I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 285 ใครดีใครได้

| Zhan Long | 1335 | 2336 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลโดย WildFox

ด้วยการใช้โล่เกราะวิญญาณยกบังเอาไว้ ‘หวังจื้อเฉิง’ ก็พาพรรคพวกที่เหลือรีบเร่งผ่านเข้าบริเวณใต้กำแพงเมืองอย่างมั่นคง ทันทีที่พวกเขาเข้าสู่ระยะการโจมตี ลูกธนูจำนวนมหาศาลจาก NPC ที่แข็งแกร่งอันประจำอยู่บนกำแพงเมืองก็พุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว

แต่ทว่า ‘หวังจื้อเฉิง’ ผู้มีค่าพลังป้องกันพื้นฐานอยู่ถึง 2900+ ลูกธนูเหล่านั้นก็ทำได้เพียงริ้วรอยถากเป็นประกายสีแดงบนโล่เท่านั้น เรียกค่าความเสียหายดอกละประมาณ 100 หน่วยยิ่งส่งผลให้สกิล[ปราการโล่สวรรค์] ทำงานได้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

ถึงแม้ลูกธนูจะพุ่งมาจนมืดฟ้ามัวดินแต่ก็หาได้ทำให้เหล่าฮีลเลอร์ทั้ง 20 กว่าชีวิตที่ตามหลังหวังจื้อเฉิงหวั่นไหวไม่ ต่างพากันทำหน้าที่ได้อย่างน่าตกใจทีเดียว!

“โอ้โฮเฮะ…”

ทางฝั่งที่ตั้งของค่ายกิลด์ [Prague] เสียงของ ‘ซุ่นเฟิง'(Wind Walker) ผู้เป็นรองหัวหน้ากิลด์อ้าปากค้างก่อนจะถอนหายใจและกล่าวว่า

“พลังป้องกันของ ชางเฉิง มันไม่ธรรมดาจริงๆแฮะ เข้าใจแล้วล่ะว่า ทำไมใครๆก็พากันบอกว่าหมอนี่คืออัศวินของเมืองป้าฮวงที่มีพลังป้องกันยอดเยี่ยมที่สุด ดูท่าคำกล่าวพวกนี้จะเป็นจริงซะด้วย….”

แม่ทัพ’เหยี่ยนเจา’กระชับดาบในมือพลางขบกรามแน่น

“ฮึ่ม!”

“ท่านหัวหน้ากิลด์ ให้พวกเราส่งคนไปจัดการมันดีไหมครับ?”

เสียงขอความเห็นจากผู้อาวุโสกิลด์ที่มีอาชีพนักดาบเลเวล 63 นามว่า ‘ไก้ซื่ออิงสง'(Heavenly Hero) แม่ทัพ’เหยี่ยนเจา’ตอบกลับอย่างเยือกเย็นว่า

“สัญญาต้องเป็นสัญญา ตราบใดที่ ชางเฉิง มันไม่ได้ล่วงแนวป้องกันของเราเข้ามา พวกเราก็จะไม่สังหารมัน….”

“ขอรับ!”

………………..เมื่อเห็นว่า ‘หวังจื้อเฉิง’ กำลังจะนำสมาชิกสาขาย่อยที่หนึ่งของกิลด์[Hero’s Mound]ราวสามร้อยกว่าชีวิต อ้อมผ่านที่มั่นของกิลด์[Prague]หลุดไปได้ แม่ทัพหลี่มู่ก็กำหมัดแน่นและถามว่า

“นี่…นี่พวกเราจะนั่งมองเฉยๆปล่อยให้หวังจื้อเฉิงมันหนีไปได้งั้นเหรอ?ยังไงซะสาขาย่อยที่หนึ่งกิลด์[Hero’s Mound]พวกมันก็อยากจะกำจัดพวกเรา[Zhan Long]ให้สิ้นซากอยู่ดี…”

แม่ทัพ’เหลี่ยนป๋อ’เผยรอยยิ้มซ่อนความนัยขึ้นแว่บหนึ่งก่อนพูดว่า

“หึ บางทีอาจจะเป็นการดีก็ได้ถ้าพวกเราปล่อยให้มันรอดไปได้ พวกมันก็แค่ไอ้พวกสุนัขขี้แพ้….”

“ชิ้ง!”

ผมชักดาบจักรพรรดิ์ฉินออกจากฝัก พลางถือไว้ในมือแสงจากตัวดาบเรืองรองเป็นประกาย

“เซียวเหยา นั่นจะทำอะไรน่ะ?”

เสียงแม่ทัพ’เหลี่ยนป๋อ’ถามด้วยความตกตะลึง ผมจ้องมองไปที่’หวังจื้อเฉิง’ที่อยู่ห่างออกไปและตอบด้วยความมาดมั่นว่า

“ชั้นไม่มีวันจะมอบความเมตตาให้กับคนประเภทนี้หรอกนะ พวกนายรออยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวชั้นเชือดหวังจื้อเฉิงเสร็จแล้วจะกลับมาเอง”

“นาย…..ก็ได้……”

แม่ทัพ’เหลี่ยนป๋อ’ตอบกลับอย่างไม่รู้จะคัดค้านอย่างไรได้ ‘เยว่ชิงเฉียน’พูดพลางหัวเราะว่า

“นี่แหละน๊า ที่ทำให้ฉันยอมรับในตัวพี่เซียวเหยา ป้ะพี่เซียวเหยาเดี๋ยวหนูไปกับพี่ด้วย!”

“ตกลง!”

พลัน’เยว่ชิงเฉียน’ก็พุ่งตัวออกไปพร้อมกับมีดสั้นในมือของเธอและเรียกใช้สกิล[สุดฝีเท้า] จนทำให้ความเร็วการเคลื่อนที่ของเธอแซงหน้าผมไป เราทั้งคู่พาร่างทะยานเข้าสู่แนวป้องกันของกิลด์[Prague]ด้วยความเร็ว ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเราจะต้องฝ่าแนวป้องกันนั้นไปเพื่อที่จะได้เข้าสู่ระยะที่สามารถจัดการกับ’หวังจื้อเฉิง’ได้

“เฮ้ย!หยุดนะ!”

‘ไก้ซื่ออิงสง’ชูดาบขึ้นพลางตะโกนสั่งการ

“พวกเรา[Prague]ทั้งหมดเตรียมพร้อม หัวหน้ากิลด์[Zhan Long]เซียวเหยาจื้อไจ้และรองหัวหน้าเยว่ชิงเฉียน ได้โปรดหยุด ชั้นหวังว่าพวกนายทั้งสองคงรู้ถึงความลำบากใจของพวกเรา!”

“ลำบากตรงไหนกัน?”

‘เยว่ชิงเฉียน’ใช้ดวงตาคู่งามจ้องมองกลับไปด้วยแววตาเย็นชาและเอ่ยว่า

“พี่เซียวเหยาคะ เดี๋ยวหนูจะช่วยพี่ฝ่าแนวต้านรับนี้เอง!”

แล้วมือสังหารผู้งดงามก็เรียกใช้สกิล[ระบำเทพ]เพื่อเพิ่มความคล่องตัว ฉับพลันก็โจมตีทะลวงฝ่าแนวป้องกันนั้นทันทีด้วยการวาดมือใช้ออกด้วยสกิล[ผสานสองคม]ทะลวงไปยังช่องว่างระหว่างแนวโล่ตั้งรับนั้น

เมื่อเสียง “ฟุ่บ” ดังขึ้น

ส่งผลให้อัศวินของกิลด์[Prague]หลายคนถึงกับถอยหลังไปหลายก้าว ‘เยว่ชิงเฉียน’จ้องมองไปที่พวกเขาอย่างไร้อารมณ์ก่อนจะพูดว่า

“อย่าเข้ามาขวางฉัน ถ้าไม่อยากเสียใจตอนที่ฉันกลับมาคิดบัญชีกับพวกนายทีหลัง!”

สิ้นเสียงคำพูดของเธอผู้เล่นหลายคนในกิลด์[Prague]ถึงกับออกอาการหันรีหันขวาง เพราะพวกเขาล้วนแต่เป็นผู้เล่นที่อยู่กิลด์[Prague]มานานย่อมซาบซึ้งดีถึงพลังฝีมือของสาวงามนาม ‘เยว่ชิงเฉียน’ ผู้เคยเป็นรองหัวหน้ากิลด์

หลายคนเลยทำท่าจะยอมถอยตามคำของเธอ แต่กระนั้น ‘ไก้ซื่ออิงสง’ก็ชักดาบของตัวเองออกมาเพื่อขัดขวางด้วยการตวัดดาบเข้าใส่มีดสั้นของ’เยว่ชิงเฉียน’

“แกร๊ง” เสียงของอาวุธทั้งสองปะทะกันและจากแรงของการปะทะที่วัดกันด้วยค่าความแข็งแกร่งส่งผลให้ร่างของ’เยว่ชิงเฉียน’ต้องสปริงตัว ตีลังกากลับหลังไปหลายตลบเพื่อลดแรงปะทะลง!

“หมั่บ…”

ผมรีบทะยานตัวออกไปรับร่างของรองหัวหน้ากิลด์สาวน้อยของผมเข้ามาไว้ในอ้อมอก ก่อนจะข่มขวัญพวกศัตรูด้วยการตวัดดาบจักรพรรดิ์ฉินในมือใช้ออกด้วยสกิล[คมวายุ]เข้าใส่’ไก้ซื่ออิงสง’ และถึงแม้ว่าเขาจะสั่นเล็กน้อยด้วยความพรั่นพรึงแต่ก็ยังตอบโต้ด้วยการใช้สกิล[ดาบสนั่นฟ้า]เข้ารับมือการโจมตีของผม

หมอนี่มันท่าจะเพี้ยนไปแล้วแฮะ ที่คิดจะวัดความแข็งแกร่งกับผมนี่นะ?!

“เปรี้ยง!”

เมื่อพลังจากระบวนท่าทั้งสองปะทะกันก่อให้เกิดคลื่นพลังสะท้อนกลับเข้ามายังพวกเรา ผมพาร่างทะยานผ่านคลื่นพลังไปด้านหน้าอีกหลายเมตร ในขณะที่’ไก้ซื่ออิงสง’กลับเหมือนถูกมือยักษ์จับเหวี่ยงลอยไปทั้งคนทั้งดาบ ก่อนจะร่วงลงไปทับลูกกิลด์ของตัวเองอย่างหมดท่า

เป็นการบ่งบอกให้รู้อย่างชัดเจนว่าค่าความแข็งแกร่งของใครมีมากกว่ากัน อย่างน้อยค่าความแข็งแกร่งของผมก็ต้องมากกว่าเขาเกิน 50% แน่นอน เพราะงั้นไอ้การที่คิดจะมาปะทะกันด้วยค่าความแข็งแกร่งนี่มันความคิดแบบเลื่อนลอยแท้ๆ พร้อมด้วยร่าง’เยว่ชิงเฉียน’ที่ยังอยู่ในอ้อมแขนผมก็ชี้ปลายดาบไปยังพวกเขาทั้งตะโกนด้วยเสียงข่มขวัญว่า

“ใครก็ตามที่กล้ามาแตะต้องเยว่ชิงเฉียน มันผู้นั้นเท่ากับประกาศสงครามกับชั้น หลี่เซียวเหยา คนนี้ ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นละก็ จะลองดูก็ได้!”

‘เยว่ชิงเฉียน’ดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในอ้อมแขนผมพร้อมด้วยใบหน้าแดงระเรื่อโดยไม่กล่าววาจาใดๆออกมา เสียงของแม่ทัพ’เหยี่ยนเจา’ก็พลันดังมาจากด้านหลังของผมว่า

“พวกเราเย็นไว้ ปล่อยให้เซียวเหยาจื้อไจ้กับเยว่ชิงเฉียนผ่านไปได้ หลี่เซียวเหยา นายรีบไปได้แล้วถ้ามัวมาโอ้เอ้อยู่ เดี๋ยวชางเฉิงก็จะพาพวกคนของเขาออกไปพ้นแนวยิงของNPCบนกำแพงไปได้!”

แนวป้องกันของโล่ก็พลันแหวกออกเป็นช่องทาง ผมหันกลับไปมองยังแม่ทัพ’เหยี่ยนเจา’ด้วยท่าทางขอบคุณ ก่อนจะปล่อยร่างของ’เยว่ชิงเฉียน’ลงและกระโดดพุ่งทะยานไป บัฟตัวเองด้วยสกิล[เร่งความเร็ว]โดยที่สายตาก็จับจ้องไปยังพวกกิลด์[Hero’s Mound]ที่อยู่ไกลออกไป

หึ ‘หวังจื้อเฉิง’ต้องโดนสังหาร หาไม่แล้ว[Zhan Long]ของเราไม่มีวันที่จะเป็นปึกแผ่นในเมืองป้าฮวงเป็นแน่ ผมเคยบอก ‘เวิ่นเจี้ยน'(Q-Sword)ไปแล้วว่าอย่าได้คิดจะใช้สาขาย่อยที่หนึ่งมาอ้างเพื่อที่จะสร้างปัญหาให้กับพวกเรา ถ้าหากเขายังกล้าละก็ เขาจะต้องยอมเสียตำแหน่งการควบคุมกิลด์[Hero’s Mound]สาขาหลักในเมืองฟ่านซูแล้วถึงจะเพียงพอที่จะยกมางัดกับกิลด์[Zhan Long]ของเราที่เมืองป้าฮวงนี้ได้ ถ้าแบบนั้นเราจะต้องกลัวไปไย?!

……………………….

“สวบ สวบ…”

รองเท้าระดับม่วงของผมตะกุยเอาดินและหญ้าขึ้นมาฝุ่นตลบในขณะที่ผมเร่งฝีเท้าเข้าใกล้เป้าหมายเข้าไปทุกที ไม่นานนักพวกสมาชิกกิลด์[Hero’s Mound]ก็รู้สึกตัวและมองเห็นการมาของผม

นักธนูสาวคนหนึ่งง้างสายธนูหันหลังมาที่ผมพร้อมตะโกนว่า

“เซียวเหยาจื้อไจ้ ตามมา ท่าไม่ดีแล้ว!”

“ฟุ่บ!”

สกิล[ศรแยกหยุดยั้ง]ดอกหนึ่งพุ่งตรงมาที่ผม ทันใดนั้นผมก็รั้งร่างตัวเองลดความเร็วลงอย่างฉับพลัน ธนูดอกนั้นเลยผ่านปลายจมูกผมไปแบบฉิวเฉียดอักษรตัวโตๆคำว่า MISS ก็ลอยขึ้นเหนือศีรษะผมทันที

ผมเองก็ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย การที่ได้เล่นเกมส์นี้มาเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนทำให้ผมค้นพบวิธีควบคุมตัวละครได้เกือบจะดั่งใจนึก ความสามารถในการควบคุมของผมเพิ่มขึ้นอย่างมากผิดหูผิดตา ตราบใดที่ผมยังตั้งเป้าไว้ที่เทคนิคการต่อสู้เป็นพื้นฐานละก็ ความสามารถในการ PK ของผมก็คงไม่น้อยไปกว่า’เวิ่นเจี้ยน’ หรือว่า ‘เจี้ยนเฟิงหาน’ อย่างแน่นอน

“คุ้มกันหัวหน้ากิลด์!”

บรรดาอัศวินแห่งกิลด์[Hero’s Mound]เริ่มแปรขบวนตั้งรับเพื่อป้องกัน’หวังจื้อเฉิง’ ผู้ซึ่งกำลังรับประเคนธนูคมๆที่เสริฟโดย NPC บนกำแพงจนหลอดเลือดเหลือเพียงแค่ 50% ซึ่งก็มีเพียงแต่การใช้เขาเป็นตัวล่อเท่านั้น

ถึงจะทำให้ลูกกิลด์คนอื่นๆไม่ถูกสังหารในพริบตา! ผมสไลด์ตัวเข้าหาแนวป้องกัน และทันใดนั้นก็ย่อตัวต่ำแล้วใช้ออกด้วยสกิล[ฟันพริบตา]!

“โครม!”

ผมทะลวงผ่านแนวตั้งรับมาราวกับหายตัว ก่อนที่ปลายดาบจะสั่นสะท้านเพราะผมกำลังเล็งตรงไปที่หวังจื้อเฉิงและใช้ออกด้วยสกิล[ดาบเจ็ดดารา]ซึ่งพอดีเหลือเกินที่บรรดากลุ่มฮีลเลอร์ทั้งหลายก็อยู่ในรัศมีโจมตีของสกิล แบบนี้เรียกว่ายิงนกทั้งฝูงด้วยกระสุนนัดเดียว

บรึ้ม! 4273 ! 5001 ! 4727 ! 3019 !

…………………

ตัวเลขค่าความเสียหายลอยขึ้นมาดั่งสายว่าว ตัว’หวังจื้อเฉิง’เองก็เสียพลังชีวิตไปถึง 2019 หน่วย ส่วนพวกนักธนูกับฮีลเลอร์ที่อยู่ในระยะน่ะเหรอ กลับเมืองก่อนเวลาโดยไม่ต้องสงสัย!

“เฮ้ย!”

เมื่อเห็นพลังชีวิตของตัวเองลดลงอย่างน่าใจหาย ใบหน้าของ’หวังจื้อเฉิง’ก็ซีดขาวราวขี้เถ้า เขาช่างเป็นคนฉลาดมากพอที่จะมองออกว่าสถานการณ์ตอนนี้มันสายเกินเยียวยาไปแล้ว อีกอย่าง การโจมตีชุดที่สองของผมก็กำลังจะถึงตัวเขาในไม่ช้า!

ผมกางนิ้วทั้งห้าออกเล็งตรงไปยังหวังจื้อเฉิง [โลกาสิ้นสูญ]! เงาดาบแบบเดียวกับดาบจักรพรรดิ์ฉินหลายเงา ก็ปรากฏขึ้นก่อนที่จะพุ่งเข้าเสียบร่างของ’หวังจื้อเฉิง’ สร้างค่าความเสียหายจำนวนมากลอยปรากฏขึ้นมา

แม้เจ้าตัวจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีพลังป้องกันมากถึง 2900+ แต่ผมจะพูดยังไงดีล่ะ ต่อให้เค้าเป็นผู้ที่มีพลังป้องกันถึง 2900+ แต่ชั่วโมงนี้น่ะผมเป็นผู้ที่มีพลังโจมตีมากกว่า 8000 หน่วยไปแล้ว ความแตกต่างขนาดนี้มันไม่ต้องไปคิดให้มากเลย!

4478 !

เมื่อตัวเลขค่าความเสียหายลอยอยู่บนอากาศเหนือศีรษะ’หวังจื้อเฉิง’ เข่าทั้งสองของเขาก็ค่อยๆทรุดลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง และสายตาของเขาที่จ้องมองมาที่ผมอย่างเกลียดชังพูดขึ้นว่า

“หลี่เซียวเหยา นายจงจำเรื่องครั้งนี้เอาไว้ให้ดีเถอะ!”

ผมเก็บดาบเข้าฝักก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

“ชั้นคงจะจำไม่ได้หรอกว่ะ เวลาที่ชั้นเชือดไอ้พวก Noobs น่ะ….”

ผมหันหลังกลับและเดินจากมา ปล่อยให้บรรดาผู้เล่นจากสาขาย่อยที่หนึ่งของกิลด์[Hero’s Mound] ได้แต่มองแผ่นหลังของผมด้วยความยำเกรงและไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้ พวกเขาไม่แม้แต่จะคิดตามล่าตัวผมเพราะแม้แต่หัวหน้ากิลด์ของพวกเขาที่ได้ชื่อว่าเหมือนกระดูกแข็งโป๊กยังเละเป็นโจ๊ก

พวกเขาที่เหลือก็เป็นอันว่าไม่ต้องพูดถึงเลย เสียงกรีดร้องโหยหวนก็สะท้อนมาเข้าโสตประสาทของผม ด้วยการที่สูญเสียตัวแท้งค์และตัวล่อธนูอย่าง’หวังจื้อเฉิง’ไป ผู้เล่นกลุ่มใหญ่ของสาขาย่อยที่หนึ่งแห่งกิลด์[Hero’s Mound]ก็ตกเป็นเป้าซ้อมมือให้ NPC นักธนูบนกำแพงเมืองอย่างง่ายดาย

คงเหลือรอดไปได้เพียงไม่กี่สิบชีวิต นอกนั้นก็ได้แต่ทิ้งร่างกลายเป็นศพอยู่ภายใต้เงาของกำแพงเมืองจะว่าไปก็โชคไม่ดีที่ไม่มีใครกล้าไปหยิบแหวนทองที่เปล่งประกายแวววาวที่ดรอปโดย’หวังจื้อเฉิง’เพราะรักตัวกลัวตายกันทั้งนั้น และถึงแม้ว่ากิลด์[Prague] จะมีกำลังพอที่จะนำคนฝ่าเข้ามาเก็บแหวนวงนี้ได้

คนเจ้าเล่ห์อย่างแม่ทัพ’เหยี่ยนเจา’ก็ไม่คิดจะเสี่ยงเอาชีวิตลูกน้องตัวเองเพื่อแลกกับของไม่กี่ชิ้น ซึ่งนั่นจะทำให้ความเชื่อมั่นภายในกิลด์มีแต่ลดลง

……………………

เมื่อกลับมาถึงด้านหน้าของที่ตั้งค่ายของกิลด์[Zhan Long] ผมก็หันไปมองอีกด้านหนึ่งและพบว่าบอสตัวนั้นเหลือพลังชีวิตอีกราว 7% แล้วในตอนนี้ แต่ทว่าดูเหมือนจะไม่ได้มีกองกำลังจากกิลด์ใดๆเข้าต่อสู้กับมันโดยตรง จะมีก็เพียงแต่ผู้เล่นจากกิลด์เล็กกิลด์น้อยที่พยายามทู่ซี้ต่อสู้กับมันอยู่

และก็พาตัวเองไปเป็นเหยื่อสังเวยให้บอสศพแล้วศพเล่า สำหรับบอสระดับจักรพรรดิ์แล้ว ด้วยเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนานขนาดนี้มันยังไม่ตาย ก็ถือว่าการกำจัดมันเป็นเรื่องยากจริงๆ แต่เอาเข้าจริง ถ้าเอากำลังของกิลด์[Vanguard]และ[Prague]มากิลด์ละเท่าๆกัน บอสตัวนี้คงใช้เวลาไม่เกินสิบนาทีในการปลิดชีพมันลง

“หัวหน้า ให้พวกเราเข้าไปลุยกับบอสเลยดีไหม ตอนนี้?”

แม่ทัพ’หลี่มู่’ถามขึ้น ผมมองไปยังหลอดเลือดของบอสเต่ามังกรตัวนั้นแล้วก็ส่ายศีรษะ

“ยังไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น แต่ตามชั้นมาพวกเราจะเข้าไปใกล้ๆบอสไว้ก่อนตอนนี้ และเตรียมตัวให้พร้อมเข้าไว้ มันจะต้องมีมหาชนอีกเยอะแยะที่รอจะโจมตีในจังหวะสุดท้ายอยู่ แต่พวกเรายังถือว่าได้เปรียบอยู่เยอะ….”

“ได้เปรียบยังไงรึ?”

‘หรันหมิ่น’เอ่ยถาม ‘เยว่ชิงเฉียน’หัวเราะเสียงใสและตอบว่า

“ก็พี่เซียวเหยาน่ะ ตอนนี้มีพลังโจมตีมหาโหดอยู่ เจ้าบอสเต่ามังกรนี่ก็มีพลังป้องกันเพียงราว 3000 หน่วยแต่ถ้ารวมกับกระดองเต่าเข้าไปด้วยก็น่าจะราวๆมากกว่า 15000! ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้นายลองดูพวกนักธนูที่โจมตีนั่นสิทำได้แค่ค่าความเสียหายเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเลือดของบอสใกล้จะหมดหลอด ถึงตอนนั้นทั่วทั้งเมืองป้าฮวงคงมีแต่พี่เซียวเหยาเท่านั้นที่สามารถโจมตีได้รุนแรงถึงขั้นสังหารบอสได้ในฮิตเดียว และนั่นก็คือความได้เปรียบของเรายังไงล่ะ!”

ผมพยักหน้าพร้อมกับหัวเราะ

“ถูกต้องแล้ว พลังชีวิตของบอสเต่ามังกรนั้นมี 700,000 หน่วยเพราะงั้น 1% ของมันก็เท่ากับประมาณ 7000 ชั้นก็จะใช้การโจมตด้วยสกิล[โจมตีต่อเนื่อง]กับ[โลกาสิ้นสูญ]ร่วมกัน นั่นน่าจะเพียงพอสำหรับค่าความเสียหายประมาณนั้น ขอเพียงเราอดใจรอจนเลือดบอสเหลือประมาณ 3%แล้วจึงค่อยลงมือมันจะต้องสำเร็จแน่นอน! หลี่มู่, หวังเจี้ยน,ชิงเฉียน,หรันหมิ่น,พวกนายคอยจัดการกับพวกที่จะมาขัดแข้งขัดขาอย่างพวก[Vanguard]และ[Prague] ซึ่งพวกมันคงไม่ยอมให้พวกเราสังหารบอสโดยสะดวกอย่างแน่นอน…”

“รับทราบ!”

กลุ่มคนทั้งหลายก็ต่างพากันเข้าประชิดบอสเข้าไปอย่างต่อเนื่องโดยมีพวกเราจากกิลด์[Zhan Long]ประมาณ50 คนด้วยกันซึ่งกระจายตัวล้อมบอสเอาไว้ในระยะห่างจากบอสประมาณ 40 เมตร เพราะถ้าหากเข้าใกล้ไปมากกว่านี้ก็จะเข้าระยะโจมตีของบอสซึ่งน่าจะออกมาดูไม่จืดแน่นอน ห่างไปไม่ไกลเสียงตะโกนจากหัวหน้ากิลด์[Misty Palace]

‘เปียวเมี่ยวหยุนเหยี่ยน'(Misty Cloud)ที่กำลังจามกระดองเต่าของบอสอยู่ดังถามขึ้นว่า

“เซียวเหยา ทำไมเรายังไม่เข้าโจมตีอีก?”

ผมหันมองไปรอบๆก่อนจะตอบว่า

“เจี้ยนเฟิงหานกับแม่ทัพเหยี่ยนเจายังไม่ยอมลงมือ ระวังตัวไว้ก่อน อย่าเปิดโอกาสให้พวกเขาลอบโจมตีพวกเราได้!”

พลัน’เปียวเมี่ยวหยุนเหยี่ยน’ก็รั้งขวานขึ้นพร้อมกับหัวเราะและกล่าวว่า

“ข่างหัวมันปะไร ต่อให้ชั้นหัวขี้เลื่อยขนาดไหนยังรู้เลยว่า ถ้ารอให้เลือดบอสเหลือแค่ 2% ต่อให้ต้องเอาชีวิตเข้าแลกก็ต้องลงมือลาสบอสให้ได้…”

…………..

เสียงโหยหวนของบรรดาผู้เล่นที่เอาชีวิตไปสังเวยให้บอสโดยหวังว่าจะลาสบอสให้ได้ดังต่อเนื่องอย่างไม่จบสิ้น พร้อมๆกับเลือดบอสที่ลดลงแล้วลดลงอีก เหล่าบรรดาผู้เล่นกิลด์[Vanguard]ก็ไม่อดทนอีกต่อไปด้วยสัญญาณจากดาบในมือของ’เจี้ยนเฟิงหาน’ที่ชูขึ้น

แต่ก็ยังไม่วายหมกเม็ดปล่อยให้หน่วยสิบสามอินทรีย์รอรั้งท้ายอยู่ นี่คือยุทธวิธีของพวกเขาโดยการให้พวกสายประชิดเกราะหนักนำเข้าไปรีดเลือดจากบอสด้วยสกิล[ดาบสนั่นฟ้า]เพื่อให้เลือดบอสลดลงให้ถึง 2% ให้ได้

7% ! 6% ! 5% !

และเมื่อหลอดเลือดบอสเหลือเพียง 5% ผมก็ตะโกนก้องสั่งการว่า

“พวกเราจะรอเฉยต่อไปไม่ได้แล้ว บุก! หยุนเหยี่ยน นายนำทีมบุกเข้าประจันบานเลย มาดูกันว่าใครจะได้เป็นคนลาสบอสตัวนี้!”

“กำลังรออยู่เลย!”

ห่างไปไม่ไกล ‘เจี้ยนเฟิงหาน’ก็ชูดาบเมฆาอัคคีขึ้นอีกครั้งสั่งการว่า

“หน่วยสิบสามอินทรีย์ โจมตีได้!”

ฝ่ายแม่ทัพ’เหยี่ยนเจา’ก็สะบัดดาบลงเป็นสัญญาณ

“หน้าลุย!”

………………….

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments