ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแปลโดย WildFox
ผู้เล่นอื่นๆ ที่ล้อมอยู่รอบๆ ก็เฮโลเข้ามายังกลุ่มของพวกเราซึ่งอยู่ใกล้กับบอสมากที่สุด ตัวบอสเต่ามังกรเองก็สัมผัสได้ถึงความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามาหา มันจึงชูหัวขึ้นพร้อมคำรามก้อง
ฉับพลันพื้นดินทั่วบริเวณรอบๆตัวบอสก็ปกคลุมไปด้วยคมจากน้ำแข็งที่โผล่พรวดขึ้นมาจากพื้นดินส่งให้เกิดเสียงดัง
“ฉึก ฉึก ฉึก”
ระงมไปทั่วทุกทิศทาง เป็นดังที่คาดไว้จริงๆ เจ้าเต่าประหลาดตัวนี้ยังซ่อนไม้ตายอันแข็งแกร่งเอาไว้ใช้ตอนที่ชีวิตมันกำลังเข้าใกล้สู่ความตายจริงๆซะด้วย ทั้งผม แม่ทัพ’หลี่มู่’ ‘เปียวเมี่ยวหยุนเหยี่ยน’ และคนอื่นๆต่างก็พากันสกัดการโจมตีจากคมน้ำแข็งและรีบเร่งพาร่างตัวเองไปด้านหน้า
เพื่อลดระยะห่างจากเจ้าบอสเต่ามังกรกับตัวเองให้ได้มากที่สุด!
“โจมตี!”
ทางด้านข้าง กลุ่มกองกำลังกลุ่มหนึ่งกำลังโอบล้อมเข้ามาทางพวกเรา พวกมันคือหน่วยสิบสามอินทรีย์ของกิลด์[Vanguard]ที่นำทีมมาโดย’ตั้วลั่วฉางหลาง'(Fallen Wolf) ซึ่งเค้าก็ไม่รอช้ายกขวานเงื้อขึ้นแล้วจามลงมายังร่างของ’เปียวเมี่ยวหยุนเหยี่ยน’ทันทีเรียกค่าความเสียหายไปได้ 1700 หน่วย
“แก…ตายซะเถอะ!”
หัวหน้ากิลด์หนุ่มแห่ง [Misty Palace] คำรามด้วยความคลั่งแค้น เขาก้มตัวลงแล้วโอบมือทั้งสองข้างที่เอวของฉางหลาง พลันตะโกนสั่งการว่า
“เหลิ่งจิ้ง(Cold Eyes)จังหวะนี้แหละยิงมันด้วย[ศรแยกหยุดยั้ง]เลย!”
ลูกธนูคมกริบเย็นยะเยียบก็พุ่งจากแหล่งที่ไม่สามารถระบุได้เข้าปักอกของ’ตั้วลั่วฉางหลาง’เข้าเต็มรัก ทำให้เขาติดสถานะมึนงงทันที นักธนูมือฉมังนามว่า ‘เหลิ่งจิ้ง’ นี้มีเลเวล 63 และเป็นรองหัวหน้าของกิลด์[Misty Palace] ดูเหมือนว่าเขาจะมีอุปกรณ์ที่เป็นระดับจักรพรรดิ์อย่างน้อยก็หนึ่งชิ้น และเป็นไปได้สูงว่าน่าจะเป็นธนูในมือเขานั่นเอง!
“ย้ากกก!”
‘เปียวเมี่ยวหยุนเหยี่ยน’ไม่ปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอยไปลงมือโจมตีต่อเนื่องทันที ด้วยการเงื้อขวานรบคู่ใจขึ้นสุดแขนและจามลงตรงไปที่ร่างของตั้วลั่วฉางหลางทันที
ซึ่งฉางหลางก็หมดหนทางที่จะหลบหลีกได้ ได้แต่รีบคว้าเอาน้ำยาเพิ่มพลังชีวิตขึ้นมา ช่างน่าเสียดายคมขวานของเปียวเมี่ยวหยุนเหยี่ยนได้เดินทางมาถึงศีรษะของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
“เปรี้ยง!” 2218 ! ดับสนิทในดอกเดียว
หนึ่งในผู้อาวุโสของกิลด์ [Vanguard] ก็ถูกสังหารด้วยประการฉะนี้! ทางด้านหน้า แม่ทัพ’เหยี่ยนเจา’,’เจี้ยนเฟิงหาน’และคนอื่นๆก็เริ่มลงมือโจมตีเจ้าบอสเต่ามังกรกันแล้ว!
“ย่าห์!”
‘เจี้ยนเฟิงหาน’เรียกใช้สกิล [ทะลวงตัดเมฆา]โดยเล็งผ่านผู้เล่นจำนวนหนึ่งของกิลด์[Zhan Long] ส่งผลให้หลอดเลือดของแม่ทัพ’หลี่มู่’ แม่ทัพ’หวังเจี้ยน’และ’หรันหมิ่น’หดหายไปทันที ทำให้แม่ทัพ’หลี่มู่’ตะโกนอย่างเดือดดาลว่า
“เจี้ยนเฟิงหาน แกนี่มันหน้าด้านจริงๆ ฉวยโอกาสนี้หวังลอบสังหารพวกเราด้วยใช่ไหม หา?!”
ผมสั่งการทันที
“บุกเข้าไปจัดการบอสเลย!”
“จัดไป!”
แม่ทัพ’หวังเจี้ยน’,แม่ทัพ’หลี่มู่’และผม สามนักดาบผู้ผ่านการเลื่อนขั้นอาชีพระดับสามมาแล้ว พร้อมใจกันใช้สกิล[ฟันพริบตา]เข้าทะลวงแนวรับหน่วยสิบสามอินทรีย์ของกิลด์[Vanguard]ทันที
ส่วน’หรันหมิ่น’ก็เรียกใช้สกิล[คมโหดกระโดดตื้บ]กระโจนเข้าใส่บอสเต่าจนทำให้มันร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดเพราะหลอดเลือดของมันเหลืออยู่อีกเพียง 3% เท่านั้น ผมพาร่างถลันไปหน้าสุดก่อนที่จะโจมตีเพียวๆ ด้วยดาบในมือเข้าใส่บอสเต่า และด้วยพลังโจมตีที่สูงลิบทำให้ร่างของบอสเต่าไถลไปจากเดิมกว่าครึ่งเมตร
ก่อนที่ดาบจักรพรรดิ์ฉินในมือของผมจะเงื้อขึ้นและใช้ออกด้วยการโจมตีต่อเนื่องจากสกิล[หนึ่งเทียบพัน]และ[โจมตีต่อเนื่อง]! ตัวเลขความเสียหายปรากฏขึ้นเป็นสายราวน้ำพุ ทำให้บอสเหลือหลอดเลือดเพียง 1%ใกล้จะตายเต็มทีและจังหวะนี้แหละ! ฝ่ามือของผมข้างหนึ่งกางทาบลงบนกระดองเต่า
เงาดาบสามเงาก็ปรากฏขึ้นรอบตัวของบอสเต่าก่อนจะพุ่งเข้าทิ่มแทงผ่านกระดอง ก่อให้เกิดค่าความเสียหายอย่างหนักแก่มัน พร้อมๆกับเสียงประกาศจากระบบที่คุ้นหูก็ลอยมาให้ได้ยิน 5184 !
มันเป็นการโจมตีที่ติดคริติคอล ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถสังหารเจ้าเต่ามังกรลงได้ เพราะค่าพลังป้องกันของบอสนั้นมันมากกว่าของ ชางเฉิงอย่างแน่นอน! พร้อมๆกับเสียงร้องอย่างโหยหวนจากบอสด้วยความเจ็บปวดก่อนตายของบอสระรอกที่เจ็ด ผมก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมทั้งฟังเสียงประกาศจากระบบ
“ติ๊ง” [ประกาศจากระบบ] ขอแสดงความยินดี ผู้เล่นเซียวเหยาจื้อไจ้ ทำการสังหารบอสตัวที่เจ็ดของ [เมืองโบราณ]
แห่ง[เมืองป้าฮวง] ลงได้ ได้รับรางวัล : ค่าสเน่ห์ +7 ค่าประสบการณ์ +70% ตำราสกิลระดับ SS [ศรดาวตก]!
………………………….
ไม่มีแม้แต่เวลาจะมาชื่นชมกับของรางวัลที่ได้ ผมตวัดดาบเรียกใช้สกิล[ดาบเจ็ดดารา]เข้าใส่กลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้าผมทันที มีคนคิดไม่ซื่อโดยพยายามจะลูทไอเทมของผม!
“เปรี้ยง!”
สองในสิบสามจากหน่วยอินทรีย์ของ[Vanguard]โดนสังหารทันทีด้วยฝีมือของผม จังหวะเดียวกันนั้นเองผมก็ทะยานร่างไปด้านหน้าเพื่อเก็บไอเทมจากร่างของบอสเต่ามังกร แหวนสีแดงราวโลหิตพร้อมประกายแดงสดใสติดมือผมมา พร้อมกับที่ไหล่ของผมสัมผัสถึงความเจ็บปวดจากการโจมตีอันหนักหน่วง
และก็เป็น’เจี้ยนเฟิงหาน’นั่นเองที่โจมตีเข้าใส่ผมจนกระแทกร่างผมออกไปแล้วคว้าเอาชุดเกราะอันหนึ่งติดมือขึ้นมาจากซากร่างของบอส แม่ทัพ’เหยี่ยนเจา’ใช้สกิลโจมตีต่อเนื่องส่วนตัว[ฟาดฟันไร้จำกัด]เข้าใส่ร่างของบอสเต่าเพื่อเปิดทางให้ตัวเองฉกเอาหอกที่ส่องประกายแวววาวติดมือไปหนึ่งชิ้น!
พอปล่อยให้พวกนี้ทำตามใจตัวเองหน่อยก็ชักจะเหลิงกัน! ดาบจักรพรรดิ์ฉินถูกตวัดด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับส่งสกิล[คมวายุ]เข้าใส่เป้าหมายซึ่งก็คือก้านคอของเจี้ยนเฟิงหานนั่นเอง! 4121 !
หลอดเลือดของ’เจี้ยนเฟิงหาน’หายวับไปกับตาจากเต็มหลอดเข้าสู่สภาพวิกฤติทันที ใบหน้าของเขาซีดขาวราวเถ้าถ่านก่อนจะสวนกลับด้วยสกิล[คมเขี้ยวหมาป่าทมิฬ]ขณะที่กำลังล่าถอย 2761 !
“มันเจ็บนะเว้ยเฮ้ย!”
ร่างของผมสะท้านด้วยแรงจากการโจมตี พลันก็มีนักดาบนายหนึ่งพุ่งร่างมาจากทางที่มั่นของกิลด์[Prague] ใช่ใครที่ไหนเขาคือผู้อาวุโสของกิลด์นามไก้ซื่ออิงสงนั่นเอง เขาอาศัยจะหวะผมถลำเพราะแรงโจมตีแทงสวนเข้ามาด้วยดาบของเขาผ่านร่างของผมไป!
1772 !
หนอย…เจ้าขยะนี่อยากได้ชีวิตผมอย่างนั้นเรอะ!?
ผมรีบร่ายสกิล[รักษา]ใส่ตัวเองพลางกระดกน้ำยาพลังชีวิตระดับ 8 จังหวะนั้นก็คว้าเอาการ์ดกองทัพสวรรค์ออกมาเรียกใช้สกิล[เงาพญาเต่าดำ]ทันที ใบหน้าของไก้ซื่ออิงสงก็ปรากฏความตื่นตระหนกสุดขีด พร้อมทั้งพยายามตะเกียกตะกายหนีสุดชีวิตหลังจากลอบสังหารผมไม่สำเร็จ ตะโกนก้องว่า
“คุ้มกันด้วย!”
ผมยกฝ่ามือขึ้นแล้วยิ้มเหี้ยมเกรียม
“แก…รนหาที่ตายเองนะ!”
[โลกาสิ้นสูญ]! 4763 ! ฮิตเดียวจบ
เพราะไก้ซื่ออิงสงมีพลังชีวิตแค่เกือบ 4000 เท่านั้นไม่มีทางรับมือกับสกิล [โลกาสิ้นสูญ] ของผมได้อย่างแน่นอน! ชั่วเวลานั้นเองผมก็ตระหนักถึงความแข็งแกร่งของดาบจักรพรรดิ์ฉินในมือ ที่สามารถทำให้ผมควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมด แม้กระทั่งตอนนี้ผมอยู่ต่อหน้าเหล่าบรรดาผู้เล่นระดับท๊อปที่รายล้อมอยู่ก็ตาม ผมก็ยังถือว่าถือไพ่เหนือกว่าใครทั้งหมด!
……………….
ผมรีบล่าถอยกลับเข้าสู่เขตการป้องกันของกิลด์[Zhan Long] ‘เจี้ยนเฟิงหาน’และแม่ทัพเหยี่ยนเจาจ้องมองมายังพวกผมที่เข้าสู่การอารักขาของพันธมิตรของ[Zhan Long] อันประกอบด้วย[Ruined Bones],[Misty Palace]และ[Winds of Battle]
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…..”
พลันแม่ทัพ’เหยี่ยนเจา’ก็ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นทั้งที่มือยังถือหอกเล่มนั้นอยู่และกล่าวว่า
“เอาน่าๆอย่าซีเรียสไปเลย กะอิแค่บอสตัวครึ่งตัวเอง เนอะ เจี้ยนเฟิงหานไหนลองยิ้มให้ชั้นกับเซียวเหยาจื้อไจ้หน่อยเป็นไร”
‘เจี้ยนเฟิงหาน’กระตุกมุมปากขึ้นนิดหนึ่งก่อนจะพูดว่า
“มันก็ไม่มีอะไรมากมายหรอกนะ แค่นี้กิลด์[Vanguard]ของชั้นยอมให้ก็ได้ หลังจากการโจมตีระรอกที่เจ็ดผ่านไปก็ยังเหลือบอสอีกตั้งสามตัว แต่พูดก็พูดเถอะนะ [Zhan Long]ตอนนี้ก็เหลือผู้เล่นประมาณ 1000 เท่านั้น ส่วน [Prague] เองก็เหลืออยู่ราวๆ 3000ได้ละมั้ง ในขณะที่[Vanguard] ของชั้นยังเหลือกำลังพลถึงอีกกว่า 8000 ชั้นอยากจะรู้จริงๆว่าใครจะได้เป็นคนหัวเราะคนสุดท้าย….”
ผมอดที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกไปมั่งไม่ได้และพูดว่า
“จำนวนน่ะมันก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น ดูอย่างกิลด์[Flying Dragon] นั่นปะไร ขนาดพากันมาตั้ง 5000 กว่าตอนนี้ก็เหลือไม่ถึง 1000 เพียงแค่การโจมตีระรอกที่หกเท่านั้นเอง มีคนเยอะไม่ได้มีความหมายอะไรหรอก เจี้ยนเฟิงหาน นายน่าจะรักษากำลังคนทั้ง 8000 ให้ดีล่ะอย่าให้ตายซะหมด ก่อนที่จะหมดอีกสามระรอกที่เหลือนั่น…”
‘เจี้ยนเฟิงหาน’ขบกรามแน่นก่อนจะตอบว่า
“ขอบใจที่บอก ชั้นจะไม่ลืมแน่!”
‘เจี๋ยนเจี่ยนตันตัน’ยกไม้เท้าของเธอขึ้นและพูดว่า
“อาหาน อย่ามัวพูดอยู่ให้เสียเวลาเลย กลับไปประตูทิศใต้กันเถอะ การโจมตีระรอกที่แปดของพวกมอนสเตอร์ใกล้จะมาถึงแล้ว อย่ามัวโอ้เอ้อยู่กับเซียวเหยาจื้อไจ้และแม่ทัพเหยี่ยนเจาเลย ยังไงซะค่ายที่มั่นของพวกเขาก็ใกล้กันมากกว่าของพวกเรา…”
‘เจี้ยนเฟิงหาน’พยักหน้าเห็นด้วย ………………..
‘มัตฉะ’พาร่างของเธอเดินเข้ามาหาพร้อมด้วยหอกที่มีคราบเลือดในมือของเธอ พร้อมส่งรอยยิ้มและพูดว่า
“หัวหน้าคะหัวหน้าไหนลองดูสิคะว่าหัวหน้าได้อะไรติดมือมาบ้าง?”
ผมนำแหวนวงนั้นที่หยิบมาได้จากร่างของบอสขึ้นมาดูก็พบว่ามันเป็นแหวนที่มีรูปร่างคล้ายดาบโบราณสีแดงราวโลหิต เมื่อผมทำการวาดมือผ่านเพื่อดูสเตตัสของมัน ความตกตะลึงก็ปรากฏแก่สายตาของทุกคน
【แหวนวิญญาณโลหิต】(ระดับจักรพรรดิ์)
ค่าความแข็งแกร่ง : + 50
ค่ากำลังกาย : + 48
ค่าความฉลาด : + 45
ค่าสเตตัสพิเศษ : เพิ่มค่าพลังชีวิตสูงสุดอีก 1200
ค่าสเตตัสพิเศษ : เพิ่มค่าพลังป้องกันอีก 200
ค่าสเตตัสพิเศษ : เพิ่มความต้านทานเวทย์อีก 18%
ความสามารถพิเศษ: ดูดชีพ , เปลี่ยนค่าพลังโจมตีที่ทำได้ 10% ฟื้นคืนค่าพลังชีวิต
ต้องการเลเวล : 67
…………….
“ฟัก แฟง แตงโม….”
แม่ทัพ’หลี่มู่’รำพึงด้วยดวงตาที่เบิกกว้างพร้อมกล่าวต่อไปอีกว่า
“แหวนระดับจักรพรรดิ์….สเตตัสแบบนี้มันไม่โกงไปหน่อยเรอะ? นอกจากจะเพิ่มตั้งหลายค่าแล้วยังมีออฟดูดชีพอีก 10% ด้วย…”
แม่ทัพหวังเจี้ยนยิ้ม
“แหวนวงนี้เปรียบได้กับสมบัติล้ำค่าที่ใครๆก็ต่างถวิลหา สหายเซียวเหยา ถ้านายคิดจะขายแหวนวงนี้ให้กับ เวิ่นเจี้ยนหรือว่าเจี้ยนเฟิงหานล่ะก็ น่าจะได้ราคาราวๆหนึ่งแสนRMBแน่ๆ เชื่อชั้นไหมล่ะ?”
ด้วยเสียง “กริ้ก” ผมก็สวมแหวนวิญญาณโลหิตบนมือข้างซ้ายเป็นที่เรียบร้อยพร้อมกับหัวเราะและเอ่ยว่า
“มีออฟดูดชีพตั้ง 10% ชั้นก็ชอบเหมือนกันนะ เรื่องอะไรจะเอาไปขายให้สองคนนั้นด้วยล่ะ? อีกอย่างกิลด์[Zhan Long]ของพวกเราก็หาใช่กิลด์ขัดสนเรื่องเงินทอง เพราะงั้นทำตัวเองให้แข็งแกร่งก่อนดีกว่า!”
“อืมม!”
ผมตรวจดูค่าสเตตัสของตัวเองแล้ว ขอบอกเลยว่าแหวนวงนี้สร้างความแตกต่างให้ผมอีกมากเลย!
【เซียวเหยาจื้อไจ้】(ผู้เฝ้ามองแห่งป้อมมังกร) เลเวล : 67
พลังโจมตี : 2846-3782
พลังป้องกัน : 2236
พลังชีวิต : 4845
มานา : 2306
ค่าสเน่ห์ : 87
อันดับ CBN : 26
……………….
พลังป้องกันมากกว่า 2200 และพลังชีวิตเกือบ 5000 หน่วย ช่างเป็นการผสานกันที่ลงตัวของค่าพลัง หลังจากทำการ PK มามากขนาดนี้อันดับผู้เล่นของผมก็ขยับขึ้นมาอีก 1 ตำแหน่งจาก 27 มาเป็น 26 ไม่อยากจะคิดเลยว่าอันดับสูงๆไปกว่านี้จะยากเย็นสักเพียงไหน ผมอยากจะรู้เหมือนกันว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักเท่าใดกว่าที่ผมจะขึ้นเป็น 1 ใน 10 อันดับสูงสุดของเซิฟเวอร์จีนได้
ยิ่งไปกว่านั้นพวกที่อยู่ในสิบอันดับตอนนี้ล้วนเป็นพวกระดับตำนานทั้งนั้น หลังจากเสร็จเรื่องแหวนผมก็หยิบเอาตำราสกิลสีแดงออกมาจากช่องเก็บไอเทมของผม เมื่อโบกมือเหนือตำราเล่มนั้นก็ทำเอาบรรดานักธนูทั้งหลายต่างพากันตกตะลึง
【ศรดาวตก】(ระดับ SS) : หลังจากรวบรวมพลังจากฟากฟ้าเข้าสู่อาวุธธนู สร้างดาวตกเข้าโจมตีเป้าหมายด้านหน้าผู้ใช้ในระยะ 100 เมตรทำความเสียหายอย่างหนักหน่วงหากดาวตกกระทบกับพื้นดิน
ต้องการอาชีพ : นักธนู
เลเวลที่ต้องการ : 60
ต้องมีค่าความแข็งแกร่ง 200
ใช้ค่าสเน่ห์ 3 แต้มในการเรียนสกิล
…………….
ผมถือตำราแล้วหันมาถาม’หลินเสี่ยวอู่’ว่า
“เสียวอู่ เธอมีคุณสมบัติครบตามที่ตำราต้องการไหม? มีค่าความแข็งแกร่งถึง 200 หรือเปล่า? ถ้ามีครบละก็งั้นตำราเล่มนี้เป็นของเธอ”
‘หลินเสียวอู่’ยิ้มสดใสและตอบว่า
“ด้วยเกาทัณฑ์คนจรที่เพิ่มค่าความแข็งแกร่งให้อีก 45 หน่วยและฉันก็แบ่งแต้มลงค่าความแข็งแกร่งทุกครั้งที่เลเวลอัพ โดยลงไป 1 แต้มทุกครั้งถ้ารวมกับค่าสเตตัสที่ได้จากชุดเกราะทั้งหมดของฉัน ก็ขาดไปแค่ 3 แต้มเท่านั้นเองค่ะ แต่ว่าตอนนี้ฉันก็มีค่าประสบการณ์ 99% แล้วถ้าฉันเลเวลอัพแล้วนำแต้มไปลงค่าความแข็งแกร่งอีก 3 แต้มทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหาใดๆค่ะ”
“โอเค ถ้าเช่นนั้น….รับไป”
“ขอบคุณค่ะ หัวหน้า!”
“ได้ตำราไปแล้วอย่าออกจากกิลด์นะ….”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น…..”
“โอเค…..”
สุดท้ายแล้ว’หลินเสียวอู่’ก็อดรนทนรอไม่ไหวจนเธอเลเวลอัพด้วยการขอยืมเกราะแขนมาจาก’หลิวย่ง’เพื่อเพิ่มค่าความแข็งแกร่งและก็กดเรียนสกิล หลังจากคืนเกราะแขนไปและกลับมาใส่ชุดเกราะของเธอแล้ว ก็ไม่รอช้าลองขึ้นสายเกาทัณฑ์คนจรของเธอและเล็งไปยังกำแพงเมืองเบื้องหน้าทันที
แสงสว่างจากคันศรก็เปล่งขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียง “ฟุ่บ”
ลำแสงก็ลากเป็นทางยาวราว 100 เมตรตรงเข้าสู่กำแพงเมือง
“ตู้มมม!”
ลูกศรที่สว่างราวกับแสงจากดาวตกก็พุ่งกระทบกำแพงเมือง สร้างความเสียหายทิ้งไว้ตรงที่บริเวณมันตกกระทบ สกิลนี้ช่างทรงพลังไม่ใช่เล่น แถมยังมีระยะโจมตีที่ค่อนข้างไกลทีเดียว
ดูเหมือนว่าพลังโจมตีของกิลด์[Zhan Long]ของเราจะเพิ่มระดับขึ้นมาอีกขั้นแล้ว และด้วยเหตุผลนี้เอง ‘หลินเสียวอู่’ ก็ขึ้นแท่นรับตำแหน่งมือธนูอันดับหนึ่งของกิลด์[Zhan Long]ด้วยประการฉะนี้
………………
ที่มา: