ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหลังจากได้ยินคำพูดนั้น ‘ชูเฟิง’แทบหงายท้อง เขาไม่เคยคิดว่าเต่าดำจะรู้ว่ามี วิชาพยัคฆ์ฯสังหารอยู่ในตัวเขา
“ฮ่า ๆ เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้มีนิสัยแบบเจ้าแมวนั่น ข้าไม่สนใจหรอกถ้ามีเจ้านายเป็นคนเดียวกัน แต่ยังไงถ้าเจ้าต้องการให้ข้ายอมรับ เจ้าก็ต้องให้ข้าทดสอบเจ้าก่อน”
เต่าดำกล่าว
“ทดสอบอย่างไรหรือ”
‘ชูเฟิง’รีบถาม
“ตรงไปข้างหน้าจะมีปราสาทโบราณอยู่ ข้างในปราสาทจะมีกล่องที่ถูกผนึกไว้ นำกล่องมาให้ข้าแล้วข้าจะถ่ายทอดทักษะให้กับเจ้า “
“แน่นอนว่าการทดสอบนี้จะไม่ง่าย เจ้าต้องเอากล่องมาให้ได้ภายใน10ชั่วโมง ถ้าเจ้าไม่สามารถทำได้ หมายความว่าเจ้าและข้าไม่มีดวงชะตาตรงกัน ฮ่า ๆๆๆๆ… “
ทันใดนั้น เต่าดำ ก็หัวเราะเสียงดังและกลายเป็นหมอกล้อมรอบ’ชูเฟิง’และพา’ชูเฟิง’ไปด้วย เมื่อหมอกหายไป’ชูเฟิง’ก็กับมาสู่ถ้ำที่กว้างใหญ่ และเต่าดำนั้นก็หายไปเขาหันมองเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
“ท่านผู้อาวุโส มันต้องมีบางอย่างปกป้องมันอยู่ใช่หรือไม่ หรือ มันมีกลไกบางอย่างอยู่? “
‘ชูเฟิง’ตะโกนถาม แต่มันก็ไร้ประโยชน์ เมื่อไม่มีเสียงตอบกลับจากเต่าดำ ‘ชูเฟิง’นั้นต้องดำเนินการต่ออย่างช่วยไม่ได้ เขาจ้องไปตามทางที่เต่าดำบอกมันจะมีอุโมงค์หิน คล้ายๆกับทางเข้าสุสานจักรพรรดิเมืองวิหคเพลิง
‘ชูเฟิง’ไม่ลังเล เอาเข็มทิศโลกวิญญาณออกมาอีกครั้งและเดินไปข้างหน้า เขาเหมือนคนไร้พลังเมื่ออยู่ในสถานที่แห่งนี้
“ชูเฟิงข้ารู้สึกว่า เจ้าทักษะเร้นลับนั้นจะหลอกเจ้า “
‘ต้านต้าน’พูดอย่างเคร่งขรึม
“ต้านต้าน เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
จือฮถาม
“ข้ารู้สึกว่าเจ้าทักษะเร้นลับนั่นจะฉลาดมาก มันไม่ถ่ายถอดความสามารถให้เจ้าง่ายๆ สิ่งที่มันมอบหมายให้เจ้าทำมันต้องยากมากแน่ๆ แม้ว่าเจ้าจะได้รับมันมา มันอาจจะไม่ยอมรับเจ้าเป็นเจ้านายของมัน และกลืนกินเจ้า “
‘ต้านต้าน’เตือน
“จริงหรือ มันได้ประโยชน์อย่างไรจากการใช้ข้างทำเช่นนี้ “
‘ชูเฟิง’รู้สึกสับสน
“นั่นง่ายมาก นั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้มันติดอยู่ที่นี่ มันจึงต้องการใช้เจ้าเพื่อให้มันได้รับอิสรภาพคืนมา “
“เจ้าจำเป็นต้องรู้อย่างหนึ่งว่า ทักษะเร้นรับพวกนี้จะมีความหยิ่งในตัวของมันมาก ถ้าไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์สูงส่งมันจะไม่ยอมรับเป็นอันขาด ดังนั้นทำให้ทักษะรับบางทักษะไม่เลือกเจ้านายใหม่หลังจากทิ้งเจ้านายคนแรกของมันไป “
“ดังนั้นมันจะได้อิสรภาพของมันที่จะเดินทางไปที่ต่างๆ เว้นแต่จะเจอกับผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมากที่สามารถปราบมันลงได้และพวกเขาจะไม่ส่งต่อให้คนอื่นๆเป็นอันขาด ๆ . “
“ทักษะลับนี้มันต่างกับพยัคฆ์ขาวนัก มันจงใจบอกว่าตัวเองนั้นไม่ได้เป็นคนหยิ่งยโส แต่ข้าสงสัยว่ามันน่าจะเป็นการปิดบังนิสัยของมันอยู่ และเพราะอย่างนี้ข้าจึงคิดว่าการทดสอบนี้มันไม่ง่ายนักและมันดูเหมือนว่าเจ้ากำลังถูกมันใช้งานอยู่ “
‘ต้านต้าน’พูด
“อันที่จริง การแสดงด้านดีของมันที่ทุกคนเห็นนั้นล้วนเป็นการหลอกลวง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากนี้ข้าเกรงว่ากล่องที่มันต้องการนั้นจะไม่ได้มาอย่างง่ายๆ “
‘ชูเฟิง’เดินเข้าไปในอุโมงค์หินขนาดใหญ่ ในด้านในนั้นมีสัญลักษณ์ขนาดใหญ่ปรากฏอยู่
“นี่คือสัญลักษณ์ที่ใช้ในการป้องกันอสูรชั่วร้าย เป็นไปได้ว่าที่นี่มีวิญญาณร้ายเฝ้าอยู่ “
‘ต้านต้าน’พูด สัญลักษณ์ต่อต้านปีศาจนี้ถูกใช้เพื่อกักขังวิญญาณร้ายและผู้ที่สามารถกลายเป็นวิญญาณร้ายนั้นต้องอยุ่อย่างน้อยระดับอาณาจักรวิญญาณสวรรค์ นั่นเป็นไปไม่ได้เลยที่’ชูเฟิง’จะต่อกรกับมัน
“เจ้าเต่าดำนั่นให้งานช้างจริงๆ “
‘ชูเฟิง’หัวเราะอย่างขมขื่นเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จึงได้แต่ระมัดระวังตัวเองมากขึ้น แต่เขาไม่ได้หยุด เขาเดินต่อไปเรื่อยๆเพราะไม่ต้องการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
หลังจากนั้น 2 ชั่วโมง สัญลักษณ์ต่อต้านปีศาจได้ขยายใหญ่ขึ้นแล้วเข้ามารวมตัวกัน ซึ่งหมายความว่า’ชูเฟิง’นั้นกำลังเข้าใกล้วิญญาณร้ายแล้ว
ในที่สุด สัญลักษณ์นั้นก็หายไปและปราสาทโบราณขนาดใหญ่ก็ปรากฏอยู่ด้านหน้า’ชูเฟิง’ รูปร่างปราสาทนั้นคล้ายกระโหลกของมนุษย์ มันจึงน่ากลัวและทำให้ขนลุกมาก เพื่อที่จะไม่ให้ถูกจับได้ ‘ชูเฟิง’จึงเก็บเข็มทิศโลกวิญญาณและปกปิดออร่าของเขา
เขาเดินเข้าไปยังประตูที่รูปร่างเหมือนปากอย่างรอบคอบ
“ชูเฟิงฟังข้า พลังของเจ้าตอนนี้ถ้าเจอวิญญาณร้าย เจ้าจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย วิญญาณร้ายนั้นรู้จักรูปแบบอำนาจวิญญาณถึงมันจะไม่มีพลังวิญญาณก็ตาม ถ้ามันเล็กเป้าหมายมาที่เจ้า ให้เจ้ารีบหนีทันที “
“ดังนั้นถ้าเจ้าเจอวิญญาณร้ายเจ้าต้องให้ข้าควบคุมร่างกายเจ้ามิเช่นนั้นเราอาจจะต้องตายกันทั้งคู่ “
‘ต้านต้าน’ เตือนแกมบังคับ
“อืม.”
‘ชูเฟิง’พยักหน้า เขาเคยเห็นวิญญาณร้ายมาก่อนและเขารู้ถึงความน่ากลัวของพวกมัน และมันเป็นอย่างที่’ต้านต้าน’พูด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กับพวกมัน เพราะความแข็งแกร่งของพวกมันเป็นของจริงและเมื่อเวลานั้นมาถึงมีสิ่งเดียวที่เขาจะทำ เขาจะให้’ต้านต้าน’ควบคุมร่างกายเขา
แม้ว่า’ต้านต้าน’จะได้รับภาระหนักแต่ตราบใดที่เขายังรอดชีวิต เขาก็ยังสามารถช่วย’ต้านต้าน’ได้ แต่ถ้าเขาตายทุกอย่างก็จบ หลังจากที่’ชูเฟิง’ตัดสินใจเดินเข้าไปในปราสาท ‘ชูเฟิง’รู้สึกว่ากำลังถูกรบกวนจากบางอย่าง
เขาประหลาดใจเมื่อพบว่ามีทางเดินแค่ทางเดียวเท่านั้น เขาไม่กล้าใช้อำนาจวิญญาณของตนในการตรวจสอบ เพราะมันเสี่ยงที่จะถูกวิญญาณร้ายจับได้ ‘ชูเฟิง’ ไม่มีทางเลือก เขาได้แต่เดินตรงไปจนมาสุดทางก็พบกับห้องโถงขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าของเขา
ห้องโถงนั้นสามารถอธิบายได้สั้นๆว่า มีความชอบมาพากลแฝงอยู่ทุกที่ทำให้เขานั้นรู้สึกกังวลเพราะบรรยากาศห้องราวกับว่าวิญญาณร้ายนั้นจะปรากฏต่อหน้าเขาตอนไหนก็ได้
แต่’ชูเฟิง’ไม่มีเวลาที่จะคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นมากนัก เพราะว่าเขาถูกดึงดูดโดยเก้าอี้ขนาดใหญ่ตัวนึง บนเก้าอี้มีกล่องแปลกประหลาดวางอยู่ กล่องนั้นมีขนาดใหญ่รูปร่างแปลกประหลาดรูปร่างคล้ายโลงศพ แต่เป็นโลงศพที่มีพันหลุมและเป็นขนาดสิบเท่าของโลงศพตามปกติ : เป็นโลงศพคล้ายๆโลงศพหลายๆโลงติดกันอะครับที่
“บัดซบ บนเก้าอี้มีรูปแบบพลังวิญญาณอยู่”
เมื่อเห็นว่าวิญญาณร้ายไม่อยู่แถวๆนี้ ‘ชูเฟิง’เดินอย่างรวดเร็วจนมาถึงด้านหน้าของเก้าอี้ใหญ่ เขาพบว่าบนเก้าอี้นั้นมีรูปแบบอำนาจวิญญาณถูกวางไว้เพื่อป้องกันอยู่วาง
“อย่าตื่นตระหนกไป รูปแบบวิญญาณนั้นเข้าใจได้ไม่ยาก เจ้าสามารถคลายมันได้น่า แต่ไม่รู้ว่าวิญญาณร้ายจะกลับมาเมื่อไหร่เจ้าต้องเร่งมือหน่อยแล้ว “
‘ต้านต้าน’ เตือน
“อืมมม ข้าต้องทำมันให้ได้ “
‘ชูเฟิง’กัดฟันของเขา การได้จะได้ทักษะรับอันนี้ ‘ชูเฟิง’ต้องเสี่ยงอันตรายกับวิญญาณร้ายตลอดเวลาที่เขากำลังทำความเข้าใจรูปแบบอำนาจวิญญาณบนเก้าอี้แต่ยิ่งเขาถอดรหัสมากเท่าไหร่เขายิ่งรู้สึกอึดอัด เขารู้สึกว่ามีสายตาคู่นึงกำลังมองเขาอยู่ แต่เมื่อเขาหันไปก็ไม่พบอะไร
แปลโดยคุณ#
ที่มา: