ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป” เจ้าเป็นใคร ??? พรรคแสงส่องนภาและเจ้าไม่เคยมีความแค้นอะไรต่อกัน ทำไมเจ้าถึงบุกเข้ามาและยังทำร้ายคนของข้า “
ในตอนนั้น ‘หยาน หยางเทียน’พูดในฐานะที่เขาเป๋นประมุขพรรค ดังนั้นเขาจึงต้องออกหน้าในเวลาแบบนี้
ทันในนั้น คนทั้งตำหนักก็วิ่งไปล้อม’ชูเฟิง’และ’จื่อหลิง’ ถึงแม้ว่า ‘ชูเฟิง’จะแข็งแกร่งอย่างมาก แต่ภายนอกพลังวิญญาณของเขาก็อยู่แค่ระดับ 6 แก่นแท้วิญญาณ แต่ไม่ว่ายังไงพวกนั้นก็ยังคงไม่คิดจะประมาท โดยเห็นว่าเขาเป็นแค่เด็กหนุ่ม โดยเฉพาะ ‘หยาน หยางเทียน’ ที่อยู่ในอาณาจักรสวรรค์ระดับ 1 เพื่อรักษาหน้าและจุดยืนเขาจึงไม่คิดที่จะกลัว ‘ชูเฟิง’
แต่ภายในหัวใจของพวกเขาไปจดจ่ออยู่ที่ ‘จื่อหลิง’ เพราะความงามนั้นได้มาอยู่ต่อหน้า เพื่อไม่ให้ ‘ชูเฟิง’ และ ‘จื่อหลิง’ ออกไปจากที่นี่ พวกเขาจึงคิดจะต้อนนางให้จนมุม
” เสียงนี้มัน!!! “
ในเวลาเดียวกันที่เขาได้ยินเสียง ‘หยาน หยางเทียน’ ‘ชูเฟิง’ก็ดึงหน้าขมวดคิ้ว อย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ยิงสายตาไปที่ ‘หยาน หยางเทียน’ จากนั้นดวงตาของเขาก็ลุกวาว และดูมีความสุขภายในจิตใจ ความแค้นที่เขาเก็บไว้มานานตอนนี้มันได้พวยพุ่งออกมาอีกครั้ง
เป็นเพราะ ‘ชูเฟิง’ รู้ได้ทันที ว่า ‘หยาน หยางเทียน’ ผู้นี้ คือเจ้าสำนัก หลิงหยุน ที่ทำลายสำนักมังกรฟ้าจนพินาศ และเกือบจะฆ่าเขา” หยาน หยางเทียน เจ้าจำข้าได้มั้ย ? “
‘ชูเฟิง’ตะโกนใส่เสียงดัง
” อ้า . . . . .แล้วเจ้าเป็นใคร ? “
หลังจากได้ยินเสียงของ ‘ชูเฟิง’ สีหน้าของ ‘หยาน หยางเทียน’ ก็ได้แต่เปลี่ยนไปเดิมใบหน้าที่สงบเยือกเย็นตอนนี้กับเต็มไปด้วยความตกใจ
จากนั้นเขาก็เริ่มมอง ‘ชูเฟิง’อีกครั้ง หลังจากที่ได้ยินเสียงของ’ชูเฟิง’ เพราะเขารู้สึกว่ามันคุ้นๆมาก คับคล้ายคับคลากับคนที่เขาเคยรู้จักมาก่อน และคนๆนั้นยังเป็นคนที่เขาหวาดกลัวที่สุด และยังเป็นคนทีเขาไม่อยากเจอมากที่สุด
” อะไร ? เจ้าจำข้าไม่ได้งั้นหรอ หรืออยากให้ข้าเตือนความจำเจ้า “
‘ชูเฟิง’ถาม และขณะที่เขาพูดเขาก็แสยะยิ้มให้กับ ‘หยาน หยางเทียน’
” นี่เจ้า!!! เรื่องแบบนี้เป็นไปได้ยังไง ? เจ้าสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้งั้นหรอ!! “
ในที่สุด ‘หยาน หยางเทียน’ ก็ยืนยันได้ จากสัญชาตญาณ เขาบอกได้เลยว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือ ‘ชูเฟิง’
ตอนนั้น ความกลัวภายในจิตใจของเขาก็เริ่มก่อตัวขึ้น ขาของเขาอ่อนปวกเปียกแทบจะล้มลงกับพื้น ในไม่ช้า เขาก็รีบพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และต้องการจะหนีผ่านช่องโหว่ที่ ‘ชูเฟิง’ และ ‘จื่อหลิง’ สร้างไว้
” เจ้าคิดว่าจะหนีไปได้งั้นหรอ ? “
เห็นแบบนั้น ออร่าของ’ชูเฟิง’เพิ่มขึ้นเป็นระดับ 8 แก่นแท้วิญญาณอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็สร้างรูปแบบอำนาจฯผนึกรอบๆจนครอบคลุมทั้งตำหนัก
*** ตูมม ****
‘หยาน หยางเทียน’ ที่ไม่สามารถพบการวางรูปแบบฯของ’ชูเฟิง’ เขาตอนนั้นจึงทุ่มพลังทั้งหมดไปในการหลบหนี โดยไม่คิดว่าเขาจะพบกับอุปสรรค์ ตอนนั้นเขาเอาหัวชนกับรูปแบบอำนาจฯอย่างจัง จนสมองแทบจะไหลทะลัก ตอนนั้นเขาล่วงลงกับพื้นขณะที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
” วิ่ง!!!!! ทุกคนวิ่งหนีเร็ว!!!! “
หลังจากที่ล้มลงบนพื้น ‘หยาน หยางเทียน’ รู้ว่าวันนี้หายนะคงมาถึงแล้ว อีกทั้ง’ชูเฟิง’ก็ยังเป็นเหมือนดั่งในข่าวลือ ดังนั้นเขาจะได้แต่ทำท่าทางพร้อมกับตะโกนบอกคนที่อยู่ภายในตำหนัก
” ประมุขหยาน มันเกิดอะไรขึ้น ? “
ผู้คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว สงสัยว่าทำไม ‘หยาน หยางเทียน’ถึงได้กลัวแบบนั้น
” ประมุขหยาน ไม่มีอะไรที่เราต้องกลัว พวกเขาก็แค่สวะสองตัว ท่านไม่ต้องทำอะไรเลย แค่พวกเราก็สามารถจับมันได้ “
” ถูกต้อง ไอ้เด็กบ้านี่มันช่างโอหังยิ่งนัก บังอาจทำให้ เอ๋อนิ๋ว บาดเจ็บและยังทำลายไอ้จู๋ของเขา!!! เราจะทำให้มันทรมานยิ่งกว่าตาย “
” ส่วนแม่นางคนนั้น . . . . เหตุใดเราต้องฆ่า เสียดายความงดงามของนางเปล่าๆ เราต้องให้นางมีชีวิตอยู่พร้อมกับค่อยๆสนุกกับเรือนราง ตอนนี้นางยังเด็ก แล้วหากวันหน้านางโตขึ้น นางจะยิ่งน่ากินกว่านี้!!! “
กลุ่มของเดรัจฉานยังไม่รู้ตัวว่าวันสุดท้ายมาถึง พวกเขายังคิดว่าจะสามารถฆ่า ‘ชูเฟิง’แล้วเล่นสนุกกับ’จื่อหลิง’
” ไอ้พวกโง่ยอมเชื่อที่ข้าบอกแล้วไปซะ ตอนนี้ยังไม่รู้อีกว่าความตายมาถึงแล้ว เจ้ารู้จักมันไม๊ มันนั้นแหละ ชูเฟิง !!! “
‘หยาน หยางเทียน’ ตะโกนออกมา
” อะไรนะ ? ชูเฟิง ? “
” ฮ่าๆ ประมุขหยานท่านที่ชอบพูดอะไรตลกๆอยู่เรือย หน้าตาเขาเหมือนกับ ชูเฟิง ที่ไหน ?? “
” ฮ่าๆๆๆ!!!! มุขนี้ของท่านมันเก่าแล้ว หามุขใหม่ดีกว่านะท่าน “
ผู้คนต่างพากันหัวเราะเสียงดัง เพราะพวกเขาคิดว่า ‘หยาน หยางเทียน’ กำลังล้อเล่น พวกเขาทั้งหมดเคยเห็นภาพในประกาศจับ และดูยังไงเขาก็ไม่เหมือน ‘ชูเฟิง’
” ฮ่าาาๆๆ!!! ประมุขหยาน มุขของท่านมันตลกจริงๆ ดูยังไงข้าถึงได้ไปเหมือน ชูเฟิง ? ทุกคนดูสิ ข้า เหมือน ชูเฟิง ที่ไหน? “
‘ชูเฟิง’หัวเราะอย่างบ้าคลั้งร่วมกับผู้คน แต่เสียงหัวเราะเขานั้นดูไม่ปกติ
ในเวลาเดียวกัน ใบหน้าของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยน จากนั้นไม่นานมันก็กลับไปเป็นใบหน้าเดิมของเขา ที่เหมือนกับภาพประกาศจับ ไม่มีผิดเพี้ยน
” สวรรค์!! จะ . . . .เจ้า . . . . . เจ้า “
หลังจากที่เห็นหน้าปัจจุบันของ ‘ชูเฟิง’ ผู้คนที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งตอนนี้กับสงบปากสงบคำโดยที่สีหน้าเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จาก ขาว เป็นสีดำ จากดำกลายเป็นม่วง จากม่วงกลายเป็นเขียว จากเขียวกลายเป็นฟ้า ทั้งหมดล้วนแต่ทำสีหน้าแปลกๆ
เห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขาไม่อยากจะยอมรับว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขาคือ ‘ชูเฟิง’
* ฮือออ ฮือออ *
ในตอนนั้น ‘จื่อหลิง’เกิดความสงสารอย่างมาก เมื่อเห็นพี่สาวของ’เอ่อหย๋า’และผู้หญิงมากมายที่ต้องมลทินบางคนก็ทุกทุบตีจนตาย ขณะที่ภายในตำหนักเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ระงม ‘จื่อหลิง’ที่เป็นสตรีเหมือนกันจึงไม่อาจระงับความโกรธเอาไว้ได้
* * * บูม * * *
‘จื่อหลิง’ที่แสนจะแข็งแกร่งและทรงพลัง นางได้ฆ่ากลุ่มคนที่อยู่ในระดับ 4 แก่นแท้วิญญาณ ได้อย่างง่ายดายยิ่งกว่าบี้มดพลังที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฝูงชนกลายเป็นเนื้อบด คนเหล่านั้นยังไม่ทันได้แม้แต่จะอ้าปาก พวกเขาก็ต้องกลายเป็นแอ่งเลือด
*** พรึบบบ ***
ในเวลาเดียวกัน ‘ชูเฟิง’ ก็เข้าโจมตี ครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้แรงดันวิญญาณในการฆ่า แต่เขาใช้ทักษะในการเข่นฆ่าศัตรูจากนั้นเขาก็ก้าวมาถึง ‘เอ๋อนิ๋ว’ พร้อมกับกระทึบหัวของเขา
*** โผ๊ละ ****** พรึบบบ ***
ต่อจากนั้น ‘ชูเฟิง’ ก็พุ่งเข้าไปที่ชายฉกรรย์คนอื่นๆ แขนของเขาคมกริบดั่งกระบี่ ทิ้มแทงไปที่หน้าออกของผู้ชายคนหนึ่่ง แล้วก็หยุดชะงักชั่วคราวจากนั้นเขาก็ง้างแขนออกฉีกร่างของชายผู้นั้นกลายเป็น สอง ท่อนคนที่ถูก ‘ชูเฟิง’ ฆ่ามีพลังวิญญาณอยู่ในระดับ 8 แก่นแท้วิญญาณ
แต่ต่อหน้า’ชูเฟิง’แม้แต่หมัดเดียวเขายังทำไม่ได้ อีกทั้งยังถูก’ชูเฟิง’แยกออกเป็นสองส่วน
” อัยหย่า!!! เขาคือ ชูเฟิงจริงๆ เขาต้องเป็น ชูเฟิง แน่ๆ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่น่ากลัวถึงขนาดนี้ หนีเร็ว ไม่งั้นเราทั้งหมดจะต้องตายที่นี้ !!! “
ในตอนนั้นพวกเขาเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่า ชายหนุมที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาคือ ‘ชูเฟิง’ และหญิงสาวชุดม่วงก็คือ ‘จื่อหลิง’
ตราบที่พวกเขาเคยได้ยินทุกประเภทเกี่ยวกับข่าวลือของ ‘ชูเฟิง’ ว่าการกระทำของเขาราวกับเป็นปาฏิหาริย์ ความกลัวก็พวยพุ่งเข้ามาภายในจิตใจของเขาและเริ่มแพร่กระจายไปทั่วร่าง จนพวกเขาไมสามารถแม้แต่จะเดินตอนนั้น คนน้อยคนที่จะกล้าหาญพอลุกขึ้นยืนได่
แต่คนหลายคนขาอ่อนละทวยเพราะความกลัว พวกเขาได้แต่นั่งแผละลงกับพื้น และสูญเสียการควบคุมในการเคลื่อนไหวผู้คนที่กล้าหาญเหล่านั้นเริ่มวิ่งไปยังประตูทางออกเพื่อต้องการที่จะหนีไป แต่รูปแบบอำนาจที่ครอบคลุมนั้นถูกวางโดยรอบบริเวณจาก’ชูเฟิง’ พวกเขาที่ไร้อำนาจพลังวิญญาณคงไม่มีปัญญาเปิดผนึกรูปแบบอำนาจฯออกไปได้
วิธีเดียวที่พอจะทำได้คือพังมันออกไป แล้ววิธีนั้นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ทุกคนที่ติดอยู่ในนี้ ทำอะไรไม่ได้เลย พวกเขาทำได้แค่รอ’จื่อหลิง’หรือ’ชูเฟิง’สังหารอย่างโหดร้ายเท่านั้น
มันจึงทำให้ภายในใจพวกเขาเกิดความหวาดกลัวจนวิญญาณของพวกเขาสั่นสะท้านแต่การแสดงออกที่ซับซ้อนมากที่สุดในกลุ่มจะเป็นใครไปไม่ได้นอกซะจาก ‘หยาน หยางเทียน’ เขานั่งเหี่ยวเฉาลงบนพื้น เลือดสดๆยังคงไหลจากศีรษะของเขาขณะที่จ้องมอง ‘ชูเฟิง’ สังหารลูกน้องของเขาด้วยวิธีที่โหดร้ายต่างๆนาๆ มีความคิดนับพันนับหมื่นหลั่งไหลเข้ามาภายในใจของเขา
มันเป็นเพราะเขาเคยนึกไว้แล้วว่า’ชูเฟิง’จะกลับมา แน่นอนว่าเขาคงพัฒนาขึ้นจนทำให้เขากลายเป็นคนที่น่ากลัวอย่างหาใดเปรียบ จนเขาเองไม่สามารถต่อกรได้แต่เขาไม่นึกเลยว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ‘ชูเฟิง’นั้นพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว นำซ้ำยังมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาก่อนที่เขาจะได้ใช้ชีวิตให้คุ้ม
: ลาก่อน ไอ้หยาน หยางเทียน ก่อนจะตายลื้อมีอะไรจะสั่งเสีย
หยาน : ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก ไม่เนื้อ ไม่ชิ้น . . . . .
หยาน : ไม่หมู ไม่ผัก ไม่เลือด ไม่น้ำ ไม่เส้น ไม่เอา . . . . .ไม่แดก
: ถ้าจะกวนตีนแบบนี้!!!
หยาน : เปลี่ยนเป็นส้มตำได้ไม๊ ไม่ใส่มะเขือเทศ ไม่เอาปลาร้า ไม่ใส่ปูนา ไม่เอาชูรส . . . . .
: มึงจะไม่แดกอีกแล้วใช่ไม๊ เรื่องมาก นี้!!! เอาตีนกูไปแดรกกกก!!!
: กูช่วยมืงเอาตีนยัดปากมัน!!! นี้แน๊ะ ไอสาดด กวนตีนนัก!!!!
4 : เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
– : หรือมึงจะแดรกกับมัน!!!!
4 : อัตมากลับเส้าหลินล่ะ เชิญพวกโยมตามสบาย
ที่มา: