผมแหงนคอตั้งบ่าเพื่อดูสเตตัสของบอสและส่งผ่านไปยังปาร์ตี้อย่างรวดเร็ว

[ร่างเงาของมังกรวายุ – ลุค](บอสระดับม่วง) เลเวล : 62

พลังโจมตี : 1720-2150

พลังป้องกัน : 1250

HP : 350000

สกิล : [กรงเล็บมังกร][คมพายุผ่า][ไซโคลนสลาตัน]

คำอธิบาย : ลุค เป็นร่างเงาที่สร้างจากร่างต้นแบบมังกรวายุที่มีพลังและความแข็งแกร่งคล้ายกับร่างจริง หลังจากที่ เทพมังกรกาฬได้จองจำสานุศิษย์ของลัทธิม่อจื้อทั้งหลายแล้ว มันก็ได้สั่งให้มังกรในอาณัตทั้งสี่เอาเลือดและส่วนของร่างกายตัวเองสร้างร่างเงาขึ้นมา และร่างเงาทั้งสี่ก็ได้ถูกใช้ให้เฝ้ารักษาอารามมังกรทำหน้าที่ดั่งปราการนักรบของเผ่ามังกร

“ตายโหง  พลังโจมตี 2150…. มังกรวายุ หนึ่งในบรรดามังกรใต้อาณัต งั้นเหรอ?”

‘หลิวย่ง’กระชับปืนไฟคาบศิลาในมือรีบถอยหลังให้ห่างจากระยะโจมตีของมังกรวายุพลางถามว่า

“มัตชะ พวกเราจะสู้มันยังไงดี?”

‘มัตชะ’ชูหอกผลึกวิญญาณมังกรในมือตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

“สู้แบบที่เคยสู้นั่นแหละ ให้หัวหน้าระดมโจมตีใส่มันเพื่อเรียกค่าความสนใจไว้ก่อน พอความสนใจทั้งหมดไปอยู่ที่หัวหน้าแล้ว จากนั้นเราค่อยผสมโรงจู่โจมไป จนกว่าบอสจะเปลี่ยนไปใช้สกิลที่โจมตีเป็นวงกว้าง เมื่อนั้น ฉันจะเข้าไปช่วยหัวหน้าด้วยการแบ่งรับเอาดาเมจบางส่วนเอง”

“ตกลง ว่าไงว่าตามกัน!”

ผมยกดาบประกายวสันต์คู่ใจขึ้นมาสงบสติอารมณ์ซักพัก แล้วจึงออกไปจู่โจมบอสซึ่งต้อนรับผมด้วยกรงเล็บอันคมกริบของมัน ผมโต้กลับด้วยสกิล[หนึ่งเทียบพัน]ขณะที่ต้องรักษาชีวิตตัวเองด้วยสกิลรักษาเพื่อฟื้นฟูเลือด ไม่ถึง 30 วินาทีหลังจากนั้นต่อมาก็สามารถลดพลังชีวิตจากบอสไปได้มากกว่า 10000 หน่วย

บรรดาฮีลเลอร์ทั้งสามคนก็สามารถเสริมด้วยการร่ายเวทย์รักษาทำให้การต่อสู้อยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ แม้ว่าเจ้าบอสมังกรวายุนี่จะมีค่าพลังโจมตีที่สูงก็ตาม แต่ว่าค่าพลังโจมตีและป้องกันของผมก็สูงไม่ใช่น้อย ดังนั้นหากบอสไม่สามารถปลิดชีพผมด้วยการโจมตีเพียงฮิตเดียวได้ละก็ยังไงก็ไม่มีทางที่จะเป็นปัญหาในการต่อสู้แน่นอน

“ฮูมมมมม!”

ร่างเงาของมังกรวายุจู่ๆก็พลันยกหัวของมันขึ้นในขณะที่แผงคอของมันก็แผ่ออก ดูท่ามันจะพ่นลมหายใจมังกรอย่างไม่ต้องสงสัย!

“ระวัง  ลมหายใจมังกรของมันคือสกิล[คมพายุผ่า]และจะโจมตีโดนทุกเป้าหมายที่อยู่เป็นเส้นตรง เป็ดที่รัก! หนีเร็ว!”

โดยไม่ต้องลังเล ‘หลินว่านเอ๋อ’ พุ่งไปด้านหน้าเหวี่ยงเอาตัวของ ‘เป็ดที่รัก’ ให้หลุดออกจากแนวโจมตีของสกิล ขณะที่ตอนมังกรวายุกำลังจะปลดปล่อยพลังของมันนั้น มวลอากาศและสายลมมองเห็นเป็นรูปร่างก่อตัวขึ้นและอัดแน่นเป็นรูปทรงคล้ายคมขวานก่อนที่จะระเบิดออกไป

ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์มันเป็นสกิลโจมตีเป็นเส้นตรง!

“ตูมมม!”

ผมรู้สึกเหมือนกับว่าไหล่ของผมจะถูกฉีกออกจากตัวในขณะที่ความเจ็บปวดแปลบปลาบแผ่ขยายไปทั่วทั้งสองไหล่แล้วก็ตามด้วยตัวเลขค่าความเสียหายที่ไม่น้อยปรากฏขึ้นบนศีรษะของผม

“1736 !”

ถัดไปด้านหลัง ‘หลินว่านเอ๋อ’ เรียกเอาร่มเหล็กของเธอออกมาเพื่อตั้งรับการโจมตีของสกิล [คมพายุผ่า]

“ปึ้ก!”

“1643 !”

ร่มเหล็กของเอล์ฟจันทรามีผลทำให้ค่าต้านทานเวทย์ของผู้ที่ถือเพิ่มขึ้น ช่างบังเอิญที่สกิล [คมพายุผ่า] นั้นเป็นการโจมตีด้วยค่าพลังเวทย์เป็นพื้นฐาน

ยังไงก็ตาม คิดอย่างง่ายๆได้ว่า โอกาสการเอาตัวรอดของ ‘หลินว่านเอ๋อ’ ย่อมมีเหนือกว่าผมแน่นอน …………..

‘เป็ดที่รัก’ใบหน้าซีดขาวราวกระดาษพึมพัมว่า

“ตายแล้ว บอสตัวนี้โจมตีทั้งรวดเร็วและรุนแรงขนาดนี้ ช่างยากจะรับมือจริงๆ…….”

‘ว่านเอ๋อ’ถอยกลับไปแนวหลังเพื่อฟื้นฟูพลังชีวิต ยิ้มอย่างอ่อนหวานพลางตอบว่า

“อย่าได้กลัวไปเลย ขอเพียงแค่ หลี่เซียวเหยา ยืนให้ถูกที่ถูกทาง พวกเราที่เหลือก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีอันตรายอะไรจ้ะ”

 

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments