ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแปลโดย WildFox
///////////////////////
หลังจากชื่นชมกับดาบจักรพรรดิ์ฉินอยู่นานสองนานเป็นการให้รางวัลตัวเองที่ลำบากมานานกว่าจะได้ดาบเล่มนี้มา ในที่สุดผมก็คิดว่าได้เวลาควรลอคเอ้าท์จากเกมส์ซะที ผมรีบล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ก่อนจะรีบเร่งออกไป!
เวลาประมาณเกือบหนึ่งทุ่มผมก็มาถึงบริเวณหน้าหอพักนักศึกษาหญิงและพบว่าทั้ง’หลินว่านเอ๋อ’และ’ตงเฉิงเยว่’ได้ลงมารอผมอยู่ก่อนแล้ว ความสดใสและงดงามของสองสาวเป็นอะไรที่ยากจะมองข้ามไปได้จริงๆ
‘ตงเฉิงเยว่’เอ่ยขำๆว่า
“เซียวเหยานายนี่เก่งไม่ใช่เล่นเลยนี่นะ แค่เวลาเพียงวันเดียวนายก็สามารถสร้างคลื่นความปั่นป่วนไปได้ทั่วทั้งเกมส์แล้ว…”
“หือ? เธอก็รู้เรื่องหมดแล้วเหรอ?”
“แน่นอนย่ะ ใครๆในเซิฟเวอร์จีนตอนนี้ก็รู้ทั้งนั้นแหละ!ระดับหัวแถวผู้นำ อันดับที่สามกิลด์[Vanguard]ถูกโค่นลงอย่างคาดไม่ถึง ด้วยกิลด์ที่เพิ่งตั้งมาใหม่ไม่นานทั้งห้าแห่งเมืองปาฮวงอันได้แก่[Zhan Long] [Wind of Battle] [Ruined Bones] [Misty Palace]และ[Crimson Contact]! ฮิฮิฮิ ฉันละนึกไม่ออกจริงๆว่าเจี้ยนเฟิงหานตอนนี้จะทำสีหน้ายังไง…”
ผมทำได้แค่ยกมือขึ้นมาลูบจมูกและยิ้มเล็กน้อยพูดว่า
“มันก็แค่โชคเข้าข้างน่ะ ผมแค่โชคดีเฉยๆ…”
‘ว่านเอ๋อ’ก้าวมาด้านหน้าและใช้มือดึงชายเสื้อของผมเบาๆพูดว่า
“พวกเราไปกันเถอะ ไปหาอะไรทานกันวันนี้พวกเราจะไปทานข้างนอกมหาลัยกัน มีสาวสวยคนหนึ่งต้องการที่จะพบนาย กำลังรออยู่ที่ร้านอาหารแน่ะ…”
“ตกลง ใครกันแน่ครับเนี่ยะ?”
“เดี๋ยวนายไปถึงก็จะเห็นเองแหละน่า…”
พวกเรามาถึงภัตตาคารเซียงเว่ยซวนที่ตั้งอยู่ภายนอกมหาลัย ซึ่งขึ้นชื่อและโดดเด่นเป็นพิเศษเรื่องเมนูอาหารหูหนานที่ใครๆก็ต่างรู้จักดี ผมเดินตาม’ว่านเอ๋อ’ขึ้นไปบนชั้นสองของภัตตาคารเซียงเว่ยซวน พวกเราเข้าไปยังส่วนของห้องส่วนตัวห้องหนึ่งและเมื่อประตูห้องเปิดออก
ผมก็พบสาวงามซึ่งอยู่ในชุดสากลสีดำ เธอมีผมยาวและสวมกระโปรงสั้นแบบสาวออฟฟิต ผมให้คะแนนความสวยของเธอประมาณ 8 ตามเกณฑ์สาวงามของผม เธอน่าจะมีอายุราวๆ 23 ปีและน่าจะเพิ่งจบจากมหาลัยมาไม่นาน ยิ่งไปกว่านั้นป้ายชื่อของเธอที่ประดับอยู่บนเสื้อที่ผมมองผ่านๆเขียนว่า ZGTV ผู้ประกาศช่องเกมส์ Destiny ‘ซุน เฟย’!
“พวกคุณมากันแล้ว…”
สาวงามนาม’ซุนเฟย’ลุกขึ้นต้อนรับพร้อมยื่นมือมาด้านหน้าให้สัมผัส
“คุณคือเซียวเหยาจื้อไจ้แห่งเมืองปาฮวง ใช่ไหมคะ? ฉัน..เอ่อ ว่านเอ๋อคงอาจจะยังไม่ได้แนะนำฉัน ให้คุณรู้จักใช่ไหมคะ ฉันซุน เฟย ผู้ประกาศช่องเกมส์ Destiny จากสถานีเจ้อเจียง ZGTV ค่ะ ซึ่งฉันมีหน้าที่ในการเผยแพร่ข้อมูลผู้เล่นในเกมส์ Destiny ผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ค่ะ ทุกหัวข้อในการสัมภาษณ์ล้วนผ่านความเห็นจากฉันค่ะ ใครๆก็เรียกฉันว่า “เฟยเอ๋อ” พวกคุณจะเรียกฉันแบบนั้นก็ได้ค่ะ…”
“เฟยเอ๋อ ?”
ผมตะลึงไปชั่วครู่
“ทำไมเหรอคะ รู้สึกคุ้นๆชื่อนี้หรือไง?”
‘หลินว่านเอ๋อ’หันมาทางผมแล้วถาม ผมส่ายศีรษะพลางตอบว่า
“คือ…คือว่าไม่ใช่แบบนั้นน่ะครับ ผมแค่คิดว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า…เฟยเอ๋อคุณมาจากเมืองไหนหรือครับ?”
‘เฟยเอ๋อ’หัวเราะเบาๆตอบว่า
“แน่นอนสิคะ ฉันต้องมาจากเมืองหังโจวนี่อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าฉันบอกว่า ฉันถูกส่งมาโลกนี้โดยชายไร้หัวใจคนหนึ่งเพื่อมาทำงานให้เค้า คุณจะเชื่อไหมละค่ะ ฉันคิดว่าไม่คนนึงล่ะ..”
(TL:พลอตละครเรื่องหนึงของจีนที่ได้รับความนิยมมาก นางเอกเป็นนักข่าวชื่อเฟยเอ๋อเหมือนกัน)
ผมอดจะหัวเราะกับมุขสดของเธอไม่ได้และพูดว่า
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ เอ่อ..ไม่ทราบว่าผมจะขอทราบเหตุผลในการพบพวกเราได้ไหมครับ?”
“คืออย่างนี้ค่ะ…”
‘เฟยเอ๋อ’นั่งลงและเริ่มอธิบายตัวเองอีกครั้ง
“สถานี ZGTV ทำการออกอากาศเผยแพร่ข้อมูลเกมส์ Destiny มาเป็นเวลา 3 ปีจนถึงเดี๋ยวนี้ค่ะ แต่ว่าช่วงนี้เรทติ้งของเราดูไม่ค่อยจะโสภาสักเท่าไหร่ ส่วนเกมส์ Destiny เองนั้นก็ยังเป็นที่นิยมมาโดยตลอดซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดอุตสาหกรรมเกมส์ถึง 40% และยังได้รับความนิยมต่อเนื่องจนกลายเป็นเหมือนหัวข้อหลักของสถานีเราไปแล้วค่ะ ดังนั้นฝ่ายข่าวจึงมอบหมายให้ฉันไปหาหัวข้อพิเศษต่างๆเกี่ยวกับเกมส์ Destiny นี้ ซึ่งอันที่จริงแล้วฉันเพิ่งจะได้ไปทำการสัมภาษณ์หัวหน้ากิลด์ [Vanguard] มู่หรงหานและพี่สาวของเค้า มู่หรงหยุนมาค่ะซึ่งนั่นเป็น EP.1 ของเรา ทีนี้เรากำลังจะเข้าสู่ EP.2 ด้วยเหตุผลที่ฉันอาศัยอยู่ในเมืองหังโจวนี้ บุคคลที่ฉันเห็นว่ามีชื่อเสียงและเป็นที่กล่าวถึงในเมืองนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น สาวงามช่างถงแห่งเมืองฟานซูและก็คุณหมอใช้ดาบเป็นอาวุธแห่งเมืองปาฮวงเซียวเหยาจื้อไจ้ยังไงล่ะคะ…”
‘เฟยเอ๋อ’เชิดริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยก่อนจะร่ายยาวต่อไปว่า
“แต่อันที่จริงแล้วนะคะ เหตุผลใหญ่เลยก็คือ เมื่อบ่ายที่ผ่านมานี้เองกิลด์ของคุณ [Zhan Long] ร่วมมือกับอีก 4 กิลด์ทำการต่อสู้กับกิลด์ [Vanguard] ที่ป่าจิ้งจอกขาวนี่แหล่ะค่ะ ได้ส่งผลให้เกิดปฏิกริยาลูกโซ่ขึ้น การพิชิตกิลด์ [Vanguard] ได้ ย่อมหมายถึงขุมกำลังใหม่ได้ปรากฏโฉมขึ้นแล้ว ฝ่ายทีมข่าวและฉันจึงแน่ใจว่าคุณจะต้องรุ่งโรจน์ขึ้นมาอย่างแน่นอนเลยค่ะ…”
ผมขัดจังหวะขึ้นว่า
“มันเป็นเพียงแค่กองกำลังผสมที่ร่วมมือกันพร้อมกับมีเทพีแห่งโชคโบกธงให้ท้ายเพียงเท่านั้นเองครับ การตกลงมาของฝนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยนั้นทำให้เจี้ยนเฟิงหานตกอยู่ในสถานการณ์ต้องคิดหนัก…”
‘เฟยเอ๋อ’หัวเราะเบาๆขึ้นก่อนจะกล่าวต่อไปว่า
“ไม่ว่าคุณจะว่ายังไงก็ตามเถอะค่ะ.. ฉันคิดว่าคุณเองก็คงจะเห็นผลของมันแล้วอยู่ดี เซียวเหยาจื้อไจ้คะ ตอนนี้คุณอยู่ในอันดับที่ 27 ของบอร์ด CBN ซึ่งใช้จัดอันดับยอดฝีมือในการต่อสู้ ย้อนไปเพียงไม่ถึงครึ่งเดือน คุณนั้นเพิ่งจะอยู่ในอันดับที่ 100,000 กว่าๆทีเดียว นี่มันเหมือนปาฏิหารย์และทำให้ฉันตัดสินใจเด็ดขาดว่ายังไงก็ต้องมาสัมภาษณ์คุณให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นฉันเองเคยรู้จักกับคุณว่านเอ๋อและช่างเป็นโชคของฉันจริงๆที่เธอก็คุ้นเคยกับคุณเป็นอย่างดี ดังนั้นแล้วจึงเป็นการตัดสินใจที่แสนจะง่ายดายของฉัน ในการขอสัมภาษณ์คุณทั้งสองคนพร้อมกันไปเลย ไม่ทราบว่าคุณจะยอมรับคำเชิญไปให้สัมภาษณ์ของสถานี ZGTV ไหมคะ? นี่เป็นรายการแบบบันทึกเทปไว้เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องแรงกดดันใดๆค่ะ…?”
ผมหันไปมองทาง’ว่านเอ๋อ’
“ว่านเอ๋อ คุณทราบเรื่องนี้มาก่อนหรือเปล่าครับ?”
‘ว่านเอ๋อ’ซึ่งนั่งเงียบมาตลอดขยับตัวนั่งตรงและหัวเราะน้อยๆและพูดว่า
“ฉันไม่ได้บอกนายก่อนเพราะว่า กลัวว่านายจะเป็นกังวลน่ะสิ”
ผมเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า
“คุณไม่กลัวว่าผมจะทำเสียมารยาทต่อหน้าเฟยเอ๋อเหรอครับ?”
‘ตงเฉิงเยว่’อดหัวเราะไม่ได้ก่อนกล่าวว่า
“นี่นายเลวร้ายขนาดนั้นเลยรึไง หา?”
ผมพ่นลมหายใจทางจมูกแทนคำตอบก่อนจะหันไปทาง’เฟยเอ๋อ’และพูดว่า
“เรื่องให้สัมภาษณ์นั้นผมไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่ว่าผมขอร้องอย่าได้ถามเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของผม ขอให้หัวข้อสัมภาษณ์เกี่ยวกับเกมส์ Destiny เท่านั้นพอแบบนั้นได้ไหมครับ?”
‘เฟยเอ๋อ’พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
“ตกลงค่ะ แล้วเมื่อไหร่ที่คุณสองคนจะมีเวลาว่างล่ะคะ? เอาเป็นพรุ่งนี้เวลา 9 โมงเช้าที่สถานี ZGTV ตกลงไหมคะ?”
ผมหันไปทาง’ว่านเอ๋อ’และพูดว่า
“ว่านเอ๋อว่างตอนไหนผมก็ว่างตอนนั้นแหละครับ”
‘ว่านเอ๋อ’หัวเราะสดใส
“ก็ฟังดูเข้าท่านะ งั้นพรุ่งนี้เช้า เราไปพร้อมกัน”
“ตกลงครับ..”
‘เฟยเอ๋อ’อดกลั้นความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ถึงกับปรบมือขึ้นและพูดว่า
“งั้นเป็นอันว่าตกลงตามนี้นะคะ วู้…งั้นเรามาทานอาหารกันดีกว่าค่ะ มื้อนี้ฉันขอเลี้ยงเอง…”
“จัดไปเลยครับ!”
ช่างน่าดีใจไม่น้อยที่อยู่ๆก็มีสาวงามมาตั้งใจเลี้ยงข้าวเราอย่างนี้ ……..
ขณะที่พวกเรากำลังทานอาหารกันอยู่นั้น พวกเราก็สนทนากันหลายหัวข้อซึ่งเกี่ยวกับเกมส์ Destiny ทั้งนั้น ดูท่า’เฟยเอ๋อ’น่าจะมีสิ่งที่เธอสนใจเอาไปทำข่าวเยอะจริงๆ
“อ้อ จริงสิคะ เซียวเหยาคุณเพิ่งจะได้รับสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ที่ค่อนข้างแข็งแกร่งเลยใช่ไหมคะ?อืม มันเป็นระดับวัลคีรี่เลยแถมยังเคยเป็นบอสมาอีกด้วย ชื่อพยัคฆ์เทพอัคคีใช่ไหมคะ?”
“ถูกต้องครับ ..”
ผมพยักหน้า ‘เฟยเอ๋อ’สงสัยต่อไปอีกว่า
“ว่ากันว่า สเตตัสของมันแข็งแกร่งเป็นอย่างมากถึงขนาดที่ว่าจัดการ โกเลมศิลาของเจี้ยนเฟิงหานเสียอยู่หมัดเลยใช่ไหมคะ? ว่าแต่ว่าคุณอัพเลเวลของมันยังไงถึงได้เลเวล 60 ไวขนาดนั้น?”
“ผมเปล่านะครับ เจ้าเหมียวนั่นเพิ่งจะเลเวล 52 เองครับ..”
“ว้าว..แค่เลเวล 52 แต่เจ้าโกเลมศิลานั่นถึงกับตอบโต้อะไรไม่ได้เลย ช่างแข็งแกร่งจริงๆ ?”
“ผมว่าก็เป็นเรื่องธรรมดานะครับ เจ้าสองตัวนั่นมันห่างกันอยู่ตั้งสองระดับชั้น!”
‘ว่านเอ๋อ’หัวเราะอยู่ข้างๆผมเอ่ยขึ้นว่า
“เอาจริงๆนะ ฉันว่าฉันน่าจะติดใจความน่ารักของเจ้าเหมียวนั่นแล้วละนะ ว่าแต่นายคิดจะตั้งชื่อดีๆให้มันรึยังล่ะ?”
“ผมยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อมันเลยครับ”
“ตานี่นิ นายคิดชื่อเพราะๆไม่ออกมั่งหรือไงนะ?”
“อันที่จริงผมก็ยังนึกอยู่นะครับ ผมเคยคิดจะตั้งชื่อให้มันว่า พ่อครัวใจดี เป็นไงครับชื่อนี้ฟังดูให้การต้อนรับเหยื่อของมันได้อบอุ่นดีนะครับ และก็ไม่เหมือนใครดีด้วย”
‘ว่านเอ๋อ’ทำหน้าหมดหวังต่อผม
“นี่นาย..ช่วยตั้งชื่อที่มันเพราะๆหน่อยไม่ได้รึไงยะ?”
“งั้นผมจะเรียกมันว่า ช่างถงดีไหมครับ แบบนี้เวลาผมเรียกมัน ผมจะได้คิดถึงคุณไปด้วย…”
“นี่นาย..!”
‘ว่านเอ๋อ’หันมาถลึงตาใส่ผมพร้อมกับแก้มน้อยๆนั้นแดงระเรื่อ ก่อนจะหันไปรีบดื่มน้ำแล้วกระซิบกับผมเบาๆว่า
“นายอยากตายมากใช่ไหม หา? คอยดูนะถ้านายลองใช้ชื่อนั้น ฉันจะลงโทษนายจริงๆด้วย..”
“แล้วคุณหนูก็จะเห็นเองแหละครับ ตอนเห็นมันอีกครั้งหน้า”
ผมหาได้กลัวคำขู่ของเธอซักนิดเดียว ‘ตงเฉิงเยว่’หัวเราะเสียงใสก่อนพูดว่า
“นายอย่ากลัวไปเลยเซียวเหยา ถ้าว่านเอ๋อเอามีดสั้นของเธอเสียบนายดับละก็ ฉันจะขอเป็นคนดึงมีดสั้นนั้นออกเอง สาวน้อยบริสุทธิ์คนนี้จะคอยรักษาแผลให้ลูกนกลูกกาไร้ที่พึ่งเอง…”
‘เฟยเอ๋อ’อดหัวเราะไม่ได้เอ่ยขึ้นว่า
“พวกคุณสามคนนี่สนิทกันดีจริงๆเลยนะคะ ฉันต้องยอมรับว่าอดที่จะอิจฉาพวกคุณไม่ได้แล้วละซิ เฮ้อ…ตั้งแต่ฉันเข้าร่วมกับฝ่ายข่าวนี่แทบจะหาเพื่อนสนิทสักคนได้ยากจริงๆ เอาจริงๆฉันว่าฉันอิจฉาพวกคุณจริงๆแล้วแหล่ะ”
ผมพูดว่า
“คุณไม่ต้องมีเพื่อนสนิทมากก็ได้นะครับ แต่อย่างน้อยคุณก็ได้เงินเดือนมากกว่าใครๆ ผมว่าก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่”
“เอาล่ะๆ ฉันยอมแพ้…”
‘เฟยเอ๋อ’ถอนหายใจ
กว่าจะเสร็จจากอาหารค่ำมื้อนั่นก็เป็นเวลากว่าสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ผมต้องรู้สึกอึ้งไปอีกครั้งเมื่อมองตาม’เฟยเอ๋อ’ที่มีลัมโบกินี่คันงามมารอรับพาเธอจากไป
“ผู้ประกาศสาวงามอย่างนี้ย่อมมีหนุ่มๆมาติดเยอะเลยสินะ นายคนขับลัมโบกินี่คนนั้นผมรู้สึกหน้าตาคุ้นๆนะครับ..”
‘ตงเฉิงเยว่’จำได้เอ่ยขึ้นว่า
“นั่นมันเจ้าของธุรกิจที่เพิ่งจะได้รับรางวัลหนึ่งในสิบนักธุรกิจหนุ่มดาวรุ่งไม่ใช่เหรอ?”
“อ้อ ถึงว่าทำไมผมรู้สึกคุ้นๆหน้า..”
‘ว่านเอ๋อ’พูดว่า
“อย่ามัวแต่สนใจเรื่องแบบนั้นอยู่เลย รีบขึ้นรถกลับมหาลัยกันดีกว่า ฉันอยากจะเก็บเลเวลอีกซักหน่อยก่อนเข้านอนคืนนี้ และก็นายมาพบพวกเราที่หอพักหญิงชั้นล่างพรุ่งนี้แปดโมงเช้านะ เราจะได้ไป ZGTV ด้วยกัน อ้อ ตงเฉิงเยว่จะต้องไปเข้าเรียนวิชามนุษย์ศาสตร์ให้เรา อย่าลืมเชคชื่อให้พวกเราด้วยละ…”
‘ตงเฉิงเยว่’ทำหน้าปั้นยากพูดว่า
“โธ่..ฉันนึกว่าจะได้ไปกับพวกเธอซะอีกพรุ่งนี้อ้ะ ไปดูก็ยังดี..”
‘ว่านเอ๋อ’เอามือแตะไหล่’ตงเฉิงเยว่’เบาๆพร้อมกับกล่าวขำๆว่า
“อย่าเลย เซียวเหยากับฉันไม่เป็นไรหรอก เธอแค่อย่าลืมเชคชื่อให้พวกเราด้วยละกัน และเธอต้องเชื่อว่าฉันและเซียวเหยาพวกเรารักเธอจริงๆนะ..”
‘ตงเฉิงเยว่’ทำเป็นสะอื้นเล็กน้อยพร้อมพูดว่า
“จ้า…และฉันก็รักพวกเธอสองคนเหมือนกันแม้ว่าฉันจะดูเหมือนโดนทิ้งยังไงไม่รู้ ซิกๆ..”
“โอ๋ๆ จะเป็นอย่างงั้นได้ยังไงละจ้ะ อย่าคิดอะไรเหลวไหลแบบนั้นสิ…”
พวกเรากลับมาถึงยังหอพักแล้วก็แยกย้ายกันผมก็ออนไลน์ก่อนนอนอีกเล็กน้อย
“แว่บบบ!” ผมปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในเมืองปาฮวง
ดาบประกายวสันต์ถูกขายไปในราคา 10000 โกลด์ ผมพร้อมกับดาบจักรพรรดิ์ฉินก็มุ่งหน้าออกจากเมืองไป นี่จะได้เป็นการลองพลังของดาบไปในตัวในขณะที่ผมพาเจ้าพยัคฆ์เทพอัคคีไปเพิ่มเลเวลไปด้วย
จากการต่อสู้ที่เพิ่งจบไปนั้นเจ้าเหมียวนี่เสียไปสองเลเวล ตอนนี้มันจึงอยู่ที่เลเวล 50
“โฮกกก…”
เจ้าพยัคฆ์เทพอัคคีกระโจนแผลวออกจากวงเวทย์ซัมมอนดาวหกแฉก เมื่อมันเห็นผมก็ดูท่าทางอ่อนโยนลงเปลี่ยนน้ำเสียงเป้นครางเบาๆพร้อมกับเอาหัวของมันเข้ามาถูที่ขาของผมด้วยความรัก แต่ยังไงก็เถอะ ตัวของมันออกจะใหญ่เกินไปที่จะอุ้มขึ้นมาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
พลันผมก็เปิดเมนูสัตว์เลี้ยงขึ้นและเปลี่ยนชื่อของมันเสียใหม่ว่า ‘ช่างถง’! และชื่อที่แสนจะคุ้นเคยนั้นก็ลอยปรากฏอยู่บนหัวของเจ้าพยัคฆ์อัคคี ผมลุบศีษะของมันเบาๆแล้วหัวเราะและพูดว่า
“ไปกันเถอะ ป๊าจะพาแกไปเวลเอง!”
เร่งเดินทางไปจนทิ้งป่าเมืองปาฮวงไว้เบื้องหลังและมาถึงบึงหมอกร้างในที่สุด เจ้าพวกงูที่เคยอาศัยอยู่แถวๆบึงนี้ถูกจัดการซะหมดไปแล้วและถูกพวกจรเข้บึงยักษ์เข้ามาอาศัยแทน!
“บุ๋งๆ ๆ บุ๋งๆ..”
ภายใต้กอหญ้าวัชพืชน้ำ ฟองอากาศก็ลอยขึ้นมาจากสายตาสีน้ำตาลที่จ้องอย่างมุ่งร้ายมายังที่ตัวผม นี่มันเป็นสายต่อของนักล่าที่ส่งมายังเหยื่อของมัน เมื่อมันเป็นมอนสเตอร์ระดับสูง เลเวล 66 มันก็เหมาะที่สุดแล้วที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการอัพเลเวลตอนนี้ !
ผมยกแขนพร้อมกับเผยให้เห็นดาบจักรพรรดิ์ฉินที่อยู่ในมือขึ้น และทะยานเข้าหาเจ้าพวกจรเข้ทันที ด้วยการโยกหลบขากรรไกรที่พากันงับหมายจะเอาผมเป็นอาหารแล้วก็ฟันฉับออกไป ใช้ออกด้วยสกิล[คมวายุกล้า]!ทันที
“ฉั่วะ!”
ลิ่มเลือดสาดกระจายออกจากบาดแผลของเจ้าจรเข้บึงยักษ์พวกนั้นพร้อมกับตัวเลขความเสียหายลอยขึ้นมาตัวโตๆ
“3596 !”
ผมโจมตีซ้ำไปอีกครั้งด้วยสกิล [โลกาสิ้นสูญ] “4011 !”
เจ้าเหมียวก็พุ่งมาตะปบสองครั้งรวดด้วยกรงเล็บของมัน ปิดเกมส์ทันที !
พอดูจากการตายของเจ้าจรเข้บึงยักษ์เคราะห์ร้ายตัวนั้น ที่ไม่มีแม้แต่โอกาสตอบโต้แล้วผมก็ชักกลัวๆพลังของตัวเองซะแล้วสิ ไอ้พลังโจมตีพื้นฐาน 3749 นี่มันหยดหยองดีแท้ ใช่มะ? ถ้าเกิดว่ากลายเป็นศัตรูของผมมีพลังโจมตีขนาดนี้บ้างล่ะ ผมจะมีโอกาสตอบโต้ซักครั้งไหมก่อนที่จะถูกสังหาร ?
เป็นปัญหาที่น่าขบคิดทีเดียว….
ผมก็จัดการละเลงเลือดกับพวกจรเข้พวกนั้นต่อไปจนถึงเวลาราวๆ ตีหนึ่ง เพิ่มระดับให้กับเจ้าพยัคฆ์เทพอัคคีจนถึงเลเวล 58 แล้ว
ตามคำแนะนำของ’ว่านเอ๋อ’ ผมควรจะออฟไลน์ได้แล้วเพราะผมต้องตื่นเช้าในวันพรุ่งนี้ การตื่นสายไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลยสำหรับผมในวันพรุ่งนี้
ที่มา: