ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปคนบนโลกมักพูดกันว่า หากมีคนสุข ก็ต้องมีคนทุกข์
ข่าว ‘ชูเฟิง’ ที่ทำลายสำนัก หลิน หยุน ต่างกระจายไปทั่ว ทำให้สำนักอื่นๆแสนจะมีความสุข แต่ประมุขแท้จริงของอาณาจักรมังกรฟ้า คฤหาสน์องค์ชายกิเลน กับจมสู่ความหวาดกลัวที่ไม่เคยเกิดมาก่อน
” ท่านประมุข เราควรทำไงกันดี ? หยาน หยางเทียน ก็หนีไปแล้ว แล้วพวกเรา . . . . . . “
ภายในคฤหาสน์องค์ชายกิเลน ‘หลิน โม่หลี่’ นั่งอยู่บนเก้าอี้ตำแหน่งประมุข พร้อมกับผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงหลายคน นั่งประชุมกันอยู่ภายในทั้งหมดปัจจุบันพวกเขาไม่ได้มีท่าทีหยิ่งผยองที่คิดว่าตัวเองอยู่ตำแหน่งสูงสุด
ซึ่งแต่ละคนต่างเปิดเผยสีหน้าที่หวาดกลัวให้เห็น ขนาดที่ว่าอยู่ไม่สุขเพราะความวิตกกังวลพวกเขาทั้งหมดล้วนแต่ได้ยินข่าวของ สำนัก หลิง หยุน ซึ่งพวกเขาต่างพากันหวาดกลัวความโหดเหี้ยมของ ‘ชูเฟิง’ และกังวลว่าหลังจากทำลายสำนัก หลิง หยุน แล้ว ต่อไปก็อาจจะถึงคราว คฤหาสน์องค์ชายกิเลน ที่จะตองถูกฆ่า
**** ปั้ง ****
” มีอะไรต้องกลัว ? อย่าลืมสิว่าเราคือคนของคฤหาสน์องค์ชายกิเลน ที่มีราชวงศ์เจียงหนุนหลัง ไม่ว่าชูเฟิงมันจะบ้าแค่ไหน แต่มันก็คงไม่กล้าทำอะไรกับคฤหาสน์องค์ชายกิเลนของข้า เว้นซะว่ามันไม่อยากอยู่ในอาณาจักรทั้ง 9 “
‘หลิน โมหลี่’ ยืนขึ้นพร้อมกับยกฝ่ามือฟาดลงที่เก้าอี้ด้วยความโมโห อีกทั้งยังตะโกนจนทำให้ห้องประชุมใหญ่สั่นสะเทือนหลังจากได้ยินเสียงตะโกนของเขา
ทุกคนในห้องประชุมใหญ่ก็เงียบลงทันทีอีกทั้งยังมีสีหน้าสงบลงนิดหน่อย เพราะที่’หลิน โม่หลี่’ พูดมามันก็ถูกหากเป็นเช่นรายงานเรื่อง’ชูเฟิง’ที่ยื่นให้กับราชวงค์เจียงค์ พวกเขาก็เตรียมพร้อมที่จะช่วยคฤหาสน์องค์ชายกิเลน
แต่มันก็ไม่หน้าเป็นไปจะเป็นไปได้ที่พวกเขาจะมาถึงในทันที หากจะต้องเดินทางจากตะวันออก ไม่ช้าหรือเร็วพวกเขาก็ต้องโดนฆ่าคำพูดนั้นได้แค่ปลอบประโลมความหวั่นไหวของผู้เชี่ยวชาญของคฤหาสน์องค์ชายกิเลน
แต่ผู้เชี่ยวชาญนั้นไม่ได้เห็นสีหน้าของ ‘หลิน โม่หลี่’ ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอันน่าพึงพลัน และเพื่อปกปิดความไม่สบายใจนั้นเขาจึงหันหลังกลับ
ความสำเร็จของ’ชูเฟิง’ถูกแพร่กระจายไปทั่วจนทำให้ฐานอำนาจต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง
ณ เทือกเขามังกรฟ้า’หลี่ จางฉิง’ และ อาวุโสชั้นสูงของสำนักมังกรฟ้า ‘ชูเยว่’ และครอบครัว รวมทั้ง ‘ซูรู่’ ‘ซูเหม่ย’ และตระกูลซู อีก 2 ชีวิต พวกเขาทุกคนต่างมีความเป็นอยู่ที่ดี ภายในสุสานพันกระดูก
หลังจากที่ ‘ชูเฟิง’ บอกทุกคนในตอนที่เขาไปช่วย ‘ฉี เฟิงหยาง’ จากลานประหารและได้ลับการช่วยจากผู้เชี่ยวชาญลึกลับ จากนั้นเขาก็ไปทำลายสำนัก หลิง หยุน ซึ่งทำให้ทุกคนในที่นั้นมีความสุขอย่างมาก
” เจ้าเด็กบ้า ชูเฟิง เจ้าจะเก่งเกินไปแล้ว นี่ยังหอบเอาสมบัติมามากมายมาให้อีก แค่เจ้าช่วยข้านั้นก็ถือว่ามีน้ำใจมากแล้ว หากให้ข้ารับของพวกนี้ไว้อีกข้าจะรู้สึกไม่ดีเอามากๆ “
‘หลี่ จางฉิง’ มองสมบัติหายากเหล่านั้นด้วยสายตา ถึงกับฉีกยิ้มออกมาจนแก้มเป็นลูกซาลเปา ทำให้เห็นรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าเขาตื่นเต้นอย่างมากเพราะสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าเขามากมายนั้น เต็มไปด้วย จำนวนโอสถวิญญาณมากมาย อีกทั้งยังมีอาวธและเครื่องป้องกันดีๆ
ซึ่งของเหล่านี้ล้วนแต่นำมาจากคลังสมบัติของสำนักหลิง หยุน ในขณะนี้เขานำทั้งหมดมามอบให้กับ ‘หลี่ จางฉิง’ ฟรีๆ โอ้วววววววโน
” เจ้าสำนัก ตั้งแต่ข้า ชูเฟิง มาอยู่ที่สำนักมังกรฟ้า ข้าก็หาเรื่องเข้ามาไม่เว้นแต่ละวันจนทำให้สำนักที่ก่อตั้งมามากกว่าพันปีถูกทำลายชั่วพริบตา ข้ารู้สึกระอายใจเป็นอย่างมาก หากท่านรับของเหล่านี้ไว้ ข้าจึงจะสบายใจ “
‘ชูเฟิง’ กล่าวด้วยสีหน้าเสียใจ
” ไอ้เจ้าเด็กบ้า สิ่งของเหล่านั้นจริงๆแล้วมันก็เป็นของที่ว่างเปล่า สาวกสำนักมังกรฟ้าทั้งหมดได้นำของล้ำค่าของสำนักออกมาไว้นี่หมดแล้ว นี้สิคือรากฐานที่แท้จริงของสำนักมังกรฟ้าของข้า “
‘หลี่ จางฉิง’ เดินเข้าไปยังสถานที่อยู่ใกล้ๆ มันเป็นชั้นวางของตั้งอยู่ตรงนั้น ในนั้นมีทักษะทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นทักษะลับหรือทักษะการต่อสู้ล้วยแต่ถูกวางเรียนไว้บนชั้นเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีสมุดบัญชีประวัติทรัพยากรของสำนักมังกรฟ้า สิ่งเหล่านี้แท้จริงเป็นสิ่งที่สำนักสร้างมาเองกับมือโดยสั่งสมต่อๆกันมาเป็นเวลาพันปี
” แต่ . . . . . “
‘ชูเฟิง’ก็ยังคงรู้สึกไม่ดี
” อย่าได้พูดว่า แต่ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นวัตถุที่สร้างความโลภ ซึ่งเป็นแค่พื้นฐานสำหรับความรุ่งเรืองของสำนักมังกรฟ้า ความรู้ความสามารถของเราต่างหากที่เป็นการบอกถึงความรุ่งเรืองของสำนักมังกรฟ้า “
‘หลี่ จางฉิง’ มองไปยังทิศทางสระสวรรค์พร้อมกับพูดถึง สาระสำคัญ ตั้งแต่ที่เข้ามายังที่นี่ เหล่าสาวกทั้งหลายรวมไปถึงอาวุโสมากมายในสำนักมังกรฟ้าล้วนแต่เริ่มฝึกฝนและลงไปแช่สระสวรรค์ เพื่อพัฒนาความแข็งแกร่ง
จากนั้น ‘หลี่ จางฉิง’ ก็ตบไหล่ของ ‘ชูเฟิง’ เบาๆและกล่าว
” เจ้าจะต้องเป็นผู้นำพาพวกเขาและเริ่มสร้างสำนักมังกรฟ้าของเจ้าขึ้นมาใหม่ “
” โปรดวางใจท่านเจ้าสำนัก นับแต่บัดนี้ ข้า ชูเฟิง จะสร้างสำนักมังกรฟ้าให้ยิ่งใหญ่ ณ.เทือกเขามังกรฟ้า ถึงตอนนั้น ไม่เพียงแต่สำนักมังกรฟ้าของข้าจะเป็นประมุขของอาณาจักรมังกรฟ้า แต่มันจะต้องเป็น 1 ใน 9 อาณาจักร “
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ‘หลี่ จางฉิง’ ก็รู้สึกตะลึงอีกทั้งตื้นตัน เพราะ’ชูเฟิง’ ตกลงรับปาก พร้อมกับให้สัญญาเหตุผลที่ ‘ชูเฟิง’ ตรงกลับมาที่นี้ หลังจากทำลายสำนัก หลิง หยุน ก็คือ . . . .อยากเอาซูรู่
ประการแรก ก็เพื่อทำให้ทุกคนคลายความกังวล และรู้ว่าเขายัง สบายดี นอกจากนี้ ยังมาบอกทุกคนว่า สำนัก หลิงหยุน ได้ชดใช้ในสิ่งที่พวกมันก่อแล้ว
ประการที่สอง หลังจากที่รู้ตัวว่า ‘หลิน โมหลี่’ และ ‘หยาน หยางเทียน’ จริงๆแล้ว แข็งแกร่งกว่าเขา ซึ่งต่างกันราวกับฟ้ากับเหวดังนั้น ‘ชูเฟิง’จึงกลับมาเพื่อเรียนรู้วิชา มังกรทะยานผ่านเก้าสวรรค์ของผู้ก่อตั้งมังกรฟ้าที่ถ่ายทอดให้เข้าใจ เนื่องจากมันลึกซึ้งอย่างมาก
หาก’ชูเฟิง’สามารถเข้าใจมันได้ แม้เขาจะไม่รวดเร็วกว่า ปีกอสูร ของต้านต้านในวันนั้น แต่ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรสวรรค์ เขาก็ยังพอที่จะหนีไปได้นอกจากทั้งหมดนี้ ‘ชูเฟิง’ ยังคิดจะมุ่งหน้าไปยังดินแดนที่ไม่มีใครรู้จัก ซึ่ง ‘ชูเฟิง’ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอกับคนแบบไหน
หากเขาได้รับอันตราย เขาจะต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้ เพื่อเป็นการรับรองว่า เขาจะมีชีวิตรอดกลับมาทั้งวันนั้น ‘ชูเฟิง’ ใช้ โอสถแก่นแท้ทั้งหมดที่นำมาจากสำนัก หลิง หยุน ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
หลังจากที่ตันเถียนของเขา เงียบมานาน แต่สุดท้ายแล้ว ‘ชูเฟิง’ ก็ไม่สามารถทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแก่นแท้ได้แต่ ‘ชูเฟิง’ ก็ไม่ยอมแพ้ เพราะมันไม่ได้อยู่ไกลเกินกับที่คาดการณ์ไว้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถตัดผ่าน ‘ชูเฟิง’ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาจะทำไม่ได้เลย หากเขามีโอสถแก่นแท้คุณภาพสูง เขาก็จะสามารถพัฒนาต่อไปได้
ตอนนั้น ‘ชูเฟิง’ ก็เดินลึกเข้าไปภายในสระสวรรค์ ซึ่งเป็นจุดที่เงียบสงบและเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการฝึกฝน ‘ชูเฟิง’ค่อยๆหลับตาลง พร้อมกับใช้จิตควบคุมแหล่งกำเนิดวิญญาณภายในร่างกายของเขา
** ฟู่วว ฟู่ววว **
ก๊าซสีฟ้าๆที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าตอนนั้นมันค่อยๆลอยออกมาจากร่างของ ‘ชูเฟิง’ อีกทั้งยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากนั้น ‘ชูเฟิง’ก็นำมันผสานเข้าด้วยกัน มันค่อยๆรวมตัวกัน มากขึ้น มากขึ้น จนเกิดเป็นหมอกสีฟ้าปรากฏขึ้นภายใต้เท้าของ’ชูเฟิง’ จากนั้นมันก็ค่อยๆยกตัวเขาขึ้นจากื้น ลอยสู่กลางอากาศ และมันยังคงลอยสูงขึ้น สูงขึ้น
แต่สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือการที่หมอกสีฟ้าที่ยก’ชูเฟิง’ลอยขึ้น จริงๆแล้วมันเกิดการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นรูปร่างของมังกร แต่รูปแบบนั้นรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิต
* พรึบบ *
แต่จู่ๆ หมอกก็หายไปเหมือนเมฆควัน จากนั้น ‘ชูเฟิง’ ก็ล่วงลงจากอากาศ
” โอ๊ะ!! . . . . . มังกรทะยานผ่านเก้าสวรรค์มันค่อนข้างยากทีเดียว!!! “
ตอนนั้น ใบหน้าของ’ชูเฟิง’ก็บิดเบี้ยว เนื่องจากความยากในการควบคุมวิชา มังกรทะยานฯ นั้นเหนือกว่าที่เขาจะจินตนาการไว้้ ถ้าเป็นเขาแล้วปกติจะสามารถเข้าใจทักษะได้อย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้แม้แต่ขั้นแรกที่ง่ายสุดเขาก็ยังควบคุมไม่ได้
* แป๊ะ แป๊ะ *
ในตอนนั้น จู่ๆก็มีเสียงตบมือดังขึ้นมาอย่างชัดเจน จากด้านหลังของ ‘ชูเฟิง’
ชูเฟิง : ซูรู่ ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก
ซูรู่ : ชูเฟิง เจ้าพูดบ้าอะไรเนี่ย เด๋ว ซูเหม่ยมาได้ยินแล้วนางจะเสียใจ
ชูเฟิง ; งั้น เรามาหาที่เงียบๆ อยู่ด้วยกันสองต่อสองแล้วกัน
ชูเฟิง : ชอบมืดๆ หรือ สลัวๆ
ซูรู่ : เอาแบบสลัวๆดีกว่าจะได้เห็นหน้ากัน
ชูเฟิง : ก็ดีเหมือนกัน น้องชายตู่กู๋เคยหลับนอนกับหญิงสาวโดยไม่ลืมหลิมตา กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็พบว่าเป็น หลิน เยว่เยว่
ซูรู่ : . . . . . . . . . . . . .
ซูรู่ : ขอโทดนะ วันนี้ประจำเดือนมา อีกอย่างข้านึกว่าเจ้าจะชวนข้าไปคุยสารทุกข์สุขดิบ
ชูเฟิง : *** อั๊ก!!! *** กระอักเลือด
ชูเฟิง : ข้าไปห้องน้ำแปป!!!
ซูรู่ : ไปล้างปากหรอ???
ชูเฟิง ; . . . . . . . .
ที่มา: