ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแปลโดย : Gal2oN
“พี่เซียวหยาววว…”
‘ซ่งหาน’พูดขึ้นขณะที่ตัวเองกำลังช่วยพยุง’มัทฉะ’อยู่ว่า
“มัทฉะเมาเละไปและเพราะฉะนั้นผมจะพาเธอกลับนะ พี่ก็…พี่ก็ควรที่จะ…ดูแลสองสาวนั่น อย่าเผลอไปเอาเปรียบพวกเธอที่ไว้ใจละพี่ 5555…”
ผมมองหน้ามันทีนึงก่อนพูดขึ้นว่า
“ไปไกลๆตีนเลยป่ะ…”
“555 ไปละคร้าบบ!”
‘ซ่งหาน’พยุง’มัทฉะ’ขึ้นและเริ่มพาเธออกไปจากห้อง ขณะที่เขากำลังเปิดประตู ‘มัทฉะ’ก็จับขอบประตูไว้แล้วหันกลับมาพูดว่า
“โอ๊ะโอ คืนนี้บอสจะถูกสองสาวนั้นกินตับแล้วใช่มั้ยเอ่ยยย?”
‘ซ่งหาน’ไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่ตอบไปว่า
“จะไปกังวลแทนเค้าทำไมฮะ ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวชั้นจะพาเธอกลับไปที่ห้องก่อนที่หรันหมิ่นกับหลิวหย่งจะมากินตับเธอแทน…”
ผมเองก็ยืนขึ้นเช่นกันและขณะที่พยุง’ตงเฉิง’ขึ้น ผมก็สั่งว่า
“เสี่ยวฮุ่ยหลาน*พอพามัทฉะกลับห้องได้อย่างปลอดภัยแล้วโทรหาพี่ด้วยนะ!”
Gal2oN : little wolf = เสี่ยวฮุ่ยหลาน = ซ่งหาน (ผมเอาชื่ออังกฤษไปใส่ google translate เป็นภาษาจีนเอานะครับ)
“ได้ครับเพ่!”
‘ซ่งหาน’พยักหน้าอย่างมั่นใจ
“ไม่ต้องห่วงครับพี่เซียวเหยา ตราบใดที่ผมยังอยู่ผมจะไม่ปล่อยให้มีอะไรเกิดขึ้นกับมัทฉะเด็ดขาด”
ผมรู้นิสัยของ’ซ่งหานดี’ เด็กคนนี้เป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก อารมณ์ดีอยู่เสมอและไม่เคยกลับคำพูดของตัวเอง ตอนที่’มัทฉะ’เข้ามาในสตูดิโอของพวกเรา ผมบอกพวกเขาให้ดูแลเธอในฐานะลูกทีมคนหนึ่งและห้ามมีความคิดสัปดนเกี่ยวกับเธอโดยเด็ดขาดไม่เช่นนั้นแล้วจะถือว่าพวกเค้าไม่เหมาะที่จะเป็นสมาชิกของ [Zhan Long]
และผมก็คิดว่า’ซ่งหาน’เข้าใจสิ่งที่ผมบอกไปอย่างแจ่มแจ้ง เค้าควบคุมตัวเองได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับ’หรันหมิ่น’และ’หลิวหย่ง’ นอกจากนี้เค้ายังเอาชนะสองคนนั้นได้อย่างง่ายๆอีกด้วยดังนั้นผมจึงไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมากนัก ….
หลังจากที่สมาชิกสตูดิโอพากันออกไปแล้วเหลือเพียงแค่’ว่านเอ๋อ’ ‘ตงเฉิง’แล้วก็ผมเท่านั้น ขณะที่มองไปยังสองสาวคนงาม ผมพลันรู้สึกปวดหัวอีกครั้ง ยังดีนะที่ผมไม่เมาเท่าไรไม่งั้นแล้วผมคงไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง แม้ว่าผมจะสร่างเมาแค่ 80% แต่ผมก็ยังรู้สึกสบายๆอยู่
“ว่านเอ๋อ กลับบ้านกันเถอะ!”
ผมก้มหัวและยิ้มให้กับว่านเอ๋อ
“มาเถอะ ทำไมคุณหนูไม่มาคล้องแขนผมไปละครับ?”
‘ว่านเอ๋อ’หัวเราะกล่าวว่า
“ไม่จำเป็น ชั้นไม่ได้เมาซักหน่อย ชั้นเดินเองได้น่า…”
ผมพยักหน้าพูดว่า
“โอเค งั้นไหนเธอลองเดินให้ผมดูหน่อยสิ้”
‘ว่านเอ๋อ’ยืนเซไปเซมาแล้วก็หัวเราะ พอเดินไปได้สามก้าวเธอก็ล้มลงและผมก็เข้าไปจับเธอไว้ในทันที ขณะที่เธอกำลังจับแขนผมอยู่ ผมก็ถามว่า
“ยังอยากจะเดินเองอยู่มั้ยครับคุณหนู?”
“ไม่อาวแล้วว…”
เธอยิ้ม
“เข่าของชั้นเจ็บอ้ะ…และชั้นก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมมันเจ็บ แงง”
เอิ่ม
“ยัยเด็กนิสัยเสียเอ้ย…”
…. ผมเดินออกไปนอกประตูขณะที่โอบเอว’ว่านเอ๋อ’อยู่ทางด้านซ้ายและก็กอด’ตงเฉิง’ไว้ทางด้านขวา บนถนน สารรูปของผมดึงดูดความอิจฉาได้จากผู้ชายหลายคนเลยทีเดียว ผมได้ยินกระทั่งคนพูดว่า
“ไอ้เด็กนั่นมีผู้หญิงสองคนอยู่ในอ้อมแขนเลยว่ะ…มันคงจะสนุกสนานสุดๆเลยสินะคืนนี้ ข้าขอให้มันตายเพราะหมดแรงทีเถอะ สาธุ”
ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มและปล่อยให้พวกเค้าพูดกันไป ผมไม่มีปัญหาใดๆในการกลับหอในสภาพนี้ ตามทางที่พวกเราเดินผ่าน ผมเห็นกระทั่งคนของ’หลินเทียนหนาน’ที่ปลอมเป็นพนักงานทำความสะอาด มันก็ชัดเจนอยู่แล้วละนะว่าเขาไม่ใช่พนักงานเพราะใครที่ไหนมันจะใช้เวลาทั้งวันเดินไปเดินมาอยู่รอบๆมหาวิทยาลัยด้วยกล้ามล่ำๆแบบนั้นกันล่ะ
ไม่มีทางที่เขาจะเป็นแค่พนักงานทำความสะอาดอยู่แล้วล่ะ จริงมั้ย…
ผมยังคงกังวลอยู่ว่าพวกเธอทั้งสองคนจะเดินขึ้นบันไดกันไปยังไง ดังนั้นผมจึงพาพวกเธอนั่งพักบนม้านั่งแห่งหนึ่งในสวนสาธารณะ ผมจับมือ’ว่านเอ๋อ’และพูดว่า
“ว่านเอ๋ออยู่ที่นี่กับตงเฉิงซักแป๊ปนึงนะ ผมจะไปซื้อชาแดงมาช่วยพวกเธอสร่างเมาหน่อย”
‘ว่านเอ๋อ’กอดแขนผมไว้และพูดว่า
“หลี่เซียวเหยา อย่าไปนะ…”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เธอมองมาที่ผมอย่างเมามายขณะที่มุมปากของเธอเม้มขึ้น
“ชั้นไม่รู้… ชั้นแค่…ชั้นแค่ไม่อยากจะให้นายไปอ่ะ ช่วยอยู่กับชั้นซักพักได้มั้ย?”
“โอเค งั้น….”
ผมนั่งลงถัดไปจากเธอและเธอก็เคลื่อนแขนมากอดผมไว้พร้อมกับซุกหน้าของเธอลงบนอกของผม เธอหายใจตะกุกตะกักราวกับว่าตำแหน่งของเธอนั้นไม่สบายตัว เธอเอียงตัวขึ้นคล้องแขนตัวเองไว้ที่คอของผมก่อนที่จะกอดผมและซุกหน้าของเธอลงบนอกของผมอีกครั้ง
เธอคายลมหายใจอุ่นๆอยู่ในอ้อมกอดของผมพลางกล่าวว่า
“เกิดอะไรขึ้นกับชั้นกันนะ…ชั้นรู้สึกว่านี่มันไม่ใช่ตัวชั้นเลย…”
ผมลูบหลังเธอและยิ้มตอบ
“ยัยบ๊องเอ๊ยย…”
‘ว่านเอ๋อ’เงยหัวขึ้นมามองผมและหัวเราะว่า
“นายก็ต๊องเหมือนกันนั่นแหละ ตาบ้า…”
“นี่ใช่ personal attack รึเปล่าเนี่ย? หืออ”
“ถ้าเป็น personal attack* แล้วจะทำไมฮะ?”
Gal2oN : personal attack = การโจมตีที่ตัวบุคคล อารมณ์ว่าถกเถียงกันเรื่องนึงอยู่ แต่อยู่ๆก็มาด่าคนพูดเฉย ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เถียงกัน ผมไม่รู้จะใช้คำพูดว่ายังไงดีเลยแทนทับศัพท์ไปนะครับ ถ้าใครมีคำดีๆเม้นบอกหน่อยนะ
“ผมจะทำอะไรได้ละครับ? ก็คุณหนูแข็งแกร่งกว่าผมนี่นา…”
หน้าของ’ว่านเอ๋อ’พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำและเธอก็ได้แต่ซุกหน้าลงบนอกของผมต่อ ส่วนอีกด้านหนึ่ง’ตงเฉิงเยว่’นี่ดูท่าจะเมาหนักเพราะตอนที่อยู่บนเก้าอี้เธอก็เลื้อยลงจับขาผมและสุดท้ายก็ปีนขึ้นมานอนบนตักผมซะงั้น ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรจนกระทั่ง
ในที่สุด’ซ่งหาน’ก็โทรมาหาผม ผมมองไปที่มือถือก็เห็นว่านี่มันสี่ทุ่มเข้าไปแล้วและลมหนาวยามค่ำคืนก็เย็นขึ้นเรื่อยๆ ผมว่าผมควรที่จะไปหาชาแดงมาให้สองสาวดื่มได้แล้วไม่งั้นแล้วพวกเราคงได้นอนข้างนอกกันยาวแน่ๆ
ในตอนนั้นเองผมเงยหน้าขึ้นและรู้สึกได้ถึงแสงอันคุ้นเคยที่อยู่ใกล้ๆกับบ่อน้ำพุของมหาลัย หลังจากมองไปอยู่ซักพักผมก็จำได้ว่ามันคือแสงสะท้อนจากลำกล้องของสไนเปอร์ไรเฟิล ผมแทบจะหายเมาในทันทีเพราะใกล้ๆกับบ่อน้ำพุนั้นมันคือปืนสไนเปอร์ที่กำลังจ่อมาที่ผม
‘ว่านเอ๋อ’และ’ตงเฉิง’ ผมไม่จำเป็นต้องคิดอะไรอีกเพราะคนๆนั้นจะต้องเป็นคนของ’หลินเทียนหนาน’อย่างแน่นอน ผมจับแขน’ว่านเอ๋อ’และสั่นแขนเธอเบาๆ
“ว่านเอ๋อ ตื่นเถอะ!”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เธอตอบพลางเปิดตาขึ้นมา
“ดูแลตงเฉิงด้วย ผมจะไปซื้อชาแดงมาให้พวกเธอก่อน นี่คุณหนูคงหิวน้ำแย่แล้วสิใช่มั้ย?”
‘ว่านเอ๋อ’เบิกตากว้าง
“เอ๋ นายรู้ได้ไงเนี่ย?”
“ผมเดาเอาน่ะ…”
“โอเคค”
เธอลุกขึ้นนั่งขยับตัว’ตงเฉิง’ออกจากตักของผมและยิ้มว่า
“งั้นนายก็รีบไปรีบมาล่ะ!”
“คร้าบบ!”
…. ผมยืนขึ้นและตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆดังนั้นสองสาวน่าจะปลอดภัยแล้ว ผมก็เดินไปที่ตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติและแฝงตัวเข้าไปในป่า ผมพุ่งตัวเข้าไปในสวนเล็กๆแห่งนี้และใช้พลังปราณราวกับว่าผมกดใช้ [Haste] อยู่ ผมเข้ามาถึงบริเวณน้ำพุในสิบนาทีและปีนขึ้นไปบนเนินเขาอย่างเงียบเชียบ
บริเวณด้านหน้าของน้ำพุ มือปืนกำลังนอนพลางตัวอยู่บนเนินเขา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมกำลังแอบอยู่ด้านหลัง แกร้ก ผมเดินเหยียบกิ่งไม้อย่างจงใจ ส่งผลให้เขาหันกระบอกปืนไปรอบๆทันที ผมพุ่งตัวไปด้านหน้าเพียงก้าวเดียวพร้อมกับลมปราณอันเย็นยะเลือกกลางฝ่ามือของผมจากนั้นผมก็ฟันเข้าไปทางด้านขวาของเค้า
ฉัวะ! ปืนไรเฟิลขาดออกเป็นสองท่อน แล้วเขาก็จะไม่มีทางยิงปืนใส่ผมได้อีก ศัตรูพลันก้มลงหยิบมีดที่ซ่อนอยู่ในรองเท้าขึ้นมา การเคลื่อนไหวนั้นยืดหยุ่นมากซะจนผมบอกได้เลยว่านี่ต้องเป็นทหารชำนาญศึกอย่างแน่นอน ถ้าผมไม่ใช้พลังปราณปกปิดตัวเองแล้วเขาก็คงจะจับสัมผัสผมได้ก่อนที่ผมจะเข้ามาใกล้ได้ขนาดนี้
ผมเตะใส่เขาอย่างดุดันเกิดเสียงดัง พลั่ก! ปืนอีกครึ่งกระบอกที่เหลือพลันหล่นลงกับพื้น ผมปัดมีดออกจากมือของเขาด้วยเช่นกันแล้วเปลี่ยนเป็นกดใบมีดพาดลำคอของเขาแทน
“ไอ้หนู นี่แกต้องการจะทำอะไรน่ะ?”
เขามองมาที่ผมอย่างตื่นตระหนก ผมเพิ่มแรงไปที่ข้อมืออีกเล็กน้อยส่งผลให้ใบมีดกรีดเข้าไปที่ผิวหนังของเขา มีเลือดออกมาบางๆในทันที ผมมองไปที่เขาและพ่นคำพูดออกมาอย่างเย็นชา
“ผมบอกหลินเทียนหนานไปแล้วว่าอย่าให้ใครมาจ่อปืนใส่ผม กลับไปบอกเค้าด้วย มิฉะนั้นแล้วครั้งต่อไปที่เราเจอกัน ผมจะฆ่าคุณซะ คุณจะลองดูก็ได้นะถ้าคุณไม่เชื่อน่ะ”
ใบหน้าของเขาซีดเผือดและยังคงไม่พูดอะไรออกมา ผมสะบัดมีดออกไปยังพุ่มไม้บนเนินเขาก่อนจะกระโดดลงมาเหนือน้ำพุเกือบสิบเมตรด้วยการใส่พลังปราณไว้ที่ใต้ฝ่าเท้า แล่นลงสู่พื้นดินอย่างนุ่มนวล ผมมองไปที่มือปืนอีกครั้งและพูดว่า
“แล้วคุณจะรออะไรอยู่อีกละครับ? คุณหนูหลินกำลังเมาอยู่ ผมต้องอยู่เป็นเพื่อนเธอขณะคุณไปซื้อชาแดงมาช่วยให้เธอหายเมานะครับ”
สไนเปอร์ได้แต่ตอบอย่างงุนงงว่า
“อ่ะ..โอเค…”
….. ขณะที่กลับไปยังม้านั่งผมก็เห็น’ตงเฉิงเยว่’นอนหลับอุตุอยู่ข้างๆไหล่ของ’ว่านเอ๋อ’ ผมนั่งลงอย่างเงียบๆและ’ว่านเอ๋อ’ก็มองมาที่ผมพลางถามว่า
“อ้าว แล้วไหนชาแดงล่ะ?”
ผมยักไหล่ตอบว่า
“รอแป๊ปนึงนะครับ เดี๋ยวก็จะมีคนมาส่งให้ล่ะ”
“ว้าวว เดี๋ยวนี้มีบริการดีจัง มีบริการส่งของจากร้านสะดวกซื้อด้วยเหรอเนี่ย?”
“ช่ายย ผมคิดว่าร้านสะดวกซื้อคงจะเริ่มเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทขนส่งเพื่อบริการที่ดีกว่าแล้วล่ะนะ…”
“เหลวไหลชะมัด….”
หลังจากนั้นไม่นานนายทหารรับจ้างก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับชาแดงสองขวด เขาส่งชาให้ผมและหายไปในความมืดโดยที่ไม่ได้พูดอะไร เขาคงรู้ตัวเองดีว่าจะต้องอยู่ในเงาเท่านั้นและไม่ควรจะปรากฏตัวต่อหน้า’ว่านเอ๋อ’และ’ตงเฉิง’
ครั้งนี้มันเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น หลังจากผมส่งชาให้’ว่านเอ๋อ’และ’ตงเฉิง’แล้ว พวกเธอก็ดูจะสร่างเมาขึ้นเล็กน้อย ‘ว่านเอ๋อ’ยืนขึ้นและยิ้มกล่าวว่า
“โอเค เดี๋ยวชั้นจะช่วยพาตงเฉิงขึ้นบันไดเอง นายก็ควรจะไปพักผ่อนได้แล้วนะ พวกเราต่อสู้กันมาเกือบทั้งวันดังนั้นนายจะได้ต้องเหนื่อยมากแน่ๆเลย พักผ่อนซะนะจะได้มีแรงไว้ต่อสู้กับยอดฝีมือคนอื่นๆในวันพรุ่งนี้ มันคงจะดีมากเลยถ้าพวกเราได้เจอกันในรอบชิงชนะเลิศน่ะนะ”
ผมพยักหน้าตอบ
“อ่าห้ะ ผมจะพยายามให้เต็มที่เลย!”
“โอเค!”
…. หลังจากที่แน่ใจว่าพวกเธอสองคนขึ้นบันไดไปแล้ว ผมก็กลับมาที่ห้องของตัวเองและนอนหลับทันที วันต่อมาผมถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ เป็นสายจาก’ว่านเอ๋อ’นั่นเอง
“ตื่นได้แล้วตาขี้เซา นี่มันสิบโมงแล้วนะยะ คุณพ่อมาหาชั้นและบอกว่าจะเลี้ยงข้าวพวกเราด้วย อาหารจะเริ่มเสิร์ฟตอน 10.30 และพวกเราจะต้องเสร็จตอนเวลา 11.30 จะได้มีเวลากลับไปเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันนะ”
“โอเค ผมเข้าใจแล้วครับ…”
ผมลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและทำความสะอาดร่างกาย ในเวลาเดียวกันนั้นผมก็รู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อยที่’หลินเทียนหนาน’มาหา มันจะต้องเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อคืนอย่างแน่นอน… …
ในภัตตาคารนอกมหาวิทยาลัยที่’หลินเทียนหนาน’จองเอาไว้ ‘ตงเฉิง’ ‘ว่านเอ๋อ’และผมเข้ามารับประทานอาหารอย่างมีความสุข ‘หลินเทียนหนาน’มีบอดี้การ์ดติดตามมาเล็กน้อยและพูดคุยกับลูกสาวอีกนิดหน่อย
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเขาก็มองมาที่ผมและพูดว่า
“หลี่เซียวเหยา ออกมาข้างนอกหน่อย ชั้นมีเรื่องจะคุยกับนาย!”
“ครับผม!”
ผมพยักหน้าและตามเขาออกไปข้างนอก ‘หลินเทียนหนาน’หันหลังให้ผมและกล่าวว่า
“เมื่อคืน นายเอาชนะคนของชั้นได้สินะ นายนี่มันเก่งจริงๆ ฮึ!”
ผมไม่แก้ตัวอะไรทั้งนั้นและกล่าวว่า
“ผมไม่ต้องการให้ใครมาจับตามองผมตลอดเวลา หวังว่าคุณจะเข้าใจ!”
“เข้าใจงั้นเหรอ? เข้าใจอะไรล่ะ?”
‘หลินเทียนหนาน’หันกลับมามองที่ผม
“หลี่เซียวเหยา นายกำลังทำเรื่องราวให้มันซับซ้อนนะ ชั้นต้องการที่จะควบคุมทุกอย่างแต่นาย นายต่อต้านชั้นตลอดเวลา บอกชั้นมาซิ ว่านายเข้าใกล้ว่านเอ๋อเพราะมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”
“จุดประสงค์…”
ผมหายใจเข้าอย่างหนักหน่วง มองไปที่เขาและกล่าวว่า
“จุดประสงค์ก็คือวันใดที่คุณไม่สามารถปกป้องเธอได้อีกต่อไป ผมจะอยู่ข้างเธอเพื่อทำมันแทนเอง!”
‘หลินเทียนหนาน’ลังเลเล็กน้อยก่อนเริ่มจะหัวเราะตอบว่า
“ตกลง ไปรับประทานอาหารเถอะ กินเยอะๆล่ะ!”
“ครับ”
…. ในช่วงบ่าย ผมกลับมาที่หอพักและเข้าออนไลน์เพื่อที่จะเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้น
ปล.เกือบไปแล้วมั้ยละมึง บักเซียวเหยา ดีนะ พูดถูกใจคุณพ่อ 555
ที่มา: