ตอนที่แล้วตอนต่อไปแปลโดย : Gal2oN
“นานแค่ไหนแล้วนะล่าสุดที่เราเจอกัน?”
‘ฟรอสท์’พูดอย่างแผ่วเบาขณะที่เธอมองไปข้างหน้า
ผมคิดซักพัก
“ราวๆ ครึ่งเดือนได้แล้วละ”
“ครึ่งเดือนเหรอ เฮ้ออ….”
‘ฟรอสท์’ถอนหายใจและริมฝีปากของเธอก็กระตุกเป็นรอยยิ้มขณะที่เธอพูด
“เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก ดูราวกับว่าข้าไม่เห็นอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากการฟื้นฟูเมืองมังกร”
ผมมองไปรอบๆ แล้วก็เห็นว่ามีผ้าพันแผลพันอยู่รอบหัวไหล่ของเธอ ยังมีกระทั่งเลือดติดอยู่บนนั้น เห็นดังนั้นผมจึงถามออกไปว่า
“นั่น…ใครทำให้คุณบาดเจ็บ?”
‘ฟรอสท์’เอียงหัวของเธอและมองมาที่ผม
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่ถูกธนูยิงน่ะ ตอนต่อสู้ในป่าทางตะวันออกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กองกำลังเสริมของเราถูกโจมตีโดยกลุ่มของคนเผ่าหนามที่ขี้ขลาด พวกมันเต็มไปด้วยหนามแหลม ดังนั้นมันก็เลยยากที่จะจัดการและมันก็มีจำนวนมากกว่าหนึ่งหมื่นคนซะอีก”
ผมถาม
“งั้นแล้วพวกคุณชนะมันได้ยังไง?”
‘ฟรอสท์’ยิ้มขณะที่นัยน์ตาคู่สวยของเธอเผยร่องรอยของความไม่ปราณี
“พวกเราล่อมันไปที่หุบเขารกร้างแล้วก็ย่างพวกมันบนพื้น นั่นล่ะพวกมันไม่มีปัญญาสร้างปัญหาให้กับกองกำลังเสริมของเมืองมังกรได้หรอก”
ผมรู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมาทันที
“นั่นมันก็…”
“มันโหดร้ายเกินไปเหรอ?”
‘ฟรอสท์’หันมายิ้มให้กับผม ตาของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชา
“เพื่อความรุ่งเรืองของเมืองมังกร ข้าขายดวงวิญญาณไปแล้ว เพื่อเมืองมังกรแล้วข้าจะทำทุกอย่างต่อให้ข้าต้องกลายเป็นนักฆ่าที่เลือดเย็น ข้าก็เต็มใจที่จะทำ”
ผมตกอยู่ในห้วงความคิดและนั่งลงข้างๆ หอสังเกตการณ์ ดาบจักรพรรดิฉินพาดอยู่บนตักขณะที่ผมมองออกไป
‘ฟรอสท์’มองผมแล้วพูดว่า
“อะไร ตอนนี้เจ้าคิดว่าข้าช่างต่ำช้าสำหรับเจ้าใช่รึเปล่า? เจ้า..เจ้าต้องการออกไปจากข้าใช่หรือไม่?”
ผมพูด
“ ไม่หรอก”
“ทำไมละ?”
“เพราะผมเคยพูดไปแล้วนี่ถ้าคุณยอมรับผม ผมก็จะใช้ชีวิตของผมเพื่อปกป้องทั้งเมืองมังกรแล้วก็คุณ นั่นจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปตลอดชีวิต”
‘ฟรอสท์’ขมวดคิ้วและไม่พูดอะไรอีก เธอแค่ยืนอยู่ข้างๆผม
หลายนาทีต่อมาฟรอสท์อยู่ๆก็ตื่นตัว รองเท้าของเธอย่ำไปบนหิมะขณะที่ร่างของเธอค่อยๆหันไปอย่างช้าๆ นัยน์ตาคู่สวยของเธอเผยแววแห่งการต่อสู้
“นั่นใคร!? ออกมาเดียวนี้นะ!”
“ฟรอสท์ ข้าเอง!”
จากอากาศเงาร่างสีเทากระโดดลงมาอย่างนุ่มนวล เป็นร่างของแม่ทัพหนุ่มที่ถือดาบและใส่เกราะที่งดงาม ดวงตาสีดำสะท้อนแววขี้เล่นอยู่ภายในนั้น
คนที่มาไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ‘โล่วหลิน’ ขุนนางแห่งเมืองมังกร ผู้บัญชาการที่แท้จริงของพวกเรา
‘ฟรอสท์’รีบคุกเข่าลงกับพื้น
“ท่านโล่วหลิน โปรดอภัยในความไม่เคารพของข้าด้วย”
‘โล่วหลิน’พยักหน้า
“ลุกขึ้นเถอะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร!”
‘ฟรอสท์’พูด
“ท่านไม่ใช่กำลังประชุมเรื่องสำคัญอยู่ในโถงหลักหรอกรึ ทำไม..ทำไมท่านถึงออกมาที่หอสังเกตการณ์ได้ละ? มันหนาวมากเลยนะที่นี่ ท่านควรจะกลับเข้าไป..”
‘โล่วหลิน’หัวเราะ
“ฟรอสท์ นี่เจ้าลืมไปแล้วเหรอว่าข้าก็เริ่มต้นมาจากหน่วยสอดแนมเช่นเดียวกับเจ้า? ในอดีตมีค่ำคืนอันหนาวเย็นมากมายที่เราต้องออกไปในทะเลหิมะและฆ่าเหล่าสัตว์ร้าย แล้วหอสังเกตการณ์เล็กๆ นี่จะนับเป็นอะไรได้? ข้าออกมากลางดึกก็เพื่อจะออกแรงกระดูกและกล้ามเนื้อซักหน่อย แล้วก็ผ่อนคลายสมองซักเล็กน้อย..”
‘ฟรอสท์’รู้สึกงุนงง
“ท่าน มีอะไรทำให้กังวลใจรึเปล่า?”
‘โล่วหลิน’พยักหน้า
“ใช่ เมื่อตอนบ่ายทหารม้าของเมืองมังกรหน่วยหนึ่งถูกโจมตีในป่าป้าหวง ทหาร 7 นายถูกโจมตีและเราเสียม้าศึกไป 9 ตัว กระทั่งหัวหน้าหน่วย อ๋ายเกอ ก็ตายในการต่อสู้ด้วย เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ข้านำมาจากในเมืองและข้าค่อนข้างรู้สึกผิด…”
“อะไรนะ!?”
‘ฟรอสท์’กำหมัดและพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“ใครกันที่มันกล้าโจมตีกองทหารม้าของพวกเรา?”
‘โล่วหลิน’หายใจเข้าอย่างหนักหน่วง
“เป็นกองทหารม้าไร้พ่ายของป้าหลินตระกูลหมาป่า ดยุคแห่งเมืองกลืนวิญญาณในเชิงภูเขาน้ำแข็ง”
“ทหารม้าไร้พ่าย?”
“ใช่”
ใบหน้าของ’โล่วหลิน’ดูหนักใจขณะที่เขาพูด
“กองทหารม้าไร้พ่าย เป็นกองทัพที่หาได้ยากในแผ่นดิน ทหารไร้พ่ายทุกนายต้องเป็นเด็กกำพร้าและในวันที่เกิดพวกเขาจะต้องถูกตอน ทำให้พวกเขาสูญเสียความปรารถนาและกลายมาเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ป้าหลินเจ้าเฒ่าชั่วนั่นทำลายรังหมาป่าจากนอกเมืองแล้วเอาลูกหมาป่านับพันมา มันฝึกหมาป่าน้ำแข็งเหล่านั้นให้กลายเป็นสัตว์ขี่และสร้างกองทหารม้าไร้พ่ายอันเลื่องชื่อ พวกมันไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดและจะยอมทำตามคำสั่งของป้าหลินเท่านั้น ตำนานกล่าวไว้ว่าใครก็ตามที่มีดาบของป้าหลินจะสามารถสั่งการกองกำลังไร้พ่ายนับพันได้!”
ดวงตาคู่สวยของ’ฟรอสท์’เป็นประกาย
“ท่าน ท่านหมายความว่า..”
“ถูกต้อง!”
‘โล่วหลิน’ยิ้ม
“เมืองมังกรตอนนี้กำลังเผชิญอันตรายจากทั้งภาคเหนือและตะวันตก ดังนั้นพวกเราจำเป็นที่จะต้องเสริมความแข็งแกร่งของเราโดยเร็ว ข้าวางแผนจะให้ทหารทุกนายที่มีระดับสูงกว่า 7 เข้าโจมตีเมืองกลืนวิญญาณ ฆ่าป้าหลินและขโมยดาบของมันมา แล้วข้าก็จะสามารถสั่งการทหารไร้พ่ายพันนายนั้นได้และพวกมันกลับมายังกองทัพของเมืองมังกรและทำตามคำสั่งของเมืองมังกรเท่านั้น!”
‘ฟรอสท์’หรี่ตาลงและพูดว่า
“ท่าน การได้มาของทัพไร้พ่ายนั้นสำคัญมากใช่หรือไม่?”
‘โล่วหลิน’พยักหน้า
“ การต่อสู้กับคนแคระทมิฬทำให้เราสูญเสียไปมาก เมืองใหญ่ทั้งสามไม่สามารถส่งนักเรียนระดับหัวกะทิมาเข้าร่วมกับเมืองมังกรได้อีก ป้ายรับสมัครทหารที่เราติดไว้ในแต่ละเมืองต่างถูกฉีกออกทันทีที่ติด แล้วอะไรจะดีไปกว่ากันได้กองทัพไร้พ่ายนั้นมาอีกเล่า? บวกกับหมาป่าน้ำแข็งนั้นทั้งแข็งแรงและวิ่งเร็วทำให้พวกมันมีแรงกดดันอย่างใหญ่หลวง พวกมันเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการจัดการกับพวกคนแคระทมิฬ”
“แต่…ถ้าเราสั่งให้ทหารมากมายไปที่เมืองกลืนวิญญาณ เราจะต้องได้รับความสูญเสียเป็นอย่างมากแน่ๆ”
นัยน์ตากระจ่างใสของฟรอสท์เผยแววต้องการต่อสู้ออกมาขณะที่เธอพูด
“ถ้าอย่างนั้นท่านปล่อยให้ข้าไปเป็นอย่างไร? ข้าสามารถแทรกซึมเข้าไปในเมืองกลืนวิญญาณได้โดยไร้เสียง ฆ่าป้ายหลิน ขโมยดาบ และนำกองทัพไร้พ่ายกลับมาสู่เมืองมังกร ท่านแค่ส่งเชือกลงมาให้ข้าเท่านั้น..”
“เจ้า..เจ้าสามารถทำมันได้จริงรึ?”
“ขอให้ท่านโปรดเชื่อใจข้า!”
‘ฟรอสท์’คุกเข่าลงกับพื้น
‘โล่วหลิน’ได้แต่ส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอและมองมายังผมขณะที่เขาพูดว่า
“งั้นข้าจะปล่อยเรื่องนี้ให้เจ้าทำ ฟรอสท์ เจ้าเป็นหัวหน้าของเหล่าอัศวินเมืองมังกรของเรา และเจ้ายังเป็นแม่ทัพที่ข้าเชื่อใจมากที่สุดทำไมเจ้าไม่นำลูกศิษย์ของเจ้าไปด้วยละ บางทีเจ้านั่นอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง”
“หา?”
ความตกใจแวบผ่านดวงตาของ’ฟรอสท์’
“ท่าน นี่ไม่อาจทำได้ เขา..ประสบการณ์ของเขายังน้อยเกินไป ป้าหลินเจ้าเมืองกลืนวิญญาณช่างโหดร้ายนัก ถ้าเกิดอะไรขึ้นละก็..”
ผมยืนขึ้นและพูดเสียงเบา
“ ฟรอสท์ ไม่ต้องพูดอะไรอีก ผมจะไปกับคุณ ผมไม่ต้องการให้คุณไปสถานที่แบบนั้นด้วยตัวคนเดียวโดยเด็ดขาด!”
‘ฟรอสท์’กำหมัดและพูดเสียงต่ำลงขณะที่เธอพูดว่า
“ เจ้าโง่ เจ้าอาจจะตายได้นะ!”
ผมยกดาบขึ้นมาและพูดว่า
“ไม่ ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าผมจะตายมันก็เพียงพอแล้วที่จะแลกเปลี่ยนกับโอกาสให้คุณมีชีวิต..”
“เจ้า..”
‘ฟรอสท์’ถอนหายใจอย่างหนักหน่วงแล้วก็ยิ้มและพูดว่า
“ตกลง เก็บของของเจ้า แล้วไปกับข้า!”
“ผมก็พร้อม เมื่อคุณพร้อมนั่นแหละ..”
“งั้น..”
‘ฟรอสท์’มองขึ้นไปบนท้องฟ้า เกล็ดหิมะตกลงบนแก้มของเธอและเธอพูดว่า
“งั้นไปกันเถอะ อาศัยที่ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้น พวกเราจะไปเมืองกลืนวิญญาณและเอาอำนาจสั่งการกองทัพไร้พ่ายกลับมา!”
“ตกลง!”
….
“ติ๊ง!”
[ประกาศจากระบบ]: ท่านได้รับเควสท์ระดับ SS [จับกุมผู้มีอำนาจ]!
รายละเอียดเควสท์ : มุ่งสู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองป้าหวงไปยังเมืองกลืนวิญญาณ ช่วยเหลือ [โฉมงาม ฟรอสท์] และฆ่าเจ้าเมืองป้าหลิน เอาดาบของเขากลับมาและมอบสิทธิ์สั่งการกองทัพไร้พ่ายให้กับเจ้าเมืองโล่วหลิน หลังจากเควสท์เสร็จสิ้น ท่านจะได้รับรางวัลจำนวนมาก!
….
เยี่ยม เควสท์ระดับ SS ค่าประสบการณ์และอุปกรณ์สวมใส่ต้องเยี่ยมมากแน่ๆ แถมยังได้ค่าเสน่ห์อย่างน้อย 5 แต้มอีก อย่างไรก็ตามมันต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า ฟรอสท์ห้ามตาย มิฉะนั้นทุกอย่างจบสิ้น
ขณะที่ผมยืนอยู่ข้างๆหอสังเกตการณ์ ผมพูดว่า “พวกเราควรจะปีนลงไปจากด้านข้างมั้ย?”
“ไม่จำเป็น…”
ฟรอสท์เดินมาหาผมแล้วรวบเกราะของผมเอาไว้และพูดว่า “จับให้แน่นๆละ!”
“โอเค!”
ผมกอดไหล่อาจารย์คนสวยเอาไว้ ตอนนั้นกลิ่นหอมเย้ายวนลอยมาแตะจมูกผม แต่ยังไม่ทันจะมีเวลาได้ลิ้มลองกลิ่นนั้น ‘ฟรอสท์’ก็พุ่งลงจากกำแพงเมือง รองเท้าของเธอเหยียบบนอากาศราวกับหิมะกำลังเต้นรำ เธอร่อนลงบนพื้นของเมืองมังกรแม้ว่าจะไม่ใช่การนั่งเครื่องบิน แต่มันก็ดูไม่แตกต่างกันมากนัก
พวกเราสองคนเหยียบบนพื้นอย่างมั่นคง ‘ฟรอสท์’มองผมแล้วยิ้ม
“เจ้าปล่อยข้าได้แล้ว..”
“โอ๊ะ ขอโทษ..”
ผมรีบปล่อยมือ ‘ฟรอสท์’ยิ้มแล้วพูดว่า
“ไม่จำเป็นต้องของโทษหรอก เราจะไปกันได้รึยัง?”
“ได้!”
ผมเริ่มวิ่งออกไปตามหลัง’ฟรอสท์’ แม้ว่าเธอจะตั้งใจเดินให้ช้าลงเพื่อรอผม เสื้อคลุมของเธอปลิวอยู่ด้านหลัง การได้วิ่งกับอาจารย์คนสวยแบบนี้นี่มันช่างเป็นประสบการณ์ที่น่าเพลิดเพลินซะจริง!
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง พวกเราก็มองเห็นเมืองสีดำอยู่ในที่ราบเรียบ หลังนั้นเป็นหุบเขาน้ำแข็งอันสูงตระหง่านเมืองนี้แทบจะเป็นเมืองคู่ขนานกับเมืองมังกร สามารถที่จะอยู่รอดได้ภายใต้สภาพแวดล้อมอันเลวร้ายแบบนี้ ชัดเจนเลยว่าเจ้าเมืองต้องมีความสามารถอยู่บ้าง
“ระวัง!”
‘ฟรอสท์’รีบวิ่งมาบังหน้าเพื่อปกป้องผม มือของเธอคว้าไปที่อากาศ
“หมับ!” เธอคว้าลูกธนูที่ถูกยิงมาที่ผม ไว้ได้ หัวธนูนั้นอาบไปด้วยแสงเรืองรอง นี่มันน่ากลัวชะมัด!
ผมสอดส่องพื้นที่ การโจมตีเมื่อกี้มาจากพุ่มไม้ที่ซึ่งมีทหารกำลังขี่หมาป่าสีขาวตัวใหญ่ นี่มันทหารไร้พ่ายในตำนาน มอนสเตอร์ระดับแฟนธ่อม เลเวล 75! ผมพุ่งออกและใช้โซ่พันธนาการ[Binding Chains] และ “พั่บ!” ผมกดเจ้าหมาป่ายักษ์ลงกับพื้น ผมแบมืออีกครั้งและใช้ [โลกาสิ้นสูญ]!
ปัง!
3517!
‘ฟรอสท์’ถือดาบของเธอและเดินมาหา
“เร็วๆหน่อย อย่าปล่อยให้มันส่งเสียงได้!”
ผมวาดดาบจักรพรรดิฉินและใช้คอมโบลดเลือดของมันไปได้อีกหน่อย ดาบของ’ฟรอสท์’ก็ฟันออกมา
“ฟวับ” หัวของทหารนายนั้นปลิวออกไป เลือดกระจายเต็มพื้น ส่วนร่างก็ชักกระตุกอยู่อีกซักพัก
….
ผมมองไปที่เมืองและฟรอสท์ก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงขณะที่เธอพูดว่า
“ฆ่าอีกซักคนเถอะพวกเราจะได้ใช้เสื้อผ้าของมันแอบเข้าไปในเมือง ไม่งั้นแล้วคงไม่มีทางที่เราจะฝ่าไปถึงป้าหลิน”
“โอเค”
ขณะที่เรากำลังเดินไปข้างหน้า ก็เจอกับทหารไร้พ่ายอีกนายซึ่งถูก’ฟรอสท์’ตัดหัวอย่างรวดเร็ว ผมสวมผ้าคลุมและหมวก เพราะเกราะมนตราแห่งความโกรธเกรี้ยวนั้นเป็นสีดำล้วนและมันก็คล้ายคลึงกับชุดของทหารไร้พ่าย
ดังนั้นผมจึงไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไร ส่วนเจ้าหมาป่านั่นน่ะเหรอ ไม่จำเป็นอะ เลเวลของผมยังไม่สูงพอที่จะขี่พวกมันได้ ค่าสถานะของเพลเยอร์กับ npc นั้นแตกต่างกัน สำหรับสัตว์ขี่เลเวล 75 เพลเยอร์จะต้องมีเลเวล 100 เพื่อที่จะขี่มันได้ นี่มันเรียกว่ายุติธรรมตรงไหน
….
“ชั่วะ…”
เสื้อคลุมสีดำปลิวอยู่ด้านหลังของฟรอสท์ เปิดเผยสัดส่วนของเกราะทหารไร้พ่ายทั้งหมดที่เธอกำลังใส่
อยู่ข้างใน เธอมองผมและผมก็มองกลับไปที่เธอ
“อะไร? มีอะไรผิดปกติเหรอ?”
เธอถาม
ผมชี้ไปที่เกราะส่วนออกของเธอและพูดว่า
“นั่นน่ะ…มันจะใหญ่ไปไหน…”
ตอนนั้น แก้มของ’ฟรอสท์’แดงระเรื่อ อย่างไรก็ตามเธอรีบสงวนท่าทีและพูดว่า
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะใช้เกราะอกปิดมันไว้ คนอื่นไม่รู้หรอก ไม่ต้องกังวล…”
ปล.คำพูดของ NPC ในเกมจะเป็นคำพูดโบราณ ในขณะที่คำพูดของเพลเยอร์จะเป็นปกติ ไม่ต้องแปลกใจ
ที่มา :