I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 256 สาวงามมีภัย

| Zhan Long | 1381 | 2365 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลโดย WildFox

//////////////////

เช้าวันต่อมาที่ลอบบี้ของสถานี ZGTV ผมกวาดตามองสำรวจลักษณะก่อสร้างของอาคารหลังนี้ ก็ไม่อาจจะบอกได้ว่าเป็นอาคารที่เลิศหรูอะไรนัก อย่างน้อยก็ดูธรรมดามากกว่าอาคารที่อยู่ข้างๆกันนั้น ที่ชั้นล่างนั้น มีรูปปั้นทำจากทองเหลืองของนักรบและนักรบคลั่งยืนถือขวานรบทำหน้าที่เป็นผู้รักษาทางเข้าอยู่ มีป้ายจารึกไว้ว่า Destiny 08/27/2017

ซึ่งนั่นก็เป็นวันที่เกมส์ Destiny เปิดทำการเซิฟเวอร์เป็นวันแรกนั่นเอง

‘ว่านเอ๋อ’สวมกระโปรงสั้นสีครีมพร้อมกับเสื้อเดรสดูดีและทับด้วยแจคเกทดูสดใสอีกตัว เธอดูอ่อนหวานและเป็นตัวแทนของคำว่างามสง่าในขณะที่มือนั้นถือกระเป๋าสตางค์สีขาว ขณะที่กำลังมองไปยังอาคารของสถานีเช่นเดียวกับผมเธอก็หัวเราะและเอ่ยว่า

“ดูเหมือนว่ารสนิยมของสถานี ZGTV ก็ดูใช้ได้ทีเดียวนะคะ..”

ก่อนจะกล่าวต่อไปอย่างร่าเริงว่า

“ฉันน่ะสนใจวงการเกมส์มาตั้งแต่สมัยอยู่มัธยมต้นโน่นแล้วล่ะ เหอะ ถ้าฉันมีโอกาสเลือกได้ละก็ ฉันว่าจะไม่ไปเสียเวลาร้องเพลง Heart of Time ซะหลายปีนั้นหรอกนะ ฉันว่าจะไปสมัครทำงานกับ ZGTV หรือไม่ก็กับเกมส์ Destiny ซะดีกว่า ถึงแม้ว่าฉันอาจจะต้องติดอยู่กับแค่การทำงานนั่งโต๊ะในตำแหน่งเล็กๆ แต่มันก็เหมือนกับว่าเราได้ทำงานในสถานที่ที่เราเคยฝันเอาไว้จริงไหม? หลี่เซียวเหยา นายคิดอย่างนั้นไหม หือ?”

ผมซึ่งอยู่ในชุดสูทสากลสีดำ พอมองเห็นดวงตาที่แวววาวด้วยความหวังคู่นั้นแล้วผมก็ได้แต่หัวเราะอย่างแห้งแล้งตอบกลับไปว่า

“ผมไม่มีความสามารถที่จะเลือกอะไรได้แบบนั้นหรอกครับ”

“ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ?”

‘ว่านเอ๋อ’มองมาที่ผมด้วยสายตางุนงง ผมคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบไปว่า

“ก็เพราะว่าชีวิตของคนแต่ละคนนั้นย่อมไม่เหมือนกันครับ นับตั้งแต่ช่วงเวลาที่ผมได้รับการถ่ายทอดวิชาจากอาจารย์ของผมแล้ว ชีวิตของผมก็ถูกกำหนดให้วนเวียนอยู่กับความตายและการฆ่าฟัน สิ่งที่ผมได้รับการถ่ายทอดมานั้น ไม่ได้มีไว้สำหรับแสดงให้ชมเล่นๆหรือเอาไว้อวดสาว มันมีเอาไว้…เพื่อฆ่าคนเท่านั้นครับ…”

สีหน้าของ’ว่านเอ๋อ’พลันหม่นลง พร้อมกับสายตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยคำถามวนเวียนอยู่พูดว่า

“นาย…นายเคยฆ่าคนมาแล้วจริงๆเหรอ?”

ผมหันหน้าไปอีกทางเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมองเธอก่อนจะขำเบาๆและพูดว่า

“เราอย่ามาพูดเรื่องพวกนี้กันอยู่เลยครับ นี่จวนจะได้เวลานัดแล้ว พวกเราควรจะขึ้นไปชั้นบนได้แล้วบางทีเฟยเอ๋ออาจจะกำลังรอพวกเราอยู่ที่ลอบบี้ก็ได้นะครับ…”

“อ้ะ …อื้อ”

‘ว่านเอ๋อ’เป็นคนฉลาดและไม่ต้องการกดดันผมในเรื่องอดีตที่ผ่านมา เธอรู้ดีว่าถึงอย่างไรผมก็ไม่ต้องการที่จะพูดถึงมันอยู่ดี ………….

ในห้องโถงของสถานี ZGTV

‘เฟยเอ๋อ’ซึ่งเปลี่ยนมาใส่ชุดแซคทำงานสีกาแฟ กำลังส่งยิ้มและลุกขึ้นจากโซฟาที่เธอนั่งอยู่เพื่อต้อนรับพวกเรา

“ในที่สุดพวกเธอสองคนก็มา ฉันกำลังกลัวว่าจะรอเก้ออยู่พอดี ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นละก็ เงินเดือนที่แสนจะน้อยนิดของฉันคงจะหดหายไปอีกอย่างแน่นอนเลย…”

“เราจะทำอย่างนั้นได้ยังไงละคะ พวกเราเป็นผู้เล่นที่มีเกียรติและรักษาคำพูดของเราเสมอค่ะ…”

‘ว่านเอ๋อ’ตอบพร้อมเสียงหัวเราะ ‘เฟยเอ๋อ’หันไปมองที่’ว่านเอ๋อ’แล้วก็ทำแก้มป่อง

“หือ การได้สัมภาษณ์เจ้าของตำนานอย่างนักร้องเพลง Heart of Time เนี่ยะ คุณหลินว่านเอ๋อคะ แรงกดดันของคุณนี่ไม่ธรรมดาจริงๆคุณช่างสวยเสียจน ฉันเองยังแข้งขาอ่อนไปหมดแล้วนะคะเนี่ยะ..”

ผมยกมือขึ้นทาบอกตัวเองพลางพูดว่า

“ไม่ต้องห่วงไปหรอกครับ ยังไงซะคุณก็ยังมีผมคอยรับหน้าที่ตัวประกอบอยู่ทั้งคน ยกเรื่องความสวยความงามให้คุณทั้งสองคนรับไปแล้วกัน ผมจะตั้งใจอยู่กับความธรรมดาเองครับ”

‘เฟยเอ๋อ’หัวเราะและเอ่ยว่า

“แหม คุณเซียวเหยาจื้อไจ้นี่ละก็ ตลกได้ตลอดเวลาเลยนะคะ คุณน่ะเป็นหัวหน้าของกิลด์[Zhan Long]แถมยังเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่หล่อเหลาจากเมืองปาฮวงอีกด้วย ไม่มีทางที่จะได้บทตัวประกอบหรอกค่ะ ยังไงซะคุณสองคนวันนี้ ก็ต้องเป็นตัวเอกของการสัมภาษณ์ในวันนี้อยู่แล้ว พวกเราไปกันดีกว่าค่ะ ห้องออกอากาศของสถานีอยู่ที่ชั้น 9 ฉันจะพาพวกคุณไปที่นั่นเองค่ะ”

“ตกลงครับ”

จากลิฟท์ที่เคลื่นที่ขึ้นไปยังชั้น 9 อย่างช้าๆทำให้เรามองเห็นบรรยากาศห้องส่งได้ สปอตไลท์ทั้งหลายต่างเปิดขึ้นพร้อมแล้ว ตากล้องอีกห้าคนกำลังประจำที่อยู่กับกล้องของตัวเอง เมื่อรวมกับ’เฟอเอ๋อ’ก็นับเป็นทีมงาน 6 คน ซึ่งเธอก็นำเอาสคริปท์ของการสัมภาษณ์มาให้ทั้งผมและ’ว่านเอ๋อ’

ภายในสคริปท์ก็เป็นหัวข้อเกี่ยวกับการสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องต่างๆภายในเกมส์ Destiny แบบนี้จะได้เป็นการรักษาการสัมภาษณ์ไม่ให้ออกนอกแนวทางที่เราได้ตกลงกันไว้นั่นเอง

“จะเติมเครื่องสำอางค์หน่อยไหมคะ?”

‘เฟยเอ๋อ’ถามพวกเรา

“ไม่งั้นเวลาที่แสงไฟส่องมาที่พวกคุณแล้วจะทำให้พวกคุณดูหมองลงนะคะ”

‘ว่านเอ๋อ’ตอบว่า

“ฉันจัดการตัวเองมาพอดีแล้วค่ะอีกอย่างดูจากที่เซทไว้ก็ไม่น่าจะทำให้เห็นความแตกต่างจนใครสังเกตได้นะคะ”

“งั้นก็ดีแล้วละค่ะ แล้วคุณหลี่เซียวเหยาละคะ จะแต่งหน้าก่อนไหมคะ?”

‘เฟยเอ๋อ’ถามต่อ ผมเบะปากทันที

“ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณ ถ้าให้ผมแต่งหน้าละก็ผมขอตายซะดีกว่า..”

‘เฟยเอ๋อ’หัวเราะชอบใจ

“งั้นตามใจค่ะ ถ้าคุณคิดว่าหล่อพอตัวก็ได้ค่ะ เตรียมตัวได้เลยค่ะ จะว่าไปฉันเคยไปสัมภาษณ์นอกสถานที่มาบ้าง และเคยไปสัมภาษณ์หัวหน้ากิลด์[Flying Dragon] คุณเฟยหลงไจ้เทียน รายนั้นน่ะอย่างกับตัวตลกเลยละค่ะ เขาเมคอัพซะหนาเตอะก่อนจะออกกล้อง ฉันพนันได้เลยว่าถ้าเด็กๆมาเห็นหน้าเค้าตอนออกTVละก็คงต้องร้องไห้จ้าแน่เลย อุ้ย..นี่ฉันนินทาเขาไปเหรอเนี่ยะ บาปจริงๆเลยฉัน…”

ผม

“…..”

พวกเรานั่งลงบนโซฟาที่ทางสถานีจัดไว้ให้ จริงๆแล้วมันค่อนข้างเหมือนกับการพูดคุยธรรมดามากกว่าให้การสัมภาษณ์ ‘เฟยเอ๋อ’ดูเป็นมืออาชีพและมีประสบกาณ์อย่างดี และด้วยสคริปท์ที่อยู่ตรงหน้าเธอก็ส่งยิ้มหวานให้กับกล้องบันทึกเทปเริ่มรายการทันที

“สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการ คนดังนั่งคุย ของสถานี ZGTV ของเรานะคะ วันนี้ทางเราได้เชิญบุคคลสองคนที่ทำให้ทั้งเมืองฟานซูและเมืองปาฮวงสั่นสะเทือนด้วยชื่อเสียงและความนิยมในตัวของพวกเขา ซึ่งพวกเขาก็คือ คนแรกสาวงามทางซ้ายมือของดิฉันนะคะ โฉมงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองฟานซูอีกทั้งยังเป็นรองหัวหน้ากิลด์ดังอย่าง [Hero s Mound] นักฆ่าสาวงามหมายเลขหนึ่ง ช่างถง นั่นเองค่ะ ซึ่งจริงๆแล้วเธอเป็นที่รู้จักในนามของ หลินว่านเอ๋อ ผู้ซึ่งดิฉันคิดว่าท่านผู้ชมหลายคนคงจะรู้จักเป็นอย่างดี ที่เมื่อสามปีก่อน สร้างกระแสความนิยมขึ้นทั่วทั้งเอเชียด้วยบทเพลง Heart of Time แน่นอนว่าย่อมเป็นสาวงามช่างถงคนเดียวกันนี้ ที่กำลังปรากฏกายอยู่ข้างๆดิฉันในตอนนี้นั่นเองค่ะ…”

‘หลินว่านเอ๋อ’เผยยิ้มน้อยๆดูงามสง่าและทักทายกล้องว่า

“สวัสดีค่ะ ทุกคน!”

‘เฟยเอ๋อ’บรรยายต่อไปว่า

“ส่วนอีกคนหนึ่งนั้น ชายหนุ่มรูปหล่อที่นั่งเคียงข้างหลินว่านเอ๋อ ซึ่งเป็นบุคคลที่ดิฉันคิดว่าท่านผู้ชมหลายๆคนก็คงจะรู้จักเขาเพียงเห็นบุคคลิกของเขา ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้เล่นที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งในเมืองปาฮวงตอนนี้ ผู้ที่มีฉายาว่า คุณหมอนักดาบที่แกร่งที่สุด หัวหน้ากิลด์[Zhan Long] อีกทั้งยังเป็นคนแรกที่ได้รับอาวุธระดับวัลคีรี่ ดาบจักรพรรดิ์ฉิน เซียวเหยาจื้อไจ้ นั่นเองค่ะ! ซึ่งมีชื่อจริงว่า คุณหลี่เซียวเหยาที่มาพร้อมกับประวัติที่ไม่มีใครทราบ เขาคือสุดหล่อแห่งปริศนานั่นเองค่ะ ฮิฮิฮิ…”

แม้เมื่อยามเผชิญหน้ากับปากกระบอกปืนไรเฟิลผมก็ยังเก็บอาการอยู่ได้ เพราะงั้นย่อมไม่มีปัญหาใดๆในการสู้หน้ากล้องสำหรับผมแต่อย่างใด ผมแค่เกร็งๆเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าและยิ้มทักทายกล้อง

“สวัสดีครับ ทุกคน…”

‘เฟยเอ๋อ’ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อไปว่า

“เอาล่ะค่ะ ต่อไปเราจะเข้าสู่ช่วงของการสัมภาษณ์นะคะ แต่ก่อนอื่นเลย ดิฉันอยากจะถามคุณว่านเอ๋อสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองฟานซูและหนุ่มเนื้อหอมแห่งเมืองปาฮวงก่อนเลยนะคะว่า ทั้งสองคนนี้มาพบกันได้อย่างไร? เอาในชีวิตจริงนะคะ และจริงๆแล้วทั้งสองท่านนี้มีความสัมพันธ์อะไรกันคะ ?”

“พวกเราเจอกันได้ยังไงน่ะเหรอคะ ?…….”

ดูเหมือนว่า ว่านเอ๋อจะจำตอนที่พวกเราพบกันครั้งแรกได้ ตอนที่ผมทะลึ่งพรวดเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าขณะที่เธอกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่พอดี ใบหน้ารูปวงรีนั้นจึงพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อและกลบเกลื่อนว่า

“เอ่อ.. ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะพวกเราเป็นแค่เพื่อนกันธรรมดาๆ  พวกเรารู้จักกันอย่างธรรมดาๆทั่วๆไปค่ะ…”

ผมพยักหน้าสนับสนุน

“ครับ ว่านเอ๋อกับผมเราเป็นเพื่อนเรียนกันนะครับ พวกเราเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันแถมยังอยู่คณะเดียวกันและเล่นเกม Destiny เหมือนกัน นั่นแหละครับพวกเราเลยรู้จักกัน….”

‘เฟยเอ๋อ’เปิดโหมดเจ๊าะแจ๊ะดาราของตัวเองแล้ว หัวเราะอย่างนางร้ายและถามต่อว่า

“ธรรมดาแน่เหรอคะ? ดิฉันว่าน่าจะมีอะไรบางอย่างแอบซ่อนอยู่เป็นแน่ ชิมิคะ? อย่างดิฉันเนี่ยะ ก็ถือว่าเป็นผู้ที่คลุกคลีอยู่กับบอร์ดสนทนาของเกมส์ Destiny อยู่ไม่น้อยและดิฉันก็ได้เห็นกระทู้เกี่ยวกับคุณสองคนมาไม่น้อยทีเดียว หลายๆกระทู้นั้นต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ว่าคุณสองคนนั้นเป็นคู่รักกันจริงๆทั้งในเกมส์และนอกเกมส์ จริงหรือเปล่าคะ?”

“พวกเราไม่…เอ่อ…”

‘ว่านเอ๋อ’ดูเหมือนจะหมดแรงเอาดื้อๆเมื่อพยายามอธิบายเรื่องนี้ ‘เฟยเอ๋อ’ได้จังหวะยิงคำถามต่อเนื่องทันที

“เอาจริงๆเลยนะคะ พวกคุณสองคนนี่พบกันได้ยังไงคะ?”

‘ว่านเอ๋อ’ซึ่งตอนนี้หน้าแดงเป็นลูกตำลึงซ้ำยังลืมเรื่องที่ตัวเองมีความสามารถอ่านใจได้ไปจนหมดเพราะหัวใจกำลังสับสนอย่างหนักตอบอย่างตะกุกตะกักว่า

“คือ…อันที่จริงแล้ว มีครั้งหนึ่งฉันไปถ่ายโฆษณาแล้ว..แล้ว…ที่นั่นฉันก็ได้พบหลี่เซียวเหยา แค่นั้นเองแหละค่ะ…”

‘เฟยเอ๋อ’เห็นว่ากำลังเข้าทางของเธอจึงหัวเราะเสียงใสรุกต่อไปว่า

“อ่า….ที่จริงแล้วคุณสองคนก็พบกันแบบนี้นี่เอง แต่ว่านะคะ ไอ้คำว่า “พบ” เนี่ยะมันค่อนข้างมีหลายความหมายนะคะ คุณว่านเอ๋อสุดสวยขา จริงๆแล้วคุณสองคนพบกันได้ยังไงเหรอคะ”

(TL:เฟยเอ๋อพยายามเล่นคำว่าพบซึ่งในภาษาจีน มีสองคำซึ่งความหมายใช้แทนกันได้ คำหนึ่งหมายถึงพบเจอ พบปะทั่วๆไป อีกคำหนึ่งหมายถึง พบเห็น มองเห็นเดาว่าผู้เชียนจะเล่นมุข มองเห็นอะไรบางอย่างเฟยเอ๋อจึงพยายามเน้นคำๆนี้อยู่หลายครั้ง)

‘ว่านเอ๋อ’ซึ่งตอนนี้หัวใจกำลังสับสนอย่างหนักเริ่มเรียบเรียงคำพูดไม่ถูกและพูดจาไม่ปะติดปะต่อ เธอไม่รู้ตัวเองจริงๆว่าควรจะรับมือกับนักข่าวสาวหัวเห็ดอย่าง’เฟยเอ๋อ’ยังไง ผมกัดฟันเล่าออกไปว่า

“คือว่าที่จริงๆ ว่านเอ๋อกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ และผมเอ่อ…บังเอิญผ่านไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านั้น แค่กๆ ๆ เอ่อ..มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันน่ะครับ! เอ่อ…ผู้กำกับครับ รบกวนตัดเอาส่วนเมื่อกี้ออกไปได้ไหมครับ ถ้าไม่ยอมตัดออกละก็ผมจะตามไปตื้บถึงบ้านเลย!”

‘เฟยเอ๋อ’ทนกลั้นหัวเราะไม่ไหวเลยพูดไปขำไปว่า

“เอาละค่ะ เอาล่ะค่ะ ฉันขอโทษที่กดดันพวกคุณมากไปหน่อย ผู้กำกับคะ งั้นช่วยตัดช่วงมะกี้ออกไปหน่อยละกันนะคะ มันไม่ใช่หัวข้อใหญ่โตอะไร”

ผู้กำกับรีบส่งสัญญาณโอเคทันที(เพราะกลัวโดนตื้บรึเปล่าไม่ทราบ)

“โอเคครับ ผมจะตัดออกครับ!”

การสัมภาษณ์ยังดำเนินต่อไป พวกเราคุยกันหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นในเกมส์ตั้งแต่เมืองปาฮวงไปถึงเรื่องของ’เจี้ยนเฟิงหาน’ ต่อจากเจี้ยนเฟิงหานก็ไปถึงเรื่องกิลด์ [Wrath of the Heroes] และก็ต่อไปยังเรื่องของกิลด์ [Zhan Long] และย้ายไปยังเรื่องของกิลด์[Hero s Mound]

ต่อด้วยเรื่องของ’ตงเฉิงเยว่’ จากนั้นก็คุยถึง’เยว่ชิงเฉียน’และ’เยว่เหว่ยเหลียง’ ซึ่ง’เฟยเอ๋อ’อธิบายว่า ทั้ง’ตงเฉิงเยว่’ ‘เยว่ชิงเฉียน’ ‘เยว่เหว่ยเหลียง’ แม่ทัพ’หลี่มู่’ แม่ทัพ’หวังเจี้ยน’ต่างก็มีชื่อเสียงเป็นที่นิยมในเมืองที่ตัวเองสังกัด

ในอนาคตเป็นไปได้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะได้มาให้สัมภาษณ์ที่สถานี ZGTV แห่งนี้อาจเป็นไปได้ว่าจะเชิญพวกเขามาสัมภาษณ์ทีเดียวหลายๆคนในเทปเดียวเพื่อออกอากาศก็เป็นได้ หลังจากผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงของการสัมภาษณ์ การบันทึกเทปครึ่งแรกก็เสร็จลงหลังจากที่ผมดื่มน้ำไปเล็กน้อยก็สังเกตเห็นว่าแก้วน้ำที่บรรจุน้ำแร่ข้างๆแก้วของผมไม่ได้พร่องลงไปแต่อย่างใด

‘ว่านเอ๋อ’ลุกขึ้นเอามือแตะที่ไหล่ของผมและกระซิบบอกเบาๆว่า

“ฉันขอตัวไปห้องน้ำซักหน่อยนะ”

“ครับ!”

หลังจากที่ผมคุยเรื่องสัพเพเหระกับ’เฟยเอ๋อ’ไปประมาณ 5 นาทีผมก็ยังไม่เห็นวี่แววของ’ว่านเอ๋อจ’ะกลับมา ทันใดนั้นหัวใจของผมแทบหยุดเต้นก่อนที่จะเข้าสู่โหมดตื่นตัวอย่างที่สุด

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง โทรศัพท์ของผมก็สั่นพร้อมกับข้อความหนึ่งปรากฏให้รู้ว่ามาจาก’ว่านเอ๋อ’

“มานี่ที่ด่วน มีคนเข้ามา….”

“อ้ะ!?”

ผมพรวดพราดลุกขึ้นพร้อมตะโกนสั่ง’เฟยเอ๋อ’

“อย่าออกไปไหนจากที่ตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมกลับมา!”

“หา…กะ..เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”

“ไม่มีอะไรครับ ทำตามที่ผมบอกก็พอ…”

ผมรีบวิ่งออกจากห้องส่งทางประตูใหญ่และเลี้ยวขวาไปทางห้องน้ำหญิงทันที ฉับพลันที่ผมเลี้ยวพ้นจากหัวมุม เงาร่างของชายคนหนึ่งก็หันกลับมาที่ผมพร้อมกับลำกล้องสีดำมะเมื่อม จ่อตรงมาที่กลางหน้าผากของผมพอดี

ให้ตายสิ นั่นมันปืนชัดๆ!

ผมรีบเร่งเร้าพลังปราณในร่าง เอนตัวขนานไปกับพื้นพร้อมกับเสียงของปืนที่ติดเครื่องเก็บเสียงดังขึ้น ลูกตะกั่วร้อนๆก็พุ่งเฉียดใบหน้าของผมไปราวกับอุกกาบาต ผมเหยียดร่างขึ้นสำรวจบุคคลตรงหน้าอย่างละเอียด เจ้ามือปืนนั่นรูปร่างค่อนสูงพร้อมด้วยโหนกแก้มและดวงตาที่ลึกลงไปในเบ้า หมอนี่ต้องไม่ใช่คนจีนแน่นอน!

ผมเข้าจู่โจมด้วยการเตะนำไปทันทีแต่ความเร็วของชายคนนั้นก็ถือว่าไม่เลวทรามแต่อย่างใดจึงหลบได้และสวนกลับมาด้วยเข่าลุ่นๆ โชคไม่เข้าข้างเจ้ามือปืนนั่นเท่าไหร่ เพราะความเร็วของเขานั้นยังช้ากว่าผมอยู่หลายขุม และด้วยการสวนด้วยสันมือที่สับลงไปที่ไหล่ของเขา

ชายลึกลับก็ถลาดังนกปีกหัก ผมจึงฉวยจังหวะได้เปรียบใช้ขาซ้ายเตะตัดร่างของเขาไว้อย่างรวดเร็วถึงสองครั้ง  ไม่มีทางที่มือปืนธรรมดาทั่วไปจะทนแรงโจมตีจากผู้มีวรยุทธไหว ชายคนนั้นจึงได้แต่ส่งเสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับรับรู้ว่าขาทั้งสองข้างของตนนั้นได้หักไปเสียแล้ว

ผมจัดการเตะส่งท้ายไปอีกดอกส่งผลให้ปืนกระบอกนั้นลอยหวือไปทางโถงทางเดินห่างจากพวกเราออกไปไกล ผมไม่มัวรอเสียเวลาจัดการเจ้ามือปืนคนแรกให้อยู่หมัด ผมรีบวิ่งสุดฝีเท้าไปยังหน้าห้องน้ำหญิงและไม่พูดพล่ามทำเพลงผมก็กระแทกประตูเข้าไปทันที ประตูของห้องน้ำหญิงได้ถูกถีบพังไปก่อนหน้าที่ผมจะมาถึงแล้ว

ดังนั้นผมจึงรีบพาร่างเข้าไปทันที ก่อนจะหัวใจแทบหยุดเต้นเพราะ ภายในหัวของผมมองเห็นภาพของ’ว่านเอ๋อ’ที่กำลังอ่อนแรงอยู่ ผมแทบจะได้ยินเสียงดังมาจากภาพในหัวของผมเลยทีเดียว หรือว่า…นี่จะเป็นความสามารถในการอ่านจิตของเธอที่ส่งภาพเหล่านี้มาเตือนผม?!

ผมย่อตัวลงอัตโนมัติแทบจะทันทีที่มีดสั้นของทหารตวัดผ่านตรงที่ที่ศีรษะของผมเคยตั้งอยู่ เล่นเอาเส้นผมหลายเส้นต้องรับเคราะห์แทนไป ผมจึงชกสวนกลับไปทันทีไม่ต้องรอใครมาเปิดงานอีก ได้ยินเสียงหมัดกระทบเนื้อดัง

“ตั้บ” หนักแน่นและมองเห็นร่างผู้รับของฝากนักกอล์ฟซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ทำหน้าปั้นยากเมื่อล้มลงสลบไป เพราะหมัดของผมเข้าลิ้นปี่เต็มที่!

“ควั่บ!”

ผมฉกเอามีดสั้นทหารเล่มนั้นมาจากเขาอย่างว่องไว และเร่งไปยังทางที่อ่างล้างหน้าตั้งอยู่ ที่ซึ่งผมเห็นร่างของ’ว่านเอ๋อ’ที่อ่อนแรงถูกชายผิวดำตัวใหญ่เอาปืนจ่อขมับของเธอไว้ เจ้านั่นพอเห็นผมก็พูดเป็นภาษาจีนสำเนียงแปร่งหูว่า

“ไอ้หนู ทิ้งมีดไปซะไม่งั้นผู้หญิงนี่ตาย!..”

‘ว่านเอ๋อ’ส่ายศีรษะห้ามผมช้าๆและพูดว่า

“อย่าทิ้งนะ… หลี่เซียวเหยา …อย่าไปเชื่อมัน “

สายตาของผมทำงานดั่งตาเหยี่ยวก่อนจะค่อยๆยกมีดขึ้นช้าๆมาเสมอระดับอก และปล่อยมันให้ตกลงสู่พื้นทันที!

“ตาย!”

จังหวะเดียวกับที่มีดเล่มนั้นปักลงที่พื้นเจ้าสำลีนั่นก็หันปากกระบอกปืนมาที่ผมและเหนี่ยวไกอย่างไม่ลังเล ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผมโยกตัวออกข้างอย่างสุดตัวแต่กระนั้นผมก็ยังรับรู้ได้ถึงความร้อนที่พุ่งผ่านแขนขวาของผมไป ผมกัดฟันกรอดก่อนจะ ใช้ขาขวาเหยียดให้สุดเพื่อเตะมีดเล่มนั้นทันที

“ปึ้ก!”

มีดทหารเล่มนั้นพุ่งไปราวกับมีตา เข้าเสียบคอหอยของเจ้าคนตัวใหญ่ พาเอาร่างของมันถลาไปปักอยู่กับกำแพง เซรามิคด้านหลังถึงกับแตกกระจายพร้อมทั้งเลือดสดๆกระจายไปทั่วบริเวณ ‘ว่านเอ๋อ’ก็หลุดจากการจับกุมของร่างไร้วิญญาณนั้นแล้วถลาเข้ามาหาผม

ก่อนจะรับรู้ว่าโลหิตสดๆกำลังไหลพรั่งพรูออกจากไหล่ของผม เธอก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้อีกต่อไปปล่อยให้มันไหลตามอำเภอใจก่อนจะบอกกับผมว่า

“นาย … นายเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหม?”

ผมส่งสายตาเย็นเยียบมองดูร่างของทหารหน่วยรบพิเศษที่สลบอยู่ข้างหลังผม หลังจากแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีอันตรายใดๆเข้ามากล้ำกรายได้อีก ผมจึงค่อยๆเอนศีรษะซบไหล่ของ’ว่านเอ๋อ’เบาๆและยิ้มอย่างเบาใจว่า

“ตอนนี้ทุกอย่างปลอดภัยแล้วครับ โทรบอกคุณพ่อของคุณให้กระจายกำลังคุ้มกันบริเวณนี้ได้แล้วครับ”

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments