ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแปลโดยคุณ WildFox
////////////
“นั่นมันสกิล [อัสนีล่อง]!”
สาวงาม’มัตชะ’ ตะโกนบอกในช่องสนทนาปาร์ตี้
“ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้พลังชีวิตของหัวหน้าคงจะยื้อไว้ไม่ได้นานแล้วค่ะ!”
‘เสยเจียหลันเหยียน’ตอบอย่างหมดแรงว่า
“อูย..อูย… กระแสไฟฟ้ามันช็อตจนชาไปหมดทั้งตัวเลยอ้ะ….เซียวเหยาก็อยู่ในน้ำลึกเกินไป…ฉันล็อคเป้าเพื่อใช้สกิลรักษาเค้าไม่ได้เลย….”
‘ว่านเอ๋อ’รีบบอกอย่างรวดเร็วว่า
“เปิดเมนูของปาร์ตี้ขึ้นมาเลยสิแล้วล็อคที่รูปของ เซียวเหยา จากในเมนูนั้นกดใช้สกิล!เร็วเข้า เธอกดใช้สกิลรักษาเค้าได้แม้จะมองไม่เห็นก็ตาม !”
‘ตงเฉิงเยว่’รีบแก้สถานการณ์
“ว่านเอ๋อ เธอใช้[ผสานสองคม]ขัดจังหวะการใช้สกิลและการโจมตีของบอสไปก่อนนะ ระวังตัวด้วย เธอต้องเรียกใช้สกิล [ระบำเทพ]และ [สุดฝีเท้า]ไปด้วย เพราะเธอต้องการความเร็วในการเคลื่อนที่แบบสุดๆ เพื่อรักษาชีวิตตัวเองให้รอดในการต่อสู้กับบอส!”
“เดี๋ยวนะ…. มานาไม่พออ้ะ…”
“โธ่ สวรรค์…”
ที่ด้านบนของผิวน้ำ ‘ว่านเอ๋อ’รีบยกแขนขึ้นและเรียกใช้สกิล [ผสานสองคม] พร้อมกับผสมการโจมตีธรรมดาอย่างต่อเนื่อง เมื่อสิ้นเสียงดังสนั่น มีดสั้นทั้งสองของเธอก็ทะลวงผ่านเกล็ดอ่อนสีขาวของเจ้าบอสมังกรสร้างความเสียหายให้มันจำนวนมาก เพื่อตอบโต้ผู้ที่โจมตีมันอย่างเจ็บแสบ
บอสมังกรก็หันมาเล่นงานกลับด้วยการสะบัดหางของมันกวาดเข้าโจมตี แต่’ว่านเอ๋อ’ยังว่องไวเสมอรีบใช้ร่มเหล็กคู่กายกางตวัดขวางไว้ด้านหน้าของตัวเองเพื่อป้องกันการโจมตีนั้น แต่ถึงกระนั้นแรงกระแทกจากการโจมตีก็ยังส่งผลให้ร่างของเธอถูกดีดลงไปในน้ำอีกทาง
มัจจุราชสีม่วงยังตามติดลงไปเพื่อที่จะปลิดชีวิตของ’หลินว่านเอ๋อ’ลงให้จงได้ ร่างเงาของมังกรสายฟ้าทะยานขึ้นพร้อมกับเสียงคำรามและทิ้งดิ่งลงหมายจะใช้ร่างอันใหญ่โตของมันบดขยี้’หลินว่านเอ๋อ’ให้ตาย ‘หลินว่านเอ๋อ’กัดฟันแน่นพร้อมทั้งวาดมือเล็กน้อยเพื่อเรียกใช้สกิลของอาชีพขั้นที่สาม [ระบำเทพ]ซึ่งจะเพิ่มอัตราการหลบหลีกของเธออีก 70%
และอีกสกิลที่เรียกใช้อันเป็นสกิลสุดท้ายของอาชีพขั้นที่สามนี้[สุดฝีเท้า]เพื่อเพิ่มความเร็วการเคลื่อนที่ขึ้นอีก 150% พร้อมกับอัตราความเร็วการโจมตีอีก 30% ส่งผลให้ตอนนี้ภาพของขาทั้งสองข้างของเธอเลือนลางดั่งภาพมายาขณะที่เธอวิ่งไปบนผิวน้ำ
อีกทั้งร่างกายก็เหมือนมีเงาซ้อนกันหลายชั้นเมื่อหลบหลีกทุกการโจมตีของบอสมังกร ความแข็งแกร่งของอาชีพนักฆ่าขั้นที่สามนี่ยากที่จะหาสิ่งใดเปรียบเทียบจริงๆ และยิ่งโดยเฉพาะกับผู้เล่นระดับท๊อปสุดสวยอย่าง’หลินว่านเอ๋อ’เป็นผู้ใช้ออกมาแล้วด้วย ย่อมสะกดทุกสายตาให้ตกตะลึงได้แน่นอน!
หลังจากได้รับการรักษาจากเวทย์ของฮีลเลอร์สองสามครั้ง ผมที่กลับมามีพลังชีวิตเต็มเปี่ยมอีกครั้ง รีบเร่งพาตัวว่ายตัดกระแสน้ำเข้าไป พลันก็เห็น’เยว่ชิงเฉียน’ที่สามารถขัดสกิลการโจมตีของบอสได้และกำลังถูกไล่ตามอยู่นั้น จึงเร่งโจมตีออกไปด้วยสกิล [คมดาบวายุ] + [โซ่พันธนาการ]อย่างต่อเนื่องไปยังครีบของมังกรสายฟ้าทันที
เกิดเสียงของการฉีกขาดดังขึ้นตามมาด้วยภาพของครีบของเจ้ามังกรกำลังห้อยร่องแร่งทำให้เลือดของมันไหลออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่ร่างเงาของมังกรสายฟ้าส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
“ฮูมมม….ฮูมมมมมมม…”
มันส่ายศีรษะไปมาพร้อมกับคำรามอีกครั้งก่อนจะสะบัดหางโจมตีเข้าใส่ราวกับว่าหวดด้วยแส้เหล็กขนาดยักษ์ ผมนั้นไม่เหมือนกับ’ว่านเอ๋อ’เพราะค่าความแข็งแกร่งของผมสูงกว่าสายอาชีพนักฆ่ามากมายนัก ผมตวัดดาบไปด้านหน้าอยู่ในท่าป้องกันตัวเอง แล้วก็สามารถป้องกันการโจมตีนั้นได้อย่างไม่ยากเย็น
“แกร๊ง!”
สะเก็ดไฟจากดาบบินว่อนกระจายออกจากดาบประกายวสันต์ของผมขณะที่ร่างก็สะท้านจากแรงของการโจมตีก่อนจะปลิวไปไม่กี่เมตรแล้วตกลงในน้ำ เมื่อหันกลับมา สายน้ำก็แหวกกระจายเมื่อดาบประกายวสันต์ที่ชูขึ้นพร้อมแสงสว่างโจมตีออกไปด้วยสกิล [คมดาบน้ำแข็งกล้า]และ [หนึ่งเทียบพัน]ผมเติมไฟแค้นให้บอสมากขึ้นไปอีกด้วยการสุ่มโจมตีไปทั่วอย่างต่อเนื่อง
เจ้ามังกรตัวแสบก็ชูคอขึ้นสูงพร้อมกับคำรามก้องเริ่มต้นรวมพลังร่ายสกิล [อัสนีล่อง]อีกครั้งภายในลำคอของมัน
“ตายล่ะ…”
‘เยว่ชิงเฉียน’พาร่างทะยานไปข้างหน้าพร้อมมีดสั้นคู่มือสั่งการเสียงดังว่า
“พวกเราจะปล่อยให้เจ้ามังกรมันยิงสกิล[อัสนีล่อง]ใส่พี่เซียวเหยาซ้ำอีกไม่ได้นะคะ พวกเราต้องช่วยกันขวางสกิลมันค่ะ!”
เธอซัดสกิล [ลอบโจมตี]โจมตีใส่ด้านหลังของบอส น่าเสียดายที่ยังไม่สามารถขัดขวางการร่ายสกิลของมันได้ แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ ด้วยการว่ายน้ำไปอีกสองสามเมตรเพื่อไปยังด้านหน้าของมันแล้วยกแขนขึ้นใช้ออกด้วยสกิล [เจาะสกัด]ทันที ในที่สุดก็ประสบผลสำเร็จขัดขวางสกิลของบอสไว้ได้
ทั้งนี้ก็เพราะ เธอมีเลเวล 60 แล้วส่วนบอสก็มีเลเวลเพียง 63 โอกาสในการขัดขวางสกิลได้จึงมีอยู่ค่อนข้างสูง มันช่างแตกต่างกับตอนนั้นที่เธอเป็นนักฆ่าเลเวล 42 ต่อสู้กับบอสระดับม่วงเลเวล 54 เสียเหลือเกิน
ด้วยผลงานของสองสาวงามนักฆ่าที่ไม่ย่อท้อในการช่วยกันขัดขวางการใช้สกิลของบอส ร่างเงาของมังกรสายฟ้าจึงทำได้เพียงการใช้โจมตีแบบธรรมดาด้วยกรงเล็บของมัน เมื่อเป็นแบบนี้ แรงกดดันที่มีต่อตัวผมก็ลดลงอย่างมาก อีกทั้งยังมีฮีลเลอร์สามสาวคอยช่วยหนุนหลังด้วยการรักษาพลังชีวิตไว้ที่ 60 %
ผมก็มั่นใจในความปลอดภัยของตัวเองขึ้นอีกหลายเท่า เวลาผ่านไปราวติดปีก แค่ชั่วระยะเวลาไม่ถึง 8 นาที พลังชีวิตร่างเงาของมังกรสายฟ้าก็เหลือน้อยกว่า 40% ‘หลินว่านเอ๋อ’พลันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเจ้ามังกรพลางร้องเตือนเสียงดังว่า
“พวกเรา…บอสมันกำลังจะใช้สกิลสุดท้ายแล้ว !”
“ฮูมมมมมมมม!”
ไม่รั้งรอท่าให้พวกเราได้ขัดขวางมัน เจ้าร่างเงาของมังกรสายฟ้าส่งเสียงคำรามแล้วก็พลันดำดิ่งลงในแม่น้ำ ร่างมหึมาของมันก็ดำหายไปเหลือไว้แต่พรายฟองของน้ำเป็นบริเวณกว้าง
“หือ?…เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ยะ?”
ดวงตาของ’เยว่ชิงเฉียน’เปิดกว้างมองสำรวจไปรอบๆ
“แค่นี้อ่ะนะ ? ไม่ใช่ว่าเจ้ามังกรมันป๊อดหนีไปแล้วหรอกนะคะ? นี่ไม่เห็นเหมือนท่าไม้ตายที่หนูคิดไว้เลย…”
‘ว่านเอ๋อ’หยิบเอาร่มเหล็กขึ้นมากันไว้ก่อนพร้อมกับสอดส่องสายตาไปมารอบๆ
“อื้อ นี่มันแปลกจริงๆนั่นแหละ….”
ทันใดนั้นเองเสียงของอะไรบางอย่างกำลังแหวกผ่านคลื่นมาจากใต้น้ำก็ดังขึ้น พลันสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนก็รวมตัวกันพุ่งขึ้นมาจากใต้น้ำพุ่งขึ้นไปสูงลิบจนประหนึ่งว่าเสาแห่งแสงทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ‘ตงเฉิง’หลับตาปี๋พร้อมพูดว่า
“อ๋อย…..มันมาโน้นแล้ว!”
ด้วยเสียงระเบิดดัง “เปรี้ยง”
ที่ยอดของเสาแสงก็สว่างวาบพร้อมกับสะเก็ดอุกกาบาตจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกฉาบด้วยประกายแปลบปลาบของสายฟ้าระเบิดออกและกระจายตกลงมาราวกับสายฝน สกิล [สายฟ้าโปรยปราย]กินอาณาเขตครึ่งหนึ่งของแผนที่ชั้นนี้เลย! ทั่วทั้งร่างของผมชาไปหมดเมื่อโดนสกิล [สายฟ้าโปรยปราย] ที่แข็งแกร่งเหนือความคาดหมาย พลังชีวิตลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อรับเอาดาเมจที่เกิดขึ้นติดต่อกันสามครั้งจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
“1328 !”
“1237 !”
“1299 !”
ผมต้องรีบดื่มน้ำยาเพื่อเพิ่มพลังชีวิต แล้วก็รีบกวาดตามองไปยังคนอื่นๆในปาร์ตี้ทันที ‘เสยเจียหลันเหยียน’กับ’เป็ดที่รัก’ทั้งคู่ไม่รอดจากฝนอุกกาบาตสายฟ้านั่น เหลือเพียง ‘เจ้เฉิงโซ่ว’ ที่กำลังพยายามอย่างหนักหน่วงที่จะร่ายสกิล[รักษา]ยื้อชีวิตของตัวเองไว้
‘ชิงเฉียน’กับ’หลิวย่ง’ก็ไม่รอดส่วน’หลินว่านเอ๋อ’นั้นอาศัยร่มเหล็กเป็นกำบังเลยยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าพลังชีวิตของเธอจะเหลืออยู่หมิ่นเหม่เต็มทีแต่ด้วยความสามารถเพิ่มพลังป้องกันของร่มเหล็กช่วยให้เธอรอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชมาได้
“เร็วเข้า!”
ผมตะโกนสั่งการปลุกคนที่เหลือจากภวังค์
“ชุบชีวิต เป็ดที่รักก่อน บอสมันจะผุดขึ้นมาจากน้ำแล้ว!”
เสียงพรายฟองอากาศที่กำลังพรั่งพรูภายใต้กระแสน้ำ พลันศีรษะของเจ้ามังกรก็โผล่พรวดขึ้นมาห่างจากผมไปเพียง 3 เมตร โดยไม่ต้องรอให้ใครสั่ง ผมตวัดคมดาบลงโจมตีมันและพลางว่ายถอยหนี ส่วนเป็ดที่รักหลังจากถูกชุบชีวิตก็ฮีลใส่ผมจากนั้นก็หันไปใช้สกิล [ชุบชีวิต]ให้กับ ‘เสยเจียหลันเหยียน’ทันที
ตอนนี้ฮีลเลอร์ทั้งสามก็กลับมาประจำตำแหน่งเหนือผิวน้ำแล้ว ช่วยกู้ให้สถานการณ์ควบคุมได้ในระดับหนึ่ง จังหวะนั้นเอง ‘มัตชะ’ก็ปรากฏตัวขึ้นจากใต้น้ำด้วยพลังชีวิตที่เหลืออยู่ 52% ของเธอ กระพริบตาไล่น้ำออกไปแล้วพูดว่า
“ทุกคนคะ ตอนที่บอสมันร่ายสกิล [สายฟ้าโปรยปราย]อีกครั้ง อย่าอยู่เหนือผิวน้ำเด็ดขาด ให้ดำลึกลงไปใต้น้ำเพื่อใช้ความได้เปรียบของน้ำในการดูดซับแรงกระแทกของอุกกาบาตที่พุ่งลงมาชนค่ะ! ด้วยวิธีนี้อย่างน้อยพวกเราก็จะไม่ตายค่ะ…”
ผมผงกศีรษะรับ
“แจ๋ว…ความคิดที่เยี่ยมมาก!”
‘มัตชะ’มีพลังชีวิตอยู่ประมาณ 3000กว่าๆ ถ้าเธอได้รับดาเมจเพียง 1500 ด้วยวิธีนี้ ถ้าเช่นนั้นทุกคนที่หลบลงไปใต้ผืนน้ำย่อมมีโอกาสรอดชีวิตแน่นอน! …………
เวลาผ่านไปอีกประมาณสองสามนาทีโดยปราศจากความยุ่งยากใดๆ เจ้ามังกรฤทธิ์เดชมากตัวนั้น เหลือพลังชีวิตประมาณ 17% ก่อนที่มันจะดำลงไปในน้ำอีกครั้ง ครานี้พวกเราทุกคนได้รับประสบการณ์เป็นบนเรียนจากคราวที่แล้วเลยพากันดำน้ำลงไปหมดทุกคน ผมสับผ่านร่างของมันในตอนที่มันกำลังจะปล่อยสกิล[สายฟ้าโปรยปราย]อีกครั้ง
สกิล[คมดาบน้ำแข็งกล้า]ของผมเพิ่มอานุภาพมากขึ้นเมื่อใช้ใต้น้ำเรียกความเสียหายได้มากกว่าปกติ ที่ด้านบนผิวน้ำ การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงยังมีอยู่เมื่ออุกกาบาตสายฟ้าตกลงมา ตามด้วยอาการที่ร่างกายของผมชาขึ้นอีกครั้ง ก่อนค่าความเสียหายที่ยังเกิดขึ้นเพราะการโจมตีสามครั้งนั้นแต่ลดพลังชีวิตเพียงฮิตละไม่เกิน 1200 เท่านั้น
มันเป็นค่าความเสียหายที่ดูน้อยแตกต่างจากครั้งที่แล้วอย่างสิ้นเชิง และฮีลเลอร์ทั้งสามคนก็สามารถรักษาพลังชีวิตของทุกคนกลับมาอยู่ในเกณฑ์ที่เกือบเต็มได้ หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ เวลาพิพากษาโทษของเจ้าร่างเงาของมังกรสายฟ้าได้มาถึงแล้วนั่นเอง ผ่านไปอีกไม่ถึงสามนาที พลังชีวิตของบอสก็เหลือไม่ถึง 1%
ผมเค้นพลังความแข็งแกร่งของตัวเองทั้งหมดก่อนจะส่งกระบวนท่าสั่งตายสุดท้ายออกไป!
“แคว่กกกก!”
ดาบประกายวสันต์เฉือนผ่าแยกครีบที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีขาวของมันที่บริเวณลำคอ โลหิตมังกรสดๆหลั่งรินออกมาราวกับเขื่อนพังตามด้วยเสียงร้องอย่างสิ้นหวังอีกครั้ง ร่างเงาของมังกรสายฟ้า ก็จมลงไปในน้ำ และจมลึกลงไปใต้ผืนน้ำอีกก่อนที่จะสลายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยที่มีประกายไฟฟ้า
และท่ามกลางกลุ่มเศษซากเหล่านั้น กองของไอเทมพร้อมทั้งเหรียญตราก็กำลังจมลงสู้ก้นแม่น้ำเช่นกัน ผมรีบแหวกว่ายตรงไปยังกองไอเทมที่ดรอปและเก็บกู้มันขึ้นมาก่อนที่จะว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำอีกครั้ง
“วู้…ฮู้…..”
ผมสะบัดศีรษะไล่น้ำออกไป ก่อนจะหันมาดูที่ค่าประสบการณ์ซึ่งตอนนี้อีกเพียง 47% ก็จะอัพเป็นเลเวล 61 ค่าประสบการณ์ที่ได้จากบอสนี่เยอะดีจริงๆ นี่ถ้ามีโอกาสไล่ฆ่าอีกไม่กี่ตัวผมคงจะกลายเป็นผู้เล่นหมายเลข 1 ของเมืองปาฮวงในไม่ช้า ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ผมเองยังไม่เคยได้รับมาก่อนเลย!
“หัวหน้าคะ บอสมันดรอปอะไรบ้างคะ?”
‘มัตชะ’ร้องถามพร้อมด้วยเสียงหัวเราะแสดงถึงความโล่งใจ ขณะที่’ว่านเอ๋อ’ถือมีดสั้นคมแดงเพลิงของเธอยืนอยู่ในน้ำพร้อมกับคนอื่นๆที่กำลังส่งยิ้มไปรอบๆ สาวๆทุกคนล้วนเปียกมะล่อกมะแล่ก ยิ่งโดยเฉพาะ ‘ตงเฉิงเยว่’กับ’หยิ่วจื้อเฉิงโซ่ว’ที่สวมเสื้อผ้าเป็นชุดคลุมบางที่เปียกร่างขับเน้นทรวดทรงของพวกเธอ
กระทั่งปลายถันที่ชูชันเพราะความหนาวเย็นของน้ำก็สามารถสังเกตเห็นได้โดยไม่ลำบากแต่อย่างใด ผมกับ’หลิวย่ง’จึงเจริญหูเจริญตาเป็นยิ่งนักบรรยากาศแบบนี้สำหรับผู้ชายแล้วมันช่างล่อแหลมซะเหลือเกิน …………..
เมื่อกวาดสายตาไปยังไอเทมที่เจ้ามังกรได้ดรอปไว้นั้นปรากฏว่ามีทั้งหมดรวม 3 ชิ้น แหวนที่มีรูปทรงคล้ายมังกรสีแดงหนึ่งวง พัดที่มีประกายสีม่วงจางๆหนึ่งอัน และก็โล่สำหรับนักรบที่ส่องประกายขาวนวลอีกหนึ่งอัน ดูจากประกายที่ส่องออกมาจากไอเทมแล้วน่าจะเป็นของดีทั้งหมดแน่ๆ
ผมเลยเริ่มจากหยิบแหวนรูปมังกรสีแดงขึ้นมาตรวจสอบสเตตัสของมันก่อน แน่นอนมันไม่ใช่ของที่ห่วยอะไรเลย
[แหวนแห่งความกระหายเลือด](ไอเทมระดับม่วง)
ความว่องไว : +40
ความต้านทาน : +38
ความสามารถเพิ่มเติม : เพิ่มประสิทธิภาพต่อสกิลอาชีพสายนักฆ่าอีก 10%
ความสามารถพิเศษ : ดูดชีพ เมื่อโจมตีจะนำค่าความเสียหาย 5% ที่ทำได้มาฟิ้นคืนพลังชีวิต
เลเวลที่ต้องการ : 58
“โห……”
‘หลิวย่ง’กำหมัดแน่นดวงตาเบิกกว้าง
“โชคดีอะไรขนาดนี้? แหวนที่มีคุณสมบัติดูดเลือด 5% นี่มันไอเทมระดับเมพขิงๆเลย! ที่เมืองปาฮวงน่ะ สายสร้อยเส้นหนึ่งที่มีคุณสมบัติดูดเลือด 1% ยังขายเป็นเงินได้อย่างน้อยถึง 10000 หยวนแล้วไอแหวนวงนี้มันไม่ปาเข้าไปเป็นล้านเรอะ?”
คุณสมบัติดูดเลือดมักพบได้ทั่วไปในไอเทมประเภทอาวุธ แหวนและสร้อยคอ ซึ่งอาวุธส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ค่าพลังโจมตี ดังนั้นการที่จะพบเจออาวุธที่มีคุณสมบัติดูดเลือดสูงๆจึงมีไม่บ่อยนัก บรรดาผู้เล่นชั้นแนวหน้าพยายามเสาะแสวงหาแหวนหรือสร้อยคอที่มีคุณสมบัติดูดเลือดในอัตราสูงๆ
เพื่อที่พวกเขาจะได้รักษาพลังชีวิตของตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งฮีลเลอร์มากนักในระหว่างการต่อสู้ เช่นนั้นพวกเขาจะสามารถฟื้นคืนพลังชีวิตขณะที่หลบหลีกการโจมตีจากศัตรูและกุมความได้เปรียบในการต่อสู้นั่นเอง
ผมถือ แหวนแห่งความกระหายเลือด ไว้พลางมองไปยังทุกคนในปาร์ตี้
“ไอเทมชิ้นนี้เจาะจงสำหรับอาชีพนักฆ่า ดังนั้นมัตชะกับผมจะไม่ทอยเต๋าเพื่อวัดดวง ชิงเฉียนกับว่านเอ๋อ พวกเธอสองคนก็ลองเสี่ยงดวงดูเอาเองละกันนะ ว่าใครจะได้แหวนวงนี้ไปครอง!”
“โอเค…”
‘ว่านเอ๋อ’รับคำเบาๆพลางเม้มริมฝีปาก มือน้อยๆของเธอเขย่าลูกเต๋าไปมาเธอดูจริงจังไม่ต่างกับ’เยว่ชิงเฉียน’เลย และสองสาวก็ทอยลูกเต๋าออกมาพร้อมกันผลลัพที่ออกมาคือ
77 !
14 !
‘ว่านเอ๋อ’ชนะปล่อยให้’ชิงเฉียน’รำพึงขึ้นว่า
“หึ ทำไมชีวิตหนูช่างไม่มีดวงกะเค้ามั่งเลย….”
ผมส่งแหวนแห่งความกระหายเลือดให้’ว่านเอ๋อ’พลางวางมือเบาๆบนไหล่’ชิงเฉียน’ปลอบใจว่า
“อย่าห่วงไปเลย ยังมีพื้นที่อีกหลายชั้นในอารามมังกรแห่งนี้ที่พวกเรายังไม่ได้ไป เพียงแค่พวกเราช่วยกันเคลียร์แมพด้วยกันไปเรื่อยๆแบบนี้ ไม่ช้าเธอต้องได้ไอเทมที่ปรารถนาแน่ๆ เดี๋ยวถ้าพวกเราเจอไอเทมสำหรับนักฆ่าดีๆอย่างอื่นอีกจะยกให้เธอโดยไม่มีข้อแม้ใดๆเลย”
‘เยว่ชิงเฉียน’พยักหน้ายิ้มและพูดว่า
“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่เซียวเหยา….”
เมื่อดูไอเทมชิ้นต่อไป ซึ่งเป็นพัดกระดาษที่มีแสงสีม่วงปกคลุมบางๆ
[พัดหลีกเร้น] (ไอเทมระดับม่วง)
พลังโจมตีเวทย์ : 710 – 900
ความต้านทาน : +41
พลังเวทย์ : +39
ความสามารถเพิ่มเติม : เพิ่มพลังโจมตีเวทย์อีก 9%
เลเวลที่ต้องการ : 58
เพศที่สวมใส่ได้ : เพศชาย
“พัดเวทย์สำหรับนักเวทย์ชาย…”
ผมลังเลอยู่ ‘เยว่ชิงเฉียน’เสนอว่า
“เอาไปหลอกขายให้มังกรทะยาน…”
‘หลินว่านเอ๋อ’เสริมต่อทันที
“แล้วเราก็ฆ่ามันให้มันดรอปพัด แล้วก็เอาไปขายให้มันอีก….”
‘หยิ่วจื้อเฉิงโซ่ว’อดขำไม่ได้แล้วพูดว่า
“พวกเธอสามคนนี่มันปีศาจชัดๆ….”
ที่มา: