I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 287 คมดาบปีศาจบรรพกาล

| Zhan Long | 1363 | 2365 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลโดย WildFox

เมื่อผมหันหลังกลับไปมองยังกลุ่มของพวกเราที่เหลือ หลังจากผ่านการต่อสู้อันต่อเนื่องยาวนาน [Zhan Long] เองก็เหลือเพียงผู้เล่นประมาณ 900 คนจากกิลด์หลักและกำลังเสริมที่ยังไม่ได้เข้ากิลด์

แต่กระนั้น พวกเราก็จำเป็นจะต้องพึ่งกำลังคนเพียงเท่านี้เพื่อเอาตัวรอดผ่านพ้นไปให้ได้ จากการโจมตีของมอนสเตอร์อีกสามระลอกที่เหลือ และเรายิ่งต้องพึ่งกำลังคนน้อยกว่านั้นอีกในการสังหารบอสตัวสุดท้ายของกิจกรรมลงให้ได้ เพื่อให้ได้มาซึ่ง ตราเทพการค้า ก็นะ

ทุกคนก็ลงทุนลงแรงไปเพื่อ ตราเทพการค้าด้วยกันทั้งนั้น เพื่อที่จะได้เป็นคนแรกที่สามารถเปิดร้านค้าของผู้เล่นร้านแรกในเมืองป้าฮวง ซึ่งมันมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดสำหรับกิลด์ที่มีขนาดใหญ่ทั้งหลาย เพราะกว่าจะได้ตราเทพอันที่สองเพื่อมาเปิดร้านในคราต่อไปก็ต้องใช้เวลาอีกนานนับเดือน

เวลาหนึ่งเดือนมากเพียงพอที่จะสร้างความนิยมให้กับร้านค้าที่เปิดเป็นร้านแรก และเมื่อความนิยมเป็นที่แพร่หลายออกไป นั่นก็หมายถึงกำไรจากการค้าขายที่จะหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศนั่นเอง

………………

“ครืดดดดด….”

ประตูเหล็กกล้าที่หนักอึ้งนั้นทำการเปิดออกอีกครั้ง การโจมตีระลอกที่แปดก็ได้มาถึงจนได้ แต่ทว่าครานี้ หาใช่เหล่ามอนสเตอร์จำนวนมหาศาลวิ่งกรูกันออกมา ราวทะเลบ่าอย่างที่พวกเราคิดไว้ไม่

แต่กลับเป็นร่างมหึมาใหญ่โตขนาดไม่ต่ำกว่า 10 เมตร ของเหล่ามินิบอสซึ่งมีเลเวล 73 นามว่า ยักษ์ภูผา !

เจ้ายักษ์พวกนี้ก็มีหน้าตาที่ยิ่งดูไป ก็ยิ่งน่าเกลียดน่ากลัวอยู่ไม่น้อย ใบหน้าอันราวกับว่าถูกละเลงด้วยไหเต้าเจี้ยวหมักค้างเป็นร้อยปีและทั่วร่างก็ปกคลุมไปด้วยเมือกและยางเหนียวๆ มือของมันนั้นถือศิลารูปร่างคล้ายตะบองที่เต็มไปด้วยหนามคม พวกมันพากันคำรามก้องอย่างโกรธแค้น กระทืบเท้าทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหวไม่ปาน

เสียงดังสนั่น “โครม โครม โครม”

คือเสียงที่พวกมันพุ่งตัวเข้าหาเหล่าผู้เล่นทั้งหลาย พร้อมกับหวดซ้ายป่ายขวาด้วยตะบองหนามศิลาในมือ ก่อนจะตะโกนเสียงดังปานฟ้าผ่าว่า

“เจ้าพวกมนุษย์โง่เง่า กล้าดียังไงมาท้าทายเหล่าผู้รับใช้เทพเจ้า เข้ามาเลย มารับการพิพากษาจากพระเจ้าซะดีๆ!”

“พวกเราระวังตัว!”

‘แม่ทัพหลี่มู่’กระชับดาบคู่ใจในมือมั่นพลางร่ายยาวว่า

“พวกมันเป็นมินิบอสระดับม่วง ถึงแม้ว่าสเตตัสทั่วไปของมันจะดูด้อยกว่าบอสทั่วไปจริงๆ แต่ค่าพลังโจมตีของมันแข็งแกร่งมาก ทุกคนระวังตัวให้ดี!”

ขบวนของยักษ์ภูผาต่างกระจายตัวเข้ากลุ้มรุมกลุ่มของผู้เล่นที่ปักหลักอยู่ด้านประตูทิศเหนือของเมืองโบราณทันที ซึ่งมีประมาณ 12-15 ตัวที่มุ่งหน้าเข้ามายังพื้นที่ที่ตั้งค่ายของกิลด์ [Zhan Long]

ผมชูดาบจักรพรรดิ์ฉินพลางตะโกนก้องสั่งการว่า

“สายแท้งค์ทั้งหมด ขึ้นหน้าไปตั้งแนวและดึงความสนใจพวกมันเอาไว้ สายโจมตีระยะไกลเตรียมตัว, โจมตีได้!”

พลันทะยานร่างออกไปพร้อมกับหวดสกิล[โจมตีต่อเนื่อง]ด้วยดาบจักรพรรดิ์ฉินเข้าที่บริเวณหัวเข่าของเจ้ายักษ์ภูผาตัวหนึ่ง สร้างค่าความเสียหายเป็นตัวเลขยาวดั่งสายน้ำ

พลังโจมตีของผมในตอนนี้ถึงขั้นที่มองข้ามพลังป้องกันของพวกมันไปแล้ว 2128 ! 2343 ! 2211 ! 2108 !

………………

เจ้ายักษ์ภูผาตัวนั้นไม่รอช้าโต้กลับด้วยการหวดตะบองหนามในมือของมันเข้าใส่เกราะไหล่ของผมสองครั้งซ้อนเสียงดัง “ตึง ตึง” สร้างความเจ็บปวดไม่น้อยให้แก่ผม

เพราะแต่ละการโจมตีของมันนั้นเรียกค่าความเสียหายกินพลังชีวิตจากผมไปได้ถึง 1200 หน่วย แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับมือไหว และก่อนที่เหล่าฮีลเลอร์ที่ยืนอยู่หลังผมจะร่ายเวทย์ทำการรักษา

ดาบจักรพรรดิ์ฉินในมือก็โต้ตอบกลับไปด้วยกระบวนท่า [คมวายุ]+[โจมตีต่อเนื่อง] เข้าสู่ร่างของมินิบอสตัวนั้น เมื่อการโจมตีที่ทรงพลังและรุนแรงขนาดนั้นได้เกิดขึ้น ค่าพลังชีวิตที่ผมได้คืนมาจากการโจมตีก็ยิ่งมีจำนวนมากตามไปด้วย ความสามารถพิเศษของแหวนวิญญาณโลหิตยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ 4431 ! +443 ! 3679 ! +368 !

……………

ผมปรายตาไปมองที่ดาบจักรพรรดิ์ฉินและทราบว่าตอนนี้พลังของความสามารถ[ฆ่าสังเวยเลือด]ได้เพิ่มขึ้นเป็น 227% แล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผมถึงได้โจมตีหนักหน่วงขนาดนี้ นี่ถ้าผมโจมตีแบบนี้ไปเรื่อยๆคิดว่าคงสามารถสังหารเจ้ามินิบอสระดับม่วงเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องให้ฮีลเลอร์มาคอยรักษาผมเลย

เอาจริงๆแล้วเลเวล 73 ของเจ้าพวกนี้ก็ไม่ได้สูงมากไปกว่าผมซักเท่าไหร่ ผมจึงสามารถทนรับการโจมตีของพวกมันไหว เมื่อสร้างความเสียหายไปได้ราว 150,000 หน่วยพลังชีวิต เจ้ายักษ์ภูผาตัวแรกก็ลงไปกองกับพื้น ด้วยฝีมือการหวดด้วยสกิลต่างๆของผม ‘หลินเสียวอู่’ ‘เสวี่ยเฉิงเชียนหยาง’และคนอื่นๆใช้เวลาราวๆสองนาทีเพื่อล้มมันลงได้ตัวหนึ่ง

ผมชูดาบคู่ใจขึ้นก่อนจะทะยานร่างไปอีกทางหนึ่งเพื่อเปิดโอกาสให้’เยว่ชิงเฉียน’เข้ามาทำการเคลียร์พื้นที่สนามรบ สาวน้อยก็พบกับกองของอุปกรณืที่ดรอปอยู่ใต้ซากของเจ้ายักษ์ภูผานั้น เธอหัวเราะชอบใจก่อนรายงานเสียงใสอย่างตื่นเต้นว่า

“พี่เซียวเหยาคะ มันดรอปไอเทมระดับทองสองชิ้นกับไอเทมระดับม่วงชิ้นหนึ่งค่ะ เจ้ามินิบอสพวกนี้ดรอปไอเทมระดับม่วงจริงๆด้วยค่ะ!”

ผมก็หัวเราะเสียงดังก่อนตอบกลับไปว่า

“ก็เจ้าบอสพวกนี้มันเป็นมินิบอสระดับม่วงด้วยเหมือนกันนี่นา ถึงแม้ว่าอัตรการดรอปไอเทมระดับม่วงของพวกมันจะมีโอกาสแค่เล็กน้อยก็ตามเถอะ เธอจัดการเอาไอเทมพวกนี้ไปแจกจ่ายเองละกัน!”

“ตกลงค่ะ…”

‘เยว่ชิงเฉียน’พยักหน้ารับคำอย่างว่าง่ายและจัดการแบ่งสรรของที่ดรอปมาได้ทันที จากทางด้านในของเมืองโบราณ เจ้ายักษ์ภูผาพากันเคลื่อนพลออกมาเรื่อยๆราวกับไม่มีหมดสร้างความลำบากให้พวกเราไม่น้อย กลายเป็นว่าการโจมตีระลอกที่แปดนี้หาได้รับมือง่ายดายอย่างที่พวกเราคิดไว้ไม่

ความกดดันไปลงอยู่ที่แนวหน้าที่ตั้งรับของกิลด์ [Zhan Long] จึงเพิ่มมากขึ้น และผุ้เล่นอื่นๆก็เริ่มล้มตายมากขึ้นโดยเฉพาะสองอาชีพหลักอย่างอัศวินและนักรบคลั่ง เพราะพวกเขาบ้างก็ต้องดึงความสนใจของมินิบอสมาที่ตัวเองบ้างก็โจมตีมันรุนแรงไปจนมันสนใจหันมาโจมตีกลับ

แต่ทว่าค่าพลังป้องกันของพวกเขาไม่มากพอที่จะต้านรับการโจมตีอันหนักหน่วงของพวกยักษ์ภูผาได้ ส่งผลให้บริเวณใต้ประตูเมืองจึงเจิ่งนองไปด้วยโลหิตของผู้ที่ต้องตายลงไป แต่กระนั้น บรรดายักษ์ภูผาที่เข้าโจมตีค่ายของกิลด์[Zhan Long]ก็ยังค่อยๆตายไปทีละตัวสองตัว

เมื่อเทียบกับพวกเราแล้ว ทางค่ายของกิลด์ [Flying Dragon] ท่าทางจะน่าสมเพชกว่าเยอะ ยักษ์ภูผา 7 ตัวได้ยืนทำการสังหารคร่าชีวิตพวกเขาไปเป็นจำนวนมากก่อนจะตายไปโดยใช้เวลาเป็นสิบนาที ห่างจากพวกเขาไปก็เป็นกลุ่มของผู้เล่นอิสระบ้างซึ่งมีสภาพน่าเวทนามากไปกว่าอีก

ผู้เล่นเกือบพันคนได้แต่ล้อมยักษ์ภูผาตัวหนึ่งเอาไว้โดยที่ไม่สามารถสังหารมันได้กลับกัน แค่เจ้ายักษ์มันหวดกลับมาโครมเดียวก็สังหารผู้เล่นไปได้เป็นจำนวนมาก เพราะค่าเฉลี่ยของเลเวลพวกเขาน่าจะราวๆ เลเวล 56 ซึ่งน้อยกว่าเจ้ายักษ์ภูผา 18 เลเวล ถ้าลองเทียบกันเอาแค่เฉพาะค่าสเตตัสก็แทบจะไม่สามารถต้านทานการโจมตีของมินิบอสพวกนี้ได้เลย

ต่อให้พวกเขามีอุปกรณ์ที่ดีขนาดไหนก็ตาม เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังระงมไปทุกที่ นี่มันฉากในหนังสงครามชัดๆ แต่ก็ถือว่ายังมีส่วนดีอยู่บ้างเพราะว่าค่าประสบการณ์และไอเทมที่ดรอปได้จากยักษ์ภูผาพวกนี้ค่อนข้างดีมาก นับแต่เฉพาะสามระลอกที่เหลือนี่ การสังหารยักษ์ภูผาลงได้แต่ละตัวทำให้หลอดค่าประสบการณ์ขยับจนมองเห็นได้

ยิ่งไปกว่านั้น ไอเทมที่ดรอปได้ก็ดีมากๆ ราวๆ 5% มีโอกาสได้ไอเทมระดับม่วง และส่วนตัวผมแล้วด้วยค่าสเน่ห์ที่มีถึง 87 เพียงเวลาไม่ถึง 40 นาที ไอเทมระดับม่วงที่ผมดรอปมาได้ก็ปาเข้าไป 20 ชิ้นแล้วซึ่งผมก็ส่งพวกมันทุกชิ้นเข้าคลังรวมของกิลด์เพราะเหตุว่า กิลด์ไม่ใช่ปาตี้สำหรับคนเพียงคนเดียวนั่นเอง

………………….

“ย่าห์!”

‘แม่ทัพหลี่มู่’ขมวดคิ้วเข้าหากันในขณะที่กำลังตวัดดาบเข้าใส่หัวแม่เท้าของยักษ์ภูผาตัวหนึ่งและพูดว่า

“หลังจากรอบนี้ไปแล้ว ชั้นคงต้องกลับเมืองไปซ่อมแซมอุปกรณ์ซะหน่อยแล้ว เจ้าดาบเล่มนี้ก็เหลือค่าความทนทานอยู่เพียง 4% เท่านั้นเอง….”

ถัดไปไม่ไกล ‘แม่ทัพหวังเจี้ยน’ก็พูดว่า

“ของชั้นเองก็เหลือแค่ 7% เอง อัตราการลดความทนทานของดาบที่ใช้ในการต่อสู้ที่นี่จะเร็วไปไหมนี่…”

‘หรันหมิ่น’เองกระโดดเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยว่า

“อ้าว เออแฮะชั้นก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าขวานในมือเหลือความทนทานแค่ 1% เองนี่ถ้าไม่ทักอีกสักพักชั้นคงได้แต่ใช้มือเปล่าๆหวดกับเจ้ายักษ์ภูผาพวกนี้เป็นแน่! เซียวเหยา แล้วของนายล่ะ?”

ผมมองไปที่ดาบจักรพรรดิ์ฉินและยิ้มตอบไปว่า

“เสียใจด้วย แต่ดาบจักรพรรดิ์ฉินของชั้นไม่มีการเสียค่าความทนทาน เพราะงั้นชั้นว่ามันยังคงเต็ม 100% อยู่นั่นแหละ”

“เชอะ….”

“………..”

ไม่กี่นาทีต่อมา ‘เยว่ชิงเฉียน’ก็รายงานว่า

“บอสของระลอกที่แปดเกิดแล้วค่ะ!”

“ที่ไหน?”

“ทางประตูทิศใต้ค่ะ กิลด์[Vanguard]กำลังใช้ผู้เล่นกว่า 5000+ ล้อมมันไว้ ท่าทางพวกเราคงจะไม่มีโอกาสแล้วละมั้งคะ ยกเว้นแต่ว่าพี่เซียวเหยาต้องยกกำลังของพวกเราที่เหลือตอนนี้ไปทั้งหมด และอาจจะต้องเสียกำลังคนไปอีกหลายร้อย ความสูญเสียน่าจะมากมายเอาเรื่องอยู่ถ้าเราคิดจะลุยแบบนั้นค่ะ”

ผมพยักหน้าเห็นด้วย

“งั้นก็ถือซะว่า บอสของระลอกแปดนี้เป็นของกิลด์[Vanguard]ไปก็แล้วกัน พวกเราคนใดที่ค่าความทนทานอุปกรณ์ต่ำกว่า 20% ให้เดินทางกลับเมืองที่ตัวเองสังกัดเพื่อซ่อมแซมและเตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีระลอกที่เก้าต่อไป!”

“รับทราบ!”

……………

‘ซ่งหาน’,’เยว่ชิงเฉียน’,ตระกูลแม่ทัพกับพวกที่มีสายอาชีพทำดาเมจทั้งหลายต่างพากันกลับเมือง ในขณะที่ผมอาศัยดาบที่ไม่ต้องซ่อมคอยรักษาการณ์พื้นที่ของพวกเราที่นี่เอาไว้ จัดการสังหารยักษ์ภูผาที่ยังออกมาจากเมืองโบราณเรื่อยๆต่อไป

จนในที่สุด ก่อนที่การโจมตีระลอกนี้จะยุติลง เสียงสัญญาณที่ไพเราะที่สุดตอนนี้ก็ดังขึ้น

“ติ๊ง!” ประกาศจากระบบ : ขอแสดงความยินดี กิลด์ของคุณ [Zhan Long] ได้เลเวลอัพและกลายเป็นกิลด์ระดับ 4 ซึ่งได้รับความสามารถเพิ่มเติมของกิลด์ใหม่ [เกราะสงคราม] ทำให้สมาชิกในกิลด์ทั้งหมดเพิ่มพลังป้องกันพิเศษอีก 5% และสามารถรองรับผู้เล่นได้สูงสุด 3000 คนในกิลด์ [Zhan Long] ตอนนี้!”

…………….

“สุดยอดไปเลย!”

‘หลินเสียวอู่’ชูเกาทัณฑ์คนจรขึ้นหัวเราะอย่างร่าเริงและพูดว่า

“หัวหน้าคะ ตอนนี้กิลด์ของเราก็รับคนได้เพิ่มเป็น 3000 คนแล้วค่ะ!”

ผมพยักหน้า

“รับคนของเราเข้ามาเลย แบ่งสมาชิกจากกองหนุนของเราเข้าสังกัดค่าย Zhan Long และ ค่าย Valiant Bravery อย่างละเท่าๆกันพวกเค้าจะได้รับบัฟทั้งหลายจากกิลด์ของเรา”

“รับทราบค่ะ!”

เมื่อมองไปรอบๆ บรรดากองเสริมที่ยังไม่ได้เข้ากิลด์อย่างเป็นทางการก็ทยอยกันเข้ากิลด์อย่างรวดเร็ว ทำให้ตราสัญญลักษณ์ของศีรษะมังกรผยองส่องแสงต่อๆกันไปราวกับทะเลแห่งแสง ทำให้สมาชิกปัจจุบันของกิลด์ [Zhan Long] มีมากกว่า 1500+แล้ว

หลังจากกิจกรรมครั้งนี้จบกิลด์ของเราน่าจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีกกว่า 700 คน และด้วยความสามารถของมัตฉะกับเยว่ชิงเฉียนก็คงจะเต็ม 3000 ในเวลาประมาณ 3 วันแน่นอน

หลังจากนั้นไม่นาน ‘แม่ทัพหลี่มู่’ ‘แม่ทัพหวังเจี้ยน’และ’เยว่ชิงเฉียน’พร้อมกับคนอื่นๆที่เดินทางกลับเมืองไปซ่อมแซมอุปกรณ์ก็กลับมาเป็นที่เรียบร้อย

ในตอนนั้นเอง เสียงประกาศจากระบบก็ดังกังวานให้พวกเราได้ยินกันทั่ว ในที่สุดบอสของการโจมตีระลอกที่แปดก็ถูกสังหารลงได้ ยิ่งไปกว่านั้นบุคคลที่สังหารมันก็คือรองหัวหน้ากิลด์ [Vanguard] เจี๋ยนเจี่ยนตันตัน นั่นเอง

“ติ๊ง!” ประกาศจากระบบ : ขอแสดงความยินดีด้วย ผู้เล่นเจี๋ยนเจี่ยนตันตัน ได้สังหารบอสระลอกที่แปดของ[เมืองโบราณ]แห่ง[เมืองป้าฮวง] สำเร็จ ได้รับรางวัล ค่าสเน่ห์ +8 ค่าประสบการณ์ 80% และตำราสกิลระดับ SS【คมดาบปีศาจบรรพกาล】!”

…………………

“บ้าเอ้ย แล้วไอ้เจ้าสกิลคมดาบปีศาจบรรกาลมันเป็นแบบไหนวะเนี่ย?”

‘แม่ทัพหลี่มู่’บดกรามถามด้วยความสงสัย มัตฉะจ้องมองไปยังที่ว่างราวกับกำลังสืบค้นข้อมูล ก่อนจะหันกลับมารายงานว่า

“เป็นสกิลของนักเวทย์เลเวล 65 ถึงจะเรียนได้ค่ะ ลักษณะก็คือมันจะอัญเชิญคมดาบของปีศาจจากอดีตกาลลงมาจู่โจมเป้าหมายด้านหน้าผู้อัญเชิญราว 30 เมตร ค่าพลังโจมตีขึ้นอยู่กับค่าพลังเวทย์ของผู้อัญเชิญ นับว่าเป็นเวทย์โจมตีหมู่ที่ทรงอานุภาพสกิลหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ……….”

‘ซ่งหาน’กำหมัดของตัวเองแน่ก่อนพูดว่า

“หมายความว่า…ยัย…. เจี๋ยนเจี่ยนตันตันนั่น ก็ยิ่งน่ากลัวขึ้นกว่าเดิมละสิ….”

‘หรันหมิ่น’ตบที่ไหล่ของ’ซ่งหาน’พลางหัวเราะและพูดว่า

“คราวที่แล้วนายโดนหล่อนจัดการนี่หว่า อะไรกันหมาป่าน้อยของเราเกิดกลัวยัยนั่นขึ้นมาอย่างนั้นเรอะ? หรือว่าแค่ได้ยินชื่อ เจี๋ยนเจี่ยนตันตัน-มู่หรงหยุนก็กลัวจนฉี่ราดแล้ว หา?”

‘ซ่งหาน’หันกลับไปมองและตอบว่า

“นี่ เห็นผมเป็นคนอย่างนั้นหรือไง? คอยดูเถอะ ต้องมีสักวันที่เจี๋ยนเจี่ยนตันตันต้องวิ่งกระโปรงปลิวเพียงแค่ได้เห็นหน้าของผม….”

‘หลิวย่ง’อดขำไม่ได้ก่อนจะเอ่ยว่า

“เออ ชั้นจะคอยดูเมื่อถึงวันที่นายมีพลังขนาดนั้น แต่ว่าก่อนอื่นน่ะนะ นายต้องแบ่งแต้มมาอัพค่ากำลังกายของนายซะหน่อยแล้ว ไม่งั้นจะกลายเป็นว่านายจะโดนสอยด้วยพลังเวทย์เพียงดอกเดียวจากการโจมตีของเจี๋ยนเจี่ยนตันตัน ถ้าเป็นแบบนั้นเธอคงจะวิ่งตัวปลิวเข้าใส่นายก่อนเป็นคนแรก….”

“อืม ผมเข้าใจดี…”

อาชีพสายนักฆ่าส่วนใหญ่เลือกที่จะอัพสเตตัสทั้ง 10 ที่ได้จากเลเวลอัพโดยแบ่งไปลง ความว่องไว 7 ความแข็งแกร่ง 1 และค่าความอดทน 2 เพื่อที่จะทำการรีดพลังในการโจมตีออกมามากที่สุด ‘ซ่งหาน’เองก็เป็นอาชีพสายนักฆ่ามือโปรเช่นนั้นเค้าจึงไม่ได้เทค่าสเตตัสทั้งหมดไปลงที่ค่าความว่องไวแต่อย่างเดียว

เพราะนักฆ่าที่มีสเตตัสเช่นนั้นจะตัวบางเกินไปและขาดทั้งพลังในการโจมตี แถมจะทำให้ไม่สามารถสวมอุปกรณ์ระดับสูงอีกด้วย เมื่ออุปกรณ์บางอย่างต้องการค่าสเตตัสอย่างอื่นนอกจากค่าความว่องไว ตรงที่พวกเราต่อสู้กับพวกยักษ์ไม่ต้องไปตรวจเชคไอเทมที่ตกค้างเหมือนอย่างรอบอื่นๆ

เพราะไอเทมที่ดรอปจากยักษ์ภูผาสังเกตได้ง่ายเพราะกองกันอยู่ที่ศพของมันนั่นเอง หลังจากผ่านศึกระลอกที่แปดมากิลด์[Zhan Long] ก็เหลือผู้เล่นอีกเพียง 700 กว่าคน จำนวนของเรานั้นช่างน้อยเสียเหลือเกิน ยากที่จะบอกว่าเราจะสามารถกัดฟันให้รอดพ้นอีกสองระลอกที่เหลือได้หรือไม่ …………..

บรรดาผู้เล่นทั้งหลายต่างพากันจับจ้องอยู่ที่ประตูใหญ่ของเมืองโบราณที่อยู่ห่างออกไป แต่เวลาก็ผ่านไปค่อนข้างนานแล้วประตูเหล็กกล้านั้นก็หาได้เปิดออกเช่นทุกคราไม่ สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนไม่น้อย

“เฮ้ย ไม่ใช่ว่ามันหมดแค่นี้ไม่มีรอบที่เก้าเหรอ?”

‘หรันหมิ่น’สะพายขวานขึ้นไหล่

“ไม่หรอก….มันต้องมีรอบต่อไปแน่นอน…”

เสียง’แม่ทัพหลี่มู่’

“แล้วไหงผ่านไปตั้ง 20 กว่านาทีแล้วยังเงียบเชียบอยู่เลยฟระเนี่ย?”

“มันอาจจะต้องมีการเตรียมการบ้างใช่ไหม? เครื่องบินยังติดดีเลย์ ตำรวจยังมาตอนโจรตายเลย ประสาอะไรกับมอนสเตอร์พวกนี้มันอาจจะตื่นสายก็ได้?”

“…………….”

………………….

มันเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่พอได้ยินเสียงของกรงเล็บที่แหลมคมปะทะอะไรบางอย่าง เงาทะมึนราวเมฆฝนดำครึ้มก็ปรากฏขึ้นจากทางเมืองโบราณ เมื่องเพ่งดูจึงมองเห็นว่ามันคือฝูงของเหยี่ยวรบที่บินมาบนหลังพวกมันมีอัศวินสวมเกราะสีทองอยู่ด้านบนพร้อมหอกในมือ

เจ้าพวกนี้คือมอนสเตอร์ประจำระลอกที่เก้า!

อัศวินบนหลังเหยี่ยวรบก็ถลันข้ามประตูของเมืองโบราณตรงเข้าจู่โจมค่ายที่ตั้งของพวกเราทันที โดยเบื้องหลังพวกของมันก็ติดตามมาราวกับเมฆฝนมืดฟ้ามัวดิน

“ชิบ……”

‘แม่ทัพหลี่มู่’ถอนหายใจหนักหน่วงก่อนเอ่ยว่า

“ทำไมชั้นรู้สึกเหมือนว่า รอบนี้จะเละกว่ารอบที่ผ่านๆมาฟระ….”

…………………..

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments