I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 320 – การหลอมรวมของ อัคคี และ เหมันต์

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

” บรรพบุรุษ “

เมื่อหันหน้าไป ‘ชูเฟิง’ ก็บว่าเป็นผู้ก่อตั้งมังกรฟ้า กำลังยืนปรบมือ ขณะค่อยๆเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความชื่นชมอยู่บนใบหน้า

ร่างของผู้ก่อตั้งมังกรฟ้ามีแสงพุ่งออกมาและดูแตกต่างจากที่เจอเมื่อก่อนไปอย่างสิ้นเชิง มันเหมือนกับว่าเขายังมีชีวิตอยู่พร้อมกับพลังที่น่าหวาดกลัวที่หลบซ่อนอยู่ภายในร่างกายของเขา

” ไม่เลว ไม่เลว!!! มังกรทะยานผ่านเก้าสวรรค์ เป็นทักษะที่มีพลังสวรรค์ตามรากฐาน ดังนั้นปกติแล้ว มีแต่ผู้ที่อยู่ในอาณาจักรสวรรค์เท่านั้นทีสามารถเรียนรู้มันได้ “

” แต่ตามที่ข้าตั้งข้อสังเกตุ หากเป็นผู้ที่มีอำนาจพลังวิญญาณแข็งแกร่ง หรือมีความตั้งใจแรงกล้า ก็สามารถใช้พลังแก่นแท้ควบควบวิชาได้ แต่ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าที่อยู่ในอาณาจักรกำเนิด กับสามารถทำได้ขนาดนี้ คงต้องเป็นเพราะพลังในร่างกายของเจ้า “

ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้าเต็มไปด้วยการยกยอ

” บรรพบุรุษ แล้วปัจจุบันข้านั้นไม่สามารถเรียนรู้วิชา มังกรทะยานผ่านเก้าสวรรค์ได้งั้นหรอ ข้าสามารถรับรู้ได้ว่ามันเป็นทักษะติดตัวที่ร้ายกาจอย่างมากซึ่งข้าต้องการเข้าใจมัน “

‘ชูเฟิง’ กล่าว

” โฮ . . . . . แน่นอนว่ามันทักษะติดตัวที่ร้ายกาจ แต่เป็นทักษะที่ข้าพัฒนามาจากทักษะเร้นลับ!!! รูปแบบเดิมจึงเป็นทักษะเร้นลับ “

ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้ายิ้มเบาๆ พร้อมกับขยับร้างกายอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ลอยขึ้นภายใต้เท้าของเขามีหมอกลวงตาสีฟ้าปล่อยออกมา มันค่อยๆเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น ท้ายที่สุดมันก็รวมตัวเป็นมังกรขนาดใหญ่

จ้าวมังกรยักษ์ใหญ่สิบเมตร ยาวโครตๆ มันจะเกิดจากการหลอมรวมของควัน ดังนั้น ดวงตาของมันควรจะว่างเปล่าไร้แสง แต่ร่างกายของมันกับมีพลังที่แข็งแกร่งดั่งมีจิตวิญญาณ ที่สามารถทลายยอดภูผา และ เสียงที่คำรามของมันน่าเกรงกลัวเหนือสิ่งมีชีวิตนับหมื่น

แต่นั้นยังไม่เท่าไหร่ เขาก็พบว่าผู้ก่อตั้งยืนอยู่บนหัวของมังกรยักษ์ยักษ์มือทั้งสองข้างของเขาไคว้หลัง เสื้อคลุมของเขาพริวไสวราวกับว่าเขาเป็นเจ้านายของมังกรยักษ์ตัวนั้น ในตอนนั้น เขายื่นมือชี้ไปยังด้านหน้า จากนั้นก็ตะโกน

” ดริฟเลยอีหนู!!! “

**** โฮ่กกกก ****

มังกรยักษ์ตัวนั้นคำรามราวกับว่ามันโกรธจากนั้น ก็ใช้กรงเล็บขนาดใหญ่ของมันฟาดผ่านอากาศ อำนาจของมังกรทำให้ลมฉีกกระจายออก จากนั้นมันก็กลายเป็นเส้นแสงพร้อมกับหายตัวไป

” สวรรค์ มันเร็วจนมองไม่ทันเลย!!! “

ตอนนั้น ‘ชูเฟิง’ ถึงกับยืน งงงวย

เพราะในช่วงเวลานั้นเขาไม่รู้สึกถึงออร่าของผู้ก่อตั้งเลย แต่ลึกลงไปในสุสานจักรพรรดิ ‘ชูเฟิง’ยังคงได้ยินเสียงคำรามของมังกรยักษ์ตัวนั้น นั้นหมายความว่า ความเร็วของผู้ก่อตั้งมังกรฟ้ารวดเร็วอย่างมาก แม้แต่ สายตาของ ‘ชูเฟิง’ ยังมองไม่ทัน

” โฮ่กกก ! “

มังกรคำรามอย่างเกรี้ยวกราดคลื่นลมฉีกกระชาก สายลมที่ปะทะเข้ามา แม้แต่’ชูเฟิง’ก็ยังยากที่จะยืนต้านแรงลมนั้นได้ จนร่างปลิวไปตามลมได้แต่ถอยหลังออกไป วินาทีนั้น มังกรยักษ์ก็ได้ปรากฏอยู่ต่อหน้าของ ‘ชูเฟิง’ ขณะที่ผู้ก่อตั้งมังกรฟ้ายืนอยู่ยืนบนหัวของมันพร้อมกับยิ้มมาที่ ‘ชูเฟิง’

* พรึบบบ *

ผู้ก่อตังมังกรฟ้าสบัดแขนของเขาจากนั้นมังกรยักษ์ก็กลับกลายเป็นหมอกควันไหลเข้าสู่ร่างกายของผู้ก่อตั้งเช่นเดิม ตอนนั้นเขาได้แต่ส่ายหัวเบาๆอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ถอนหายใจและกล่าว

” เห้อ เมื่อข้าไม่มีร่างเดิม มันเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะแสดงพลังออกมาได้ทั้งหมด นี้เป็นเพียงหนึ่งในสิบของความสามารถเมื่อข้ายังมีชีวิตอยู่ “

‘ อะไรนะ ? ความแข็งแกร่งเมื่อกี้เป็นเพียงความสามารถหนึ่งในสิบของเขาตอนมีชีวิตอยู่งั้นหรอ หากเขามีร่างกายจะเป็นยังไง ? ‘

‘ชูเฟิง’อ้าปากกว้างเนื่องจากความช็อค พร้อมกับนิ่งไป เขานั้นตกตะลึงในความแข็งแกร่งของผู้ก่อตั้งมังกรฟ้า ที่สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับ 1 ในอาณาจักรทั้ง 9

” ชูเฟิง นี่คือส่วนหนึ่งของวิชา มังกรทะยานผ่านเก้าสวรรค์ เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง ” ผู้ก่อตั้งมังกรฟ้ายิ้มและถาม

” น่าประทับใจ มันน่าประทับใจมากๆ นี้เป็นทักษะที่ลึกซึ้งที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาก่อน “

‘ชูเฟิง’เต็มไปด้วยความชื่นชมปรากฏอยู่บนใบหน้า เขาชื่นชมในพลังของผู้ก่อตั้งมังกรฟ้า และชื่นชมในเขาที่สามารถสร้างวิชาที่ร้ายกาจนี้ขึ้นมา

” โอ้ว . . . . .งั้นข้าขอบอกไว้ก่อน นี้เป็นเพียงฉบับดัดแปลงของทักษะเร้นลับ หากข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะแสดงความลับของทักษะนี้ให้เจ้าได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่า ลึกซึ้งจริงๆ “

” น่าเสียดาย ทักษะเร้นลับ ที่อยู่ในร่างกายข้า มันได้ถูกผนึก หลังจากที่เจ้าช่วยข้า ข้าจะถ่ายทอดมันให้แก่เจ้า แต่ก่อนหน้านั้น เจ้าควรจดจำและหมั่นฝึกฝนทักษะนี้ให้ดีที่สุด “

ผู้ก่อตั้งมังกรฟ้ากล่าว

” แต่ท่านบอกว่าวิชา มังกรทะยานผ่านเก้าสวรรค์ ต้องมีพลังวิญญาณอย่างน้อยขั้น สวรรค์ เช่นนั้นข้าควรทำยังไง ? “

‘ชูเฟิง’ถามในข้อจำกัดของวิชา

” แน่นอนว่ามันมีหนทาง เหมือนที่ข้าบอก อำนาจพลังวิญญาณของเจ้าแข็งแกร่ง และประสิทธิภาพพลังในร่างกายของเจ้ามีสูงมากกว่าคนทั่วไป หากทั้งสองรวมเป็นหนึ่ง นั้นจะสามารถทำให้พลังกำเนิดของเจ้าแข็งแกร่งมากกว่าปกติหรืออาจจะมากกว่าพลังแก่นแท้เลยด้วยซ้ำ นั่นเป็นเหตุผลที่พลังวิญญาณของเจ้า มันพิเศษ”

อำนาจพลังวิญญาณ + พลังวิญญาณ

” ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าเน้นไปฝึกวิธีการการควบคุมขั้นสูง มากกว่าพลังที่มาของเจ้า ตราบใดที่เจ้าสามารถควบคุมอำนาจกำเนิดได้อย่างสมบูรณ์ มันก็จะไม่มีปัญหาใดๆสำหรับการที่เจ้าจะเข้าใจขั้นแรกของวิชา มังกรทะยานผ่านเก้าสวรรค์ “

ผู้ก่อมังกรฟ้ากล่าว

” แล้วข้าต้องทำยังไง “

หลังจากได้ยินคำพูดของเขา ‘ชูเฟิง’ก็เริ่มร้อนรน เพราะเขาอยากจะเข้าใจวิชา มังกรทะยานผ่านเก้าสวรรค์

” ตามข้ามา “

ผู้ก่อตั้งมังกรฟ้ายิ้ม พร้อมกับหันหลังกลับและเดินลึกเข้าไปในสุสานจักรพรรดิ

เห็นแบบนั้น ‘ชูเฟิง’ก็เดินตามเขาไป ด้วยความตื่นเต้น เพราะภายในสุสานจักรพรรดิที่ผู้ก่อตั้งมังกรฟ้ามีเขาเฝ้าอยู่ตลอด อีกอย่างเขาก็ไม่อนุญาติให้ใครก้าวเข้าไปในอาณาเขตที่เขาสร้างไว้

‘ชูเฟิง’ ปกติแล้วมักจะมีความคิดเกี่ยวกับสมบัติในสุสานจักรพรรดิเป็นธรรมดาที่เขาจะอยากรู้อยากเห็นว่าภายในนั้นมันมีอะไร ขณะที่ ผู้ก่อตั้งมังกรฟ้าเดินนำ ‘ชูเฟิง’ ก็ผ่านเขตแดนเข้าไป ดังนั้นเห็นได้ชัดว่า ‘ชูเฟิง’ ตื่นเต้นมากขึ้น เพราะมันหมายความว่าต้องมีสิ่งบางอย่างอยู่อย่างแน่นอน

” ชูเฟิง รู้เหตุผลที่ทำไมพวกเขาเรียกที่นี้ว่าสุสานพันกระดูก เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่รู้อะไรเลย แต่ข้ามั่นใจว่าเจ้ารู้ ไม่มากก้น้อย และเจ้าก็ยังรู้ว่าที่นี่เป็นสุสานขนาดใหญ่ มันคือสุสานของผู้เชี่ยวชาญที่ทรงอำนาจ และที่ที่เราอยู่ตอนนี้ก็เป็นเพียงแค่ทางเข้า “

” สุสานจัดอยู่ตามระดับตามขนาดของมัน ตลอดจนถึงภัยอันตรายจากสิ่งที่อยู่ภายใน จากประสบการณ์ส่วนตัวข้า ที่นี้น่าจะเป็น สุสานจักรพรรดิ “

ผู้ก่อตั้งมังกรฟ้ากล่าว

” สุสานจักรพรรดิ ? !!! “

ทั้งๆที่เขาก็รู้อยู่แล้วว่ามันคือสุสานจักรพรรดิ แต่หลังจากที่ผู้ก่อตั้งมังกรฟ้ายืนยัน ‘ชูเฟิง’ ก็รู้สึกตกใจนิดหน่อย หากสุสานนี้ทำให้เขามีสภาพเหมือนในปัจจุบัน ก็บอกได้แล้วว่าสุสานระดับจักรพรรดิน่ากลัวแค่ไหน

” บอกตามตรง จริงๆคนที่เข้ามาที่นี่ในปีนั้น ล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญสูงสุดในทวีปของยุคนั้นมาชุมนุม แต่น่าเสียดายไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาได้ หากข้าไม่ได้พลังจาก ไข่มุก ในความเป็นจริง ข้าคงกลายเป็นดวงวิญญาณเร่ร่อน ไม่กระดวงจิตกระจัดกระจาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะสามารถรักษาความแข็งแกร่งในปัจจุบันของข้า “

” ชูเฟิง แต่แท้จริงแล้ว เรามีพบไข่มุกสามเม็ดในปีนั้น “

ผู้ก่อตั้งมังกรฟ้า ยิ้มและกล่าว

” สาม ? แล้วอีกสองอยู่ที่ไหน “

‘ชูเฟิง’ รู้สึกตกใจ นึกว่าจะมีมุกวิเศษนั้นเพียงเม็ดเดียว ซึ่งเขาอยากรู้ว่า อีกสอง มันอยู่ที่ไหน หากผู้ก่อตั้งมังกรฟ้ายังไม่ได้ใช้พวกมัน ก็เป็นไปได้ที่เขาอาจจะเก็บเอาไว้ที่ไหนสักแห่งหรือไม่เขาก็มีเหตุผลอื่นๆ ตอนนั้น ‘ชูเฟิง’ กระวนกระวายด้วยความอยากรู้

ในตอนนั้น ผู้ก่อตั้งมังกรฟ้า ขยับเข้าไปอย่างใจจดใจจ่อ แต่ครั้งนี้ เขาหัวเราะออกมาแล้วกล่าวกับ’ชูเฟิง’ว่า

” ไม่ต้องรีบร้อน เจ้าจะได้เห็นไข่มุกสองอันที่เหลือ เร็วๆนี้แหละ “

‘ชูเฟิง’ก็หยุดยิงคำถามหลังจากได้ยินเช่นนั้น เขาแค่ตามผู้ก่อตั้งมังกรฟ้าเข้าไป ลึกลงไป จนในที่สุด ด้านหน้าของ’ชูเฟิง’ก็มีอุโมงค์ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น มันกว้างมากกว่าจะเห็นขอบของมัน ซึ่งคล้ายกับถ้ำใต้ภูเขาช่วงที่เต่าทมิฬอยู่

แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจสายตาของ’ชูเฟิง’มากที่สุด ไม่ใช่อุโมงค์ใต้ดินที่กว้างใหญ่ แต่เป็นทะเลสาปขนาดใหญ่ ซึ่งมันดูแปลกอย่างมาก

เหตุผลที่บอกว่าทะเลสาปมันแปลก เพราะครึ่งหนึ่งของมันคือน้ำแข็งที่เกาะหนา จนรู้สึกได้ว่าจุดลึกสุดของมันหนาวเข้าไปถึงกระดูก

ส่วนอีกครึ่งหนึ่งของทะเลสาป มีเปลวไฟพวยพุ่งออกมา พื้นที่ขนาดใหญ่มีเปลวไฟปะทุ และโหมกระหน่ำจนได้ยินเข้าไปในหู ซึ่งสร้างความต่างระหว่างอัคคีและเหมันต์อย่างแท้จริง พวกมันอยู่ด้วยกันขณะที่หลอมรวมกันระหว่างอัคคีและเหมันต์ต่อหน้าของเขา

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments