ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“สิ่งที่ชูเฟิงกล่าวออกมานั้นล้วนสมเหตุสมผล ถ้าเขาไม่ได้เสี่ยงเข้ามาช่วยล่ะก็พวกเราทั้งหมดที่นี่คงตายกันไปหมดแล้วในวันนี้ แทนที่จะออกไปข้างนอกแต่กลับเลือกที่จะมายืนโต้เถียงกันที่นี่?”
“ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนกับมัวแต่จดจ่ออยู่กับยุทธภัณฑ์ชั้นยอดของชูเฟิงอยู่แบบนั้น ข้าละสงสัยจริง ๆ ว่าพวกเจ้าทุกคนจะชำระความเมตตาด้วยความเกลียดชัง”
เพียงแค่ในเวลานั้นรองหัวหน้านิกายโลกวิญญาณ ‘เกา ฉีชือ’ ยังออกมายืนข้างเขาและยิ้มให้เขาด้วยความกรุณาต่อ’ชูเฟิง’ซึ่งมันแสดงให้เขาเห็นอย่างชัดเจนเลยว่านิกายโลกวิญญาณนั้นจะยังยืนอยู่เคียงข้างและคอยสนับสนุนเขา
“ท่านรองประมุข เกา ท่านจะกล่าวเช่นนั้นได้เยี่ยงไร หากท่านบอกว่าพวกเราทุกคนมีจิตใจที่จดจ่ออยู่กับยุทธภัณฑ์ชั้นยอดของเขาและจะชดใช้ความเมตตาด้วยความเกลียดชังแล้วกับท่านล่ะนี่เรียกว่าเป็นการปกป้องชูเฟิงหรือเป็นการปกป้องยุทธภัณฑ์ชั้นยอดของเขากันแน่? ใครๆในที่นี้ก็รู้ดีว่าชูเฟิงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของคนนิกายโลกวิญญาณของท่าน ”
ทันใดนั้นก็ได้มีชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แปลกและน่ากลัว เขาเอาแต่จ้องไปที่ยุทธภัณฑ์ชั้นยอดของ’ชูเฟิง’ตลอดเวลาและไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมองสิ่งอื่นเลยแม้แต่นิดเดียวและคนผู้นี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากรองผู้นำตระกูลเจี่ย ‘เจี่ย หยาน’
“นี่เจ้า…”
หลังจากได้ยินคำพูดของ ‘เจี่ย หยาน’ รองประมุข เกา ถึงกับขมวดคิ้วแน่นและใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เพราะตัวเขาเองนั้นไม่ได้มีความคิดที่จะปกป้อง’ชูเฟิง’ด้วยสาเหตุเช่นนั้น แต่ถึงแม้ว่าคำพูดของเขาจะเต็มไปด้วยความเป็นธรรม แต่คนอื่น ๆ ก็ยังคิดว่าเขานั้นมีหัวใจที่เห็นแก่ตัวอยู่
“ถูกต้อง ชูเฟิงนั้นแน่นอนว่าได้ช่วยพวกเราทุกคนเอาไว้เรายอมรับข้อนี้ นอกจากนี้เรายังรู้สึกอยากที่จะขอบคุณจากใจจริงและจะแสดงถึงความกตัญญูของพวกเราอย่างแน่นอน”
“แต่ทว่า ขวานอสูรฟ้า นี้เป็นถึงราชันย์แห่งยุทธภัณฑ์ชั้นยอดมันคงจะไม่เหมาะสมเกินไปหรอกใช่หรือไม่ที่มันจะเป็นของเขาเพียงแค่เขาดึงมันออกมาได้แค่นั้น? และนอกจากนี้พวกเราทุกคนก็ได้เสี่ยงมาที่นี่ก็เพื่อราชันย์แห่งยุทธภัณฑ์ยอดและยังมีแม้กระทั่งผู้ที่ต้องเสียสละชีวิตไปก็เพื่อมัน”
“และนอกจากนี้ด้วยความแข็งแรงของเขามันเพียงพอแล้วหรือที่เขาจะสามารถใช้ราชันย์แห่งยุทธภัณฑ์ชั้นยอดชิ้นนี้ได้?.”
“เพราะฉะนั้นการที่ยุทธภัณฑ์ยอดตกอยู่ในมือของเขานั้นนับว่าไม่ได้มีค่าอันใดเลยและยิ่งไปกว่านั้นมันอาจจะนำมาซึ่งภัยพิบัติแห่งโศกนาฏกรรม.”
‘เจี่ย หยาน’ ยังคงบอก
“ใช่แล้ว รองผู้นำตระกูล เจี่ย กล่าวมานั้นถูกต้องแล้ว ชูเฟิงนั้นได้ช่วยพวกเราไว้ตามธรรมชาติแล้วพวกเราต้องแสดงความกตัญญูแก่เขา ข้าผู้นำสำนักหยวนกังยินดีที่จะให้หมื่นลูกแก้วแก่นแท้วิญญาณแก่เขาสำหรับความโปรดปรานที่เขาได้ช่วยชีวิตของพวกเราเอาไว้”
ผู้นำสำนักหยวนกังรีบกล่าว
“สำนักเทพอัคคีก็ยินดีที่จะให้หนึ่งหมื่นลูกแก้วแก่นแท้วิญญาณเช่นกัน”
“นิกายไป๋ของข้าก็เช่นกัน”
“ที่ราบหุบเขาไร้ใจก็ยินดีมอบให้เช่นกัน”
“นอกจากนี้หุบเขาเทพกระบี่ของข้าก็จะให้เจ้าหนึ่งหมื่นเม็ดลูกแก้วแก่นแท้วิญญาณด้วยเช่นกันเพื่อแสดงความกตัญญูของพวกเราสำหรับความโปรดปรานที่เจ้าได้ช่วยชีวิตของพวกเราเอาไว้”
ในเวลาเดียวกันบุคคลชั้นนำจากขุมพลังต่างๆก็ได้แสดงถึงทัศนคติของพวกเขา แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาในตอนนี้นั้นกำลังผลักดัน’ชูเฟิง’ให้ตกหลุมพลางของพวกเขา
“ชูเฟิงตระกูลเจี่ยของข้ายินดีที่จะให้เจ้าถึงสองหมื่นลูกแก้วแก่นแท้วิญญาณเพื่อแสดงความกตัญญูของพวกเราสำหรับความโปรดปรานที่เจ้าได้ช่วยชีวิตของพวกเราเอาไว้ทั้งหมด.”
“ซึ่งในตอนนี้เจ้าไม่สามารถที่จะนำ ขวานอสูรฟ้า นี้ออกไปไหนได้อีกแล้วมันเป็นของพวกเราทุกคนที่นี่.”
‘เจี่ย หยาน’ กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
“หมายความว่าพวกท่านทุกคนคิดจะใช้ลูกแก้วแก่นแท้วิญญาณหลายหมื่นเม็ดเพื่อที่จะซื้อยุทธภัณฑ์ชั้นยอดของข้าอย่างนั้นหรือ”
“รองผู้นำตระกูลเจี่ย ถ้าเกิดมีคนมาเสนอราคานับหมื่นลูกแก้วแก่นแท้ฯเพื่อซื้อเกราะหนามของท่าน ท่านจะขายมันออกไปหรือไม่?”
‘ชูเฟิง’กล่าวออกไปอย่างเย็นชาและเขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่าบุคคลชั้นนำพวกนี้จะเป็นคนที่ไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้ ‘ชูเฟิง’ช่วยพวกเขาด้วยความเมตตาแต่พวกเขากับแสดงถึงความต้องการที่อยากจะครอบครอง ขวานอสูรฟ้า ของ’ชูเฟิง’เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“สหายน้อยชูเฟิง เจ้าอย่าได้กล่าวเช่นนั้น ขวานอสูรฟ้า นั้นเดิมเป็น ราชันย์แห่งยุทธภัณฑ์ชั้นยอด มันจะกลายเป็นของเจ้าได้เพียงแค่เพราะเจ้าสามารถดึงมันออกมาได้อย่างนั้นหรือ?”
รองผู้นำตระกูล ‘เจี่ย หยาน’ กล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเป็นเหมือนดังกับรอยยิ้มของสุนัขจิ้งจอกเฒ่าทั่วไป
“ใช่แล้ว เพื่อนตัวน้อยเจ้าไม่อาจพูดเช่นนั้นได้เพราะเพียงแค่เจ้าสามารถดึงมันออกมาได้แต่มันไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นของเจ้าใช่หรือไม่?”
“ข้าเองก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่สมควรแล้วที่ ขวานอสูรฟ้า ที่เป็นถึงราชันย์แห่งยุทธภัณฑ์ชั้นยอด นั้นจะเป็นของทุกคนที่นี่ เพื่อนตัวน้อยเจ้าไม่อาจกล่าวได้ว่าเจ้าเป็นเจ้าของของมันได้!”
พอเห็นเช่นนั้นเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายเริ่มที่จะโต้แย้งเขาเพียงแต่ในเวลานั้นอำนาจจิตวิญญาณที่แพร่ออกมาจาก ขวานอสูรฟ้า ในมือของ’ชูเฟิง’นั้นมันก็ได้เกิดการหดตัวอย่างรวดเร็วและหายไปในมือของเขา ขวานที่ยาวถึงสองเมตรและมีขนาดที่ใหญ่เป็นจริงมันได้หายเข้าไปในมือของเขา
“นั้นมันเกิดอะไรขึ้น? ยุทธภัณฑ์ชั้นยอดหายไปไหน.”
พอเห็นฉากนี้แล้วใบหน้าของผู้นำสำนักหยวนกังและเจ้าสำนักเทพอัคคีถึงกลับมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากและพวกเขาก็ได้ตื่นตระหนกอย่างเหลือใจ ตาของเขากว้างขึ้นอย่างรุนแรงและพวกเขาก็เริ่มที่จะมองหาขวานอย่างเอาเป็นเอาตายไปรอบทุกทิศทางยุทธภัณฑ์ชั้นยอดนั้นมันกล่าวได้ว่ามันได้ดึงดูดความสนใจของพวกเขานั้นมากจนเกินไป
พวกเขาทุกคนนั้นล้วนที่อยากจะได้มันมาครอบครอง เพราะหลังจากที่ใครก็ตามที่มียุทธภัณฑ์ชั้นยอดนั้นพวกเขาจะได้รับการยอมรับขึ้นเป็นบุคคลชั้นนำของระดับทวีป 9 อาณาจักรยกตัวอย่างเช่นหุบเขาเทพกระบี่แต่เดิมพวกเขานั้นเป็นขุมพลังอำนาจขนาดเล็กแต่หลังจากที่เขาได้รับยุทธภัณฑ์ดาบไม้ทวยเทพมาครอบครองมันก็ทำให้ตำแหน่งของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและกลายเป็นที่ยอมรับของเหล่าบุคคลชั้นนำในทวีป 9 อาณาจักร
“ช้าก่อน. พวกเจ้าทุกคนไม่จำเป็นต้องตกใจ. “
เพียงแค่ในเวลานั้นรองเจ้านิกายดูเหมือนอยู่ในลักษณะที่ดูสงบผิดปกติ เขาจ้องแน่นไปที่ฝ่ามือของ’ชูเฟิง’และกล่าวว่า
“ชูเฟิงเจ้าสามารถเปิดฝ่ามือของเจ้าให้พวกเราดูได้หรือไม่?”
หลังจากได้ยินคำพูดเช่นนั้นพวกเขาทุกคนได้อาศัยการมองตาของพวกเขาจ้องไปที่ฝ่ามือ’ชูเฟิง’อย่างรวดเร็วและเมื่ออยู่ในสถานการณ์เช่นนี้’ชูเฟิง’จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ทำตามเขาจึงได้เปิดฝ่ามือของเขาออก
“โอ้ว..สวรรค์! นี้มัน…”
และหลังจากที่ได้เห็นฝ่ามือของ’ชูเฟิง’อย่างชัดเจน นอกจากนิกายโลกวิญญาณกับตระกูลเจี่ยแล้วนั้นพวกเขาเกือบทุกคนตกอยู่ในอาการที่ตกใจมากใบหน้าของะพวกเขาทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจเพราะในฝ่ามือของ’ชูเฟิง’นั้นมันได้มีภาพอยู่รูปหนึ่ง ซึ่งมันไม่ได้เป็นรูปใดอื่นมันคือรูปของขวานอสูรฟ้าที่หายไปต่อหน้าพวกเขา
ขวานอสูรฟ้า นั้นมันได้ถูกตราตรึงอยู่ในใจกลางของฝ่ามือ’ชูเฟิง’ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ภาพแต่มันเองนั้นก็ยังสดใสเหมือนกับของจริง แต่เมื่อพวกเขาได้มองลงไปยังภาพรูปนั้นพวกเขาก็ได้เกิดความคิดที่น่าลำบากใจขึ้นมาว่าเหตุใดทำใม ขวานอสูรฟ้าถึงได้ หดลงไปอยู่ในฝ่ามือของ’ชูเฟิง’ได้
“นี่หรือว่ามันยอมรับเจ้าเป็นนายของมัน! มันเป็นราชันย์แห่งยุทธภัณฑ์ชั้นยอดและมันยังสามารถที่จะเลือกนายของมันได้!”
ในทันทีผู้คนต่างตระโกนออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง ใบหน้าของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยอาการช็อกพร้อมกับมีความชื่นชมและอิจฉาริษยา แม้แต่สายตาของรองผู้นำตระกูลเจี่ย ‘เจี่ย หยาน’ ยังกลายเป็นที่ซับซ้อนมากขึ้นและไม่อาจมีใครล่วงรู้ได้ว่าสิ่งที่เขาวางแผนไว้นั้นมันคืออะไร
“ต้าน ต้าน มันเกิดสิ่งใดขึ้น? ทำใมยุทธภัณฑ์ชั้นยอดมันถึงได้เข้ามาฝังอยู่ในฝ่ามือของข้าได้”
ในความเป็นจริง’ชูเฟิง’รู้สึกได้ว่ายุทธภัณฑ์ชั้นยอดนั้นได้เข้ามาอยู่ในฝ่ามือของเขาแต่เขาเองนั้นกลับไม่สามารถที่จะรับรู้ได้ว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่
“เจ้าโง่! มันเป็นถึงราชันย์ของยุทธภัณฑ์ชั้นยอดและมันยังสามารถรับรู้นายของมันได้เอง และในตอนนี้มันได้ยอมรับเจ้าเป็นนายของมันซึ่งตอนนี้มันและเจ้าได้รวมกันกลายเป็นหนึ่งเดียวเรียบร้อยแล้วซึ่งนอกจากตัวเจ้าเองแล้วจะไม่มีใครที่สามารถจะใช้มันได้อีก”
‘ต้าน ต้าน’ อธิบาย
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วย? นั้นก็หมายความว่าเกราะหนามของเจี่ย ฉิงหมิง และ ดาบไม้แห่งทวยเทพ ของ มู่หรง ก็ยังไม่ได้ยอมรับโดยพวกเขาน่ะซิ? ”
ชูเฟิงถาม
“แน่นอนว่าไม่ได้ นี่เจ้าคิดว่าทุกยุทธภัณฑ์ชั้นยอดนั้นจะสามารถรับรู้นายได้รึยังใง? ยุทธภัณฑ์ที่สามารถเป็นกษัตริย์ในหมู่ยุทธภัณฑ์ได้นั้นมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในหมู่ยุทธภัณฑ์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของพลังอำนาจหรือคุณภาพยุทธภัณฑ์ชั้นยอดธรรมดาอย่างพวกนั้นก็ไม่อาจที่จะนำมาเทียบเคียงกับของเจ้าได้และรวมไปถึงยุทธภัณฑ์ชั้นยอดอื่น ๆ อีกด้วย”
“ซึ่งนั้นก็หมายความว่าต่อหน้า ขวานอสูรฟ้า ของเจ้าไม่ว่าจะเป็นเกราะหนามของ เจี่ย ฉิงหมิง หรือ ดาบไม้ ของ มู่หรง พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะนำมาต่อกรกับ ขวานอสูรฟ้า ของเจ้าได้ มีเพียงแต่ราชันย์ยุทธภัณฑ์ชั้นยอดเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาต่อกรกับ ขวานอสูรฟ้าของเจ้าได้”
‘ต้าน ต้าน’ อธิบาย
#################################################################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 3 หัวดอที่จะมาเผาชูเฟิงไปพร้อมกลับคุณ
1 : ง่ะอาวุธไหม่ไชไรกว่าเดิม ว่าแต่ฝังมือแบบนี้ พี่เจี่ย หยาน แกจะทำเช่นไร
2 : นั้นน่ะซิ 1
1 : ชักเป็นห่วงบักเฟิง
2 : นั้นน่ะซิ 1
3 : เหอะ ต้าน ต้าน อธิบายซะโหดเชียวนะ แต่มันก็แค่แรกๆเท่านั้นแหละโด่ววว หลังๆ ก็กาก ใช้แล้วก็ทิ้งเหมือนผู้หญิงอ่
เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ดูดิตอนแรกๆ เฮอซูเหม่ย แต่ไปไปมามา ดันไปเอากับซูรู่ แต่พอทั้งสองโดนผนึกก็มาจู๊จี๊กับ
จือหลิง เนี่ยก็เงีย โธ่บักเฟิงขี้กาก
1,2 : เอาตามที่มึงสบายใจ
3 : อ่ะแน่นอนเพราะนี่มันเรื่องของกูปากกูกูจะพูดยังใงก็ได้ อย่างน้อยๆ กูก็ไม่ได้ไปพูดข้างหูพ่..งมึง!!
1,2 : ไอ้สัส
#################################################################################################
…..####เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ : นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุก
ที่มา: