I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 216 อัสนีล่อง

| Zhan Long | 1421 | 2365 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลโดยคุณ WildFox

/////////////////

“เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ”

เสียงของทหารยามดาบสายฟ้า 5-6 ตัวกระหน่ำโจมตีที่โล่ของ ‘มัตชะ’ สะเก็ดและกระแสไฟฟ้าบางส่วนแทรกซึมไปถึงตัวเธอจนต้องร้องออกมาว่า

“อู้ย เจ็บๆ ๆ เจ้เฉิงโซ่ว เป็ดที่รัก ช่วยฮีลฉันเร็วๆสิคะ…..”

ลำแสงสว่างสามสายของสกิล[รักษา]อาบร่างของ’มัตชะ’ด้วยแสงอันอบอุ่น มันเป็นเรื่องยากที่มัตชะจะพลาดท่าเสียชีวิตง่ายๆ เมื่อมีฮีลเลอร์ถึงสามคนคอยรักษาชีวิตของเธออยู่ถึงแม้นว่าเธอเกิดอยากจะตายขึ้นมาจริงๆก็ตาม สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าผม คือฝูงของทหารยามดาบสายฟ้ากลุ่มใหญ่

ผมขยับหามุมเพื่อโจมตีเมื่อเล็งองศาเข้าที่แล้วแขนของผมก็เริ่มสั่นสะท้านเมื่อเรียกใช้สกิล[เฉือนสะเก็ดเจ็ดดารา]พลันเปลวเพลิงที่ต่างกันถึงเจ็ดสีก็ห่อหุ้มที่คมดาบตามมาด้วยเสียง

‘ตูมมม’

คมดาบก็สะบัดออกไปโจมตีฝูงของทหารยามดาบสายฟ้าเหล่านั้นทันที สร้างความเสียหายราว 1500 หน่วยแจกจ่ายให้พวกมันทุกตัว ลำแสงไม่คุ้นตาแต่อยากให้มาบ่อยๆก็อาบร่างผมเป็นเครื่องหมายบอกให้รู้ว่าการโจมตีครั้งนี้ติดคริติคอล!

‘มัตชะ’ก็ตามมาช่วยโจมตีสมทบ หอกผลึกวิญญาณมังกรของเธอส่องแสงสะท้อนเมื่อปลายหอกขยายตัวออกเพื่อโจมตีหมู่ เสียงกังวานดังทึบแน่นเมื่อเธอตวัดกวาดโจมตีเข้าใส่ฝูงมอนสเตอร์ เธอก็โจมตีติดคริติคอลเช่นกัน ตัวเลขสีเขียวเข้มปรากฏลอยขึ้นมาเป็นที่น่ายินดีแก่สายตาเป็นอย่างยิ่ง

ข้างหลังเราทั้งสอง ‘ตงเฉิงเยว่’กำลังร่ายเวทย์รวบรวมพลังทำให้ชายเสื้อด้านล่างของเสื้อคลุมสะบัดขึ้นลงอย่างรุนแรงเผยให้เห็นช่วงขาที่ขาวซ่อนอยู่ภายใน ตัวของเธอลอยขึ้นจากพื้นเล็กน้อยขณะที่เล็งนิ้วมือทั้งห้าตรงไป เมื่อการโจมตีพร้อมกันของ[โซ่สายฟ้า]จากเธอพร้อมกับผีเสื้อมายาและหนูน้ำแข็ง

ฝูงของทหารยามดาบสายฟ้าก็ส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อพลังชีวิตของพวกมันลดลงในพริบตาเหลือเพียง 10-20% เท่านั้น

“เอาละนะ….”

กวาดตามองไปรอบๆด้วยดวงตาคู่สวยนั้นแล้ว ‘ว่านเอ๋อ’ก็เด้งมีดสั้นออกจากฝักเข้ามาถือไว้ในมือทั้งสอง เริ่มออกไล่สังหารมอนสเตอร์ที่เหลือพลังชีวิตต่ำกว่า 10% อย่างแคล่วคล่องว่องไว

พริ้วกายผ่านศพแล้วศพเล่าก่อนจะนำมีดสั้นทั้งสองมาจรดท่าไว้ที่ระดับเสมออก34Dนั้นเพื่อจะใช้[ผสานสองคม]

“ฉั่วะ”

เสียงที่ดังสนั่นเมื่อปลายของมีดสั้นทั้งสองแทงทะลุผ่านร่างของทหารยามดาบสายฟ้าที่ยังมีพลังชีวิตเหลือ 20% ส่งมันลงไปตายตกตามพวกพ้องของมันทันที ‘หลิวย่ง’ยืนอยู่แถวหลังพร้อมใช้สกิล[ยิงต่อเนื่อง]พลางออกความเห็นว่า

“ด้วยพลังโจมตีขนาดนี้ พวกเราคงจะทะยานขึ้นสู่ระดับท๊อปของเซิฟเวอร์จีนแน่นอน สาวน้อยว่านเอ๋อ สาวน้อยตงเฉิง พวกเธอสองคนจะมาร่วมหัวจมท้ายเร็วๆนี้ใช่ไหม?”

‘ตงเฉิงเยว่’อดหัวเราะไม่ได้

“นี่ลุง พวกเราจะมาเข้าร่วมกิลด์นะไม่ได้จะมาแต่งงาน”

ใบหน้าของ’ว่านเอ๋อ’พลันแดงซ่านขึ้นมา รีบกลบเกลื่อนว่า

“นี่ตงเฉิง ฆ่ามอนไปโน้น อย่ามัวแต่พูดล้อเล่นอยู่กับหนูน้อยหลิวย่งเลย….”

‘หลิวย่ง’

“….”

เวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที ทหารยามดาบสายฟ้าทั้งร้อยกว่าตัวนั้นถูกสังหารหมดทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าด้วยค่าประสบการณ์และไอเทมที่มากมาย ตอนนี้ทั้ง’เยว่ชิงเฉียน’และผมก็เลเวล 60 แล้วเกือบจะพร้อมกัน หมายความว่าพวกเราสามารถผ่านสู่ระดับต่อไปของสายอาชีพได้แล้ว

แต่น่าเสียดายที่พวกเรายังไปทำในตอนนี้ไม่ได้และต้องอดทนข่มใจรอไปก่อน โชคช่างเข้าข้างพวกเรา ค่าประสบการณ์ที่ได้จากแมพนี้ช่างมากมายดีแท้ และหวังว่าพวกเราน่าจะเลเวลถึง 61 เมื่อเคลียร์จนจบแผนที่ชั้นนี้ มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามที

ในแผนที่ระดับ SSS แห่งนี้ จะพาเอาผู้เล่นที่อยู่ในปาร์ตี้นี้ไต่อันดับขึ้นสู่ท๊อปเทนของเมืองที่พวกเขาสังกัดได้อย่างไม่ยากเย็น ซึ่งตอนนี้ ผู้เล่นหมายเลขหนึ่งของเมืองปาฮวงคือ ‘เจี้ยงเฟิงหาน’ ที่เลเวล 61 ถ้าชั้นยังสามารถเก็บค่าประสบการณ์ต่อไปได้โดยไม่ถูกฆ่าตายเลยละก็ จะสามารถชิงเอาตำแหน่งผู้เล่นหมายเลขหนึ่งมาครองได้อย่างแน่นอน

แม้ว่าจะเก็บตำแหน่งไว้ได้แค่ช่วงสั้นๆก็ตามที เมื่อมองไปยังไอเทมทั้งหลายที่ดรอปกระจายอยู่ทั่วไป พวกเราก็เริ่มแยกย้ายกันเก็บของเคลียร์สนามรบ ด้วยวิธีดั้งเดิมของพวกเราใช้ระบบสุ่มของในการแบ่งไอเทมที่เก็บขึ้นมาได้  เจ้ามอนสเตอร์ระดับสูงพวกนี้ก็ดรอปแต่ไอเทมระดับเงินเท่านั้นซึ่งเมื่อเอาไปขายแล้วก็ได้เงินไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ควรเอาไปขายเพื่อเป็นทุนต่อไปในอนาคต

“หือ? นี่อะไรอ่ะคะ?”

‘เยว่ชิงเฉียน’เก็บแผ่นกระเบื้องสีเงินขึ้นมาจากพื้นพร้อมทั้งสำรวจอย่างรอบคอบ แล้วก็หัวเราะเสียงใสขณะชูให้พวกเราดู- [ตราปีศาจ]: เครื่องหมายแสดงให้เห็นว่าคุณได้สังหารปีศาจ คุณสามารถนำตรานี้ไปแลกค่าประสบการณ์จำนวนมากได้จากทุกเมืองเป็นรางวัล! …………

“แลกค่าประสบการณ์งั้นเหรอ?”

‘ว่านเอ๋อ’หัวเราะ

“ของดีนะนี่ แบบนี้คล้ายกับม้วนคัมภีร์สร้างกายของเมืองฉันเลย”

‘เยว่ชิงเฉียน’พลันเปลี่ยนเป็นระบบทอยแต้ม

“หนูคงจะเก็บเอาไว้เองไม่ได้หรอกค่ะ มาเถอะค่ะเรามาทอยเต๋าวัดดวงกันเพื่อเจ้านี่”

ผมส่ายศีรษะ

“อย่าเลย พวกเราก็เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ดังนั้นน่าจะมอบให้กับคนที่กำลังต้องการของสิ่งนั้นมากที่สุดจะดีกว่า ชิงเฉียน ว่านเอ๋อ เจ้เฉิงโซ่วและผม พวกเราล้วนมีค่าประสบการณ์ผ่านข้อกำหนดอาชีพขั้นต่อไปแล้ว ดังนั้นก็ไม่มีความจำเป็นมากมายอะไร ควรจะมอบ ตราปีศาจนี้ให้กับมัตชะ เพราะเธอยังมีเลเวลเพียง 55 แต่ว่าความแข็งแกร่งของเธอนั้นสำคัญอย่างมาก ถ้าเรามอบให้เธอการจะไปถึงเลเวล 60ก็คงจะอยู่ไม่ไกลและเมื่อถึงเวลานั้นเธอจะได้เป็นกำลังหลักให้กับ Zhan Long อย่างแท้จริง”

‘ว่านเอ๋อ’ยิ้มพลางพูดว่า

“ฉันไม่ขัดข้องแต่อย่างใดนะ เพราะยังไงฉันก็ไม่ได้ขาดแคลนค่าประสบการณ์อยู่แล้ว”

อีกด้าน ‘หยิ่วจื้อเฉิงโซ่ว’อมยิ้มพลางแสดงความเห็นด้วยว่า

“ถูกต้องแล้ว มอบให้กับคนที่เลเวลต่ำสุดแหละดี”

เมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกัน และเพื่ออนาคตของ Zhan Long เหรียญตราปีศาจจึงถูกมอบให้แก่ ‘มัตชะ’ ผู้ที่รับไปด้วยใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความดีใจ เธอส่งข้อความลับมาหาผมว่า

“หัวหน้าคะ ขอบคุณค่ะ หัวหน้าช่างใจดีกับฉันเหลือเกิน…”

ผมอดที่จะยิ้มพร้อมกับตอบกลับไปว่า

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เธอก็พยายามให้เต็มที่ละกันนะ หัวหน้าคนนี้น่ะไม่อาจจะเป็นแท้งค์ไปตลอดหรอกนะ ผมอยากที่จะเป็นสายโจมตีล้วนมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ เพราะฉะนั้นเธอต้องขึ้นมารับหน้าที่แท้งค์หมายเลขหนึ่งของ Zhan Long  มัตชะ รออีกหน่อยเถอะเมื่อใดเธอสามารถขี่ม้าพร้อมทั้งมีโล่ที่แข็งแกร่งสุดๆสักชิ้นหนึ่ง เมื่อรวมกับค่าสเตตัสของเธอที่ลงไปกับค่าพลังป้องกันด้วยแล้ว เธอจะกลายเป็นผู้พิทักษ์ที่ไม่มีวันสั่นคลอนแห่ง Zhan Long!”

‘มัตชะ’ยิ้มหวาน

“หัวหน้าคะ ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้วล่ะว่า ทำไมคุณหนูว่านเอ๋อ ตงเฉิง เยว่ชิงเฉียนและสาวๆคนอื่นถึงได้ชอบหัวหน้านักหนา หัวหน้าช่างเป็นคนที่มีบุคคลิกไม่เหมือนใครจริงๆ….”

“หึหึ ผมนึกว่าเป็นเพราะความหล่อวัวตายควายล้มของผมซะอีก….”

“หัวหน้าอ้ะ !…..”

เมื่อเก็บของดรอปจากสนามรบต่อไป ผมก็เก็บตราปีศาจได้อีกสองอันซึ่งก็เอาไปมอบให้’มัตชะ’ หลังจากกลับเมืองไปคราวนี้เธอถูกลิขิตให้เลเวลอัพและค่อนข้างแน่ใจว่าคงไม่ใช่แค่เพียงเลเวลเดียวแน่นอนอาจจะหลายเลเวลด้วยซ้ำ ไม่งั้นพวกนักรบเงินหยวนคงไม่สามารถมีเลเวลอัพได้สูงอย่างนั้นแน่นอน

หลังจากนั้นอีกประมาณสิบกว่ารอบ ในที่สุดพวกเราก็สามารถจัดการกับฝูงของทหารยามดาบสายฟ้าและเคลียร์พื้นที่รอบๆได้หมด พวกเราใช้เวลาไป 4 ชั่วโมงกว่า และนี่ก็ล่วงเลยมาจนถึงเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว

กว่าที่พวกเราจะเคลื่อนพลมาถึงด้านท้ายสุดของแผนที่อารามมังกรชั้นที่สองนี้ เท้าทั้งสองของพวกเราแช่อยู่ในน้ำขณะที่ปาร์ตี้ของพวกเรากำลังยืนอยู่ท่ามกลางแม่น้ำสายหนึ่ง เบื้องหน้าพวกเราลิบๆปรากฏโซ่เหล็กแบบเดิมที่เราเคยใช้โหนมาพาดขวางท้องฟ้าตรงลงไปยังเบื้องล่าง

อย่างไรก็ตาม รูปปั้นของมังกรชนาดใหญ่ตัวหนึ่งคุกเข่าขวางทางเข้าไปสู่สะพานซึ่งนำไปยังโซ่ที่ว่า ดูเหมือนหินที่ใช้ทำรูปปั้นจะเป็นสีม่วงเช่นเดียวกับพวกมอนสเตอร์ในชั้นนี้  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้านี่คือบอสประจำแผนที่ชั้นที่สองของอารามมังกรอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น แม่น้ำที่เรากำลังยืนอยู่นี้ก็กินอาณาบริเวณกว้างขวางมาก

ถ้าหากว่าเราจะต้องสู้กับเจ้าบอสตัวนี้แล้วพวกเราคงต้องลงไปสู้ในน้ำอย่างไม่มีทางเลี่ยง

“ทำยังไงดีล่ะ?”

‘หลินว่านเอ๋อ’ถาม ‘มัตชะ’อมยิ้มตอบว่า

“ถ้างั้นลองให้หัวหน้าล่อบอสออกไปยังพื้นที่ไม่มีน้ำแล้วค่อยสังหารมันดีไหมคะ?”

ผมส่ายศีรษะพลางตอบว่า

“นั่นเป็นไปไม่ได้  มันไกลเกินไป ผมคิดว่าระยะห่างจากฝั่งไปยังจุดที่บอสอยู่น่าจะเกินกว่า 500 เมตร ไม่ว่าบอสมันจะตามผมออกมา หรือว่าบอสมันจะโจมตีจากที่ไกลๆ ผมคิดว่าผมคงไม่น่ารอดหากจะล่อมันไปที่ฝั่งเพื่อสู้กับมัน”

‘หลินว่านเอ๋อ’กำหมัดน้อยๆแน่นพลางว่า

“งั้นพวกเราจะลงไปสังหารเจ้าบอสมังกรนั่นในน้ำกัน !”

“ครับ ป้ะพวกเราไปกันเถอะ”

ผมชักชวนคนที่เหลือ. ทีละก้าวทีละก้าว พวกเราพาร่างเคลื่อนที่ไปด้านหน้าค่อยๆลงไปตามความลึกของแม่น้ำและก็ต้องว่ายน้ำต่อในที่สุด ความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกเราลดลง 50%เมื่อเทียบกับตอนอยู่บนฝั่ง ซึ่งมีผลกระทบต่อพวกเราอย่างมาก ไหนต้องคอยระวังว่าเมื่ออยู่ในน้ำจะมีอากาศหายใจแค่ประมาณ 10นาที

ก่อนที่จะขึ้นมาบนผิวน้ำเพื่อสูดลมหายใจใหม่อีกครั้ง เลเวลของใครสูงกว่า คนนั้นก็จะมีอากาศหายใจในน้ำได้นานกว่าเท่านั้น หลังจากว่ายน้ำพาตัวเองมาอยู่ด้านหน้าของรูปปั้นมังกร ผมประมาณระยะโจมตีแล้วเลือกใช้สกิลโจมตีระยะไกลใส่มัน ด้วยดาบในมือ ผมเรียกใช้สกิล [เฉือนสะเก็ดเจ็ดดารา]แสงจากพลังทั้งเจ็ดสีนั้นก็ถูกปล่อยสู่เป้าหมายทันที!

“ตูมมม!”

ความสามารถในการทำลายสิ่งของที่แฝงอยู่ในสกิล[เฉือนสะเก็ดเจ็ดดารา]ทำงานเต็มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเสียแรงเพิ่มเลย มังกรร่างยักษ์สีม่วงสะบัดปีกของมันพร้อมแยกเขี้ยวคำราม ปีกที่ใหญ่โตของมันกระพืออย่างบ้าคลั่งทำให้เกิดคลื่นน้ำกระจายตัวเป็นวงกว้าง!ผมฉวยจังหวะที่มันกำลังเปิดตัวอยู่นั้นส่องดูสเตตัสและรีบแชร์ให้คนอื่นๆในปาร์ตี้ดูทันทีก่อนที่จะว่ายน้ำผละออกมาและตรงกลับไปรวมกับคนอื่นๆในทีม

[ร่างเงาของมังกรสายฟ้า – ลอร์เรน](บอสระดับม่วง) เลเวล : 63

พลังโจมตี : 1750 – 2180

พลังป้องกัน : 1270

พลังชีวิต : 370000

สกิล : [กรงเล็บมังกร] [อัสนีล่อง] [สายฟ้าโปรยปราย]

คำอธิบาย : ลอร์เรน ร่างเงาของมังกรสายฟ้าผู้ที่ใช้พลังบางส่วนเช่นเดียวกับที่มังกรสายฟ้ามี ถูกสร้างขึ้นโดยคำสั่งของเทพมังกรกาฬเพื่อทำหน้าที่เฝ้าสำนักปราชญ์ม่อจื้อ มันเป็นหนึ่งในผลงานของมังกรในอาณัติทั้งสี่ที่สร้างขึ้นจากการสละเลือดและวิญญาณส่วนหนึ่งเพื่อให้กำเนิดร่างเงาของมังกร และร่างเงาของมังกรสายฟ้าในตอนนี้ก็เป็นดั่งเช่นผู้เฝ้าชั่วนิรันดร์

“ระวังตัวกันด้วย เจ้าบอสตัวนี้มีสกิลที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อนสองสกิล!”

ผมกุมด้ามดาบประกายวสันต์ขยับถอยหลังสองสามก้าวขณะอยู่ในน้ำพลางร้องเตือนทุกคนเสียงต่ำ

“ใช้วิธีเดิมที่พวกเราใช้พิชิตร่างเงาของมังกรวายุนะ มัตชะ ประจำตำแหน่งได้!”

‘มัตชะ’ถือหอกผลึกวิญญาณมังกรบินอยู่เหนือผิวน้ำพยักหน้าเล็กน้อยตอบว่า

“ทราบแล้วค่ะ หัวหน้า!”

“ฮูมมมมม!”

เบื้องหลังของเรา ร่างเงาของมังกรสายฟ้าคำรามลั่นพร้อมกับตะปบโจมตีเข้าใส่หลังของผมส่งผลให้ร่างของผมจมลงภายใต้ผืนน้ำทันที!

“บุ๋ง บุ๋ง บุ๋ง”

เสียงฟังไม่ได้สรรพกระทบเข้ากับโสตประสาทของผม ขณะที่จมลงภายใต้ผืนน้ำทัศนวิสัยของผมก็ถูกบดบังด้วยน้ำจนมองอะไรแทบไม่เห็นนอกจากประกายสีม่วงอ่อนๆที่สะท้อนออกมาจากเกล็ดของมังกร โดยไม่ต้องลังเล ผมโจมตีด้วย[หนึ่งเทียบพัน]ไปที่บริเวณที่คิดว่าเป็นคอของเจ้ามังกร

พลันสายตาก็มองเห็นเกล็ดสีขาวอันเป็นเครื่องหมายบอกตำแหน่งของครีบมัน ดูท่านี่คงจะเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดในส่วนของการป้องกันของเจ้ามังกร ถ้าเน้นการโจมตีไปที่จุดนี้ละก็คงจะทำดาเมจได้มากโขอยู่!

เมื่อโดนโจมตีเข้าที่ส่วนที่เป็นเกล็ดสีขาว ร่างเงาของมังกรสาฟ้าก็พลันดุร้ายมากกว่าเดิม มันแยกเขี้ยวพร้อมกับใช้กรงเล็บทั้งคู่ของมันตะปบมาที่ร่างของผมอีกครั้ง ส่งให้ร่างที่ไม่ยินยอมพร้อมใจของผมจมลึกลงไปในน้ำมากกว่าเดิม

แต่โชคยังเข้าข้างที่การโจมตีสร้างดาเมจเพียง 1200 หน่วยไม่ได้รุนแรงอะไรมากนัก น้ำยาเพิ่มพลังชีวิตกับสกิล[รักษา]ของผมก็เพียงพอที่จะใช้ประจันหน้ากับมันได้อยู่ ไอเทมสวมใส่ของผมก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเพราะอย่างนั้นผมน่าจะเอาตัวรอดได้จากการโจมตีแบบนี้

สองสามวินาทีต่อมา ผมก็ได้โอกาสพาร่างกลับขึ้นสู่ผิวน้ำในที่สุด เมื่อขึ้นมาได้ก็ชูแขนขึ้นพลางใช้ออกด้วยสกิล[คมดาบวายุ]โจมตีใส่บอสอีกครั้ง

เสี้ยววินาทีเดียวกัน ‘ตงเฉิงเยว่’ก็ระเบิดสายฟ้าใส่มันด้วย[โซ่สายฟ้า] ขณะที่’หลิวย่ง’ก็ยิงสมทบด้วย[ยิงลูกแฝด]ใส่หัวของเจ้ามังกร เงาร่างของ’เยว่ชิงเฉียน’และ’หลินว่านเอ๋อ’ปรากฏขึ้นบนผิวน้ำพร้อมกับคมของปลายมีดสั้นของพวกเธอสะท้อนแสงอยู่วิบวับ ทั้งสองย่อมไม่ต้องกังวลเรื่องค่าความสนใจของบอสเมื่อมีผมอยู่เคียงข้าง

“ฮูมมมมม!”

ร่างเงาของมังกรสายฟ้าคำรามกึกก้องขณะที่อ้าปากโชว์กรามขนาดยักษ์ที่ภายในเรืองรองด้วยแสงสีนวลอัดแน่นอยูในปากของมัน ‘มัตชะ’ร้องเสียงหลง

“ระวังนะคะ บอสมันจะปล่อยสกิลแล้ว!”

“อุ้บส์?”

ไม่ว่าจะระวังขนาดไหนก็ตามยังไงผมก็ต้องรับการโจมตีนี้อย่างแน่นอน…

เสี้ยววินาทีต่อมา บอลสายฟ้าก็พุ่งเข้าปะทะร่างของผมด้วยความเร็วที่น่าตื่นตระหนก!

“เปรี้ยง!”

แรงดันน้ำมหาศาลพร้อมด้วยลูกบอลสายฟ้านั้นชนและดันร่างของผม ส่งผลให้ร่างและดาบของผมจมลึกลงใต้น้ำ เมื่อถูกซัดลงมาใต้น้ำประมาณ 10 เมตรลูกบอลสายฟ้าก็ระเบิดตัวเองทันที!

“1974 !”

หึ ช่างน่าอายนักที่ผมประเมินความสามารถของมันพลาดไป เพราะไม่ใช่แค่เพียงโจมตีใส่ผมสร้างความเสียหายรุนแรงขนาดนี้แล้ว กระแสไฟฟ้าที่ระเบิดจากลูกบอลยังกระจายไปในน้ำส่งผลทำดาเมจรุนแรงไม่น้อยต่อ’หลินว่านเอ๋อ’และ’เยว่ชิงเฉียน’ที่กำลังต่อสู้กับบอสอยู่ข้างๆผม!

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments