I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 458 – เรียกข้าว่า ราชินี

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

“อืม ดีมาก ถ้าเข้าใจก็ดี.”

“ที่ข้าจะบอกคือ สายฟ้าศํกดิ์สิทธิ์มันแข็งแกร่งมาก มันไม่ใช่อะไรที่เจ้าจะเข้าใจได้ในตอนนี้.”

“มันเป็นกฎ แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้น แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ ถ้าเจ้าใช้พลังที่แข็งแกร่งเกินตัว มันจะมีผลกระทบต่อเจ้าไม่น้อยเลย.”

“ยกตัวอย่างเช่น อำนาจวิญญาณของเจ้า เจ้าสามารถเชื่อมต่อกับรูปแบบระดับสีฟ้าได้ แต่เจ้านั้นไม่สามารถจะใช้มันได้ เพราะร่างกายของเจ้าในตอนนี้มันยังไม่สามารถรับไหว.”

“ตอนนี้ ทางที่ดีที่สุดคือ รีบใช้ลูกแก้วแก่นแท้นั่น แม้ว่าเจ้าจะเชื่อมต่อกับรูปแบบวิญญาณระดับสีฟ้าไว้แล้ว แต่เพราะว่าเจ้าไม่ได้รับการฝึกมาก่อน ถ้าเจ้าต้องการพลังนั้น มันก็คงไม่ค่อยดี.”

‘ต้านต้าน’ พูด

“อืม ตอนนี้ข้าควรทะลวงพลังก่อนสินะ.”

‘ชูเฟิง’ ผงกหัวแล้วพูด

หลังจากนั้น เขาก็พา’จื่อ หลิง’ไปที่เตียง แล้วห่มผ้าให้เธอ แล้วก็เริ่มการบ่มเพาะ ลูกแก้วแก่นแท้ ข้างๆเตียงเธอ

เพราะว่า ลุกแก้วแก่นแท้นั้น มีมากหมายเหลือเกิน ต่อให้เป็น’ชูเฟิง’ มันก็กินเวลานานเช่นกัน และการเชื่อมต่ออำน่าจวิญญาณระดับสีฟ้านั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้น’ชูเฟิง’ จึงใช้เวลาเป็นเดือนถึงจะสำเร็จ

1 เดือนผ่านไป ‘ชูเฟิง’ไม่ได้แค่ทะลวงไปยัง ระดับ 7 แก่นแท้วิญญาณได้ เขายังสามารถยกระดับอำนาจวิญญาณของตนไปยังระดับสีฟ้าได้อีก ในตอนนี้นั้นเขาเข้าใจอำนาจวิญญาณมากขึ้นอีก ยกตัวอย่างเช่น การเปิดประตูโลกวิญญาณ

*ฮึ่ม*

ในตอนนั้น ประตูโลกวิญญาณ ก็ปรากฏขึ้น ‘ชูเฟิง’ยืนอยู่หน้าประตูนั้น เพื่อรอ ให้’ต้านต้าน’ปรากฏตัวขึ้น

ในเวลานั้น มี’จื่อ หลิง’ ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า ‘จูเก้อ หลิวหยุน’ ‘หลี่ ชางฉิง’ ‘ชู กูหยู’ ‘ชูเย่ว’ และคนอื่นๆ อยู่รอบๆ ประตูโลกวิญญาณแล้วรอมันเช่นกัน

ทุกคนนั้นต่างสนใจเป็นอย่างมาก ยกเว้น’จื่อ หลิง’ และ ผู้ก่อตั้งมังกรฟ้า นั้นไม่มีใครเคยเห็น อสูรวิญญาณมาก่อน พวกมันนั้นอาศัยอยู่ในคนละโลกจึงทำให้พวกเขาอยากรู้

โดย เฉพาะ ‘จูเก้อ หลิวหยุน’ ที่เป็นผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณ และเป็นอาจารย์ของ’ชูเฟิง’ เขานั้นตกใจอย่างมากและพูดว่า

” นี่คือพลังของผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณชุดคลุมฟ้าหรือนี่ พวกเขาสามารถทำให้อสูรวิญญาณมาช่วยสู้ร่วมกับเขาได้ ช่างน่าประทับใจจริงๆ”

“ข้าไม่คิดเคยมาก่อนเลยว่า จูเก้อ หลิวหยุน คนนี้จะมีลูกศิษย์ที่โดดเด่นเช่นนี้ เขาสามารถเป็นผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณชุดฟ้าได้โดยอายุแค่นี้…”

“ดูนั่น มันมาแล้ว!”

ทันใดนั้น ก็มีคนพูดขึ้นมาเสียงดังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

ประตูโลกวิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น หลังจากนั้นก็มีสาวงาม เดินออกมาจากประตูโลกวิญญาณ

สาวงามคนนั้น มีดวงตากลมโต จมูกที่สมส่วนกำลังดี ริมฝีปากสีชมพู และใบหน้าเล็กๆที่งดงามมาก

นอกจากนี้ ผิวของเธอขาวราวกับหิมะ เธอใส่ชุดกระโปรงสั้น สีดำ เผยให้เห็น ไล่ที่ขาวและขาที่เรียวเล็ก เมื่อผู้คนเห็นก็ยากที่จะละสายตา

และหญิงสาวที่งดงามดุจราชินีนี่คือ’ต้านต้าน’ และเป็นคนเดียวกับที่’ชูเฟิง’เห็นเมื่อพบเธอครั้งแรก เธอนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย

ในตอนนั้น ทุกคนต่างก็เงียบ เพราะว่า พวกเขานั้นกำลังตกตะลึงในความงดงามของ’ต้านต้าน’

ในแง่ของรูปร่างหน้าตา’ต้านต้าน’นั้นเหนือกว่า’จื่อ หลิง’ แต่ในแง่ของภาพพจน์เธอไม่ได้มีออร่าที่น่ารักแบบ’จื่อ หลิง’ แต่เธอมีออร่าที่บ่งบอกถึง ความสมบูรณ์แบบของเธอ

และเมื่อเห็นร่างที่สมบูรณ์แบบนั้น ผู้คนต่างก็รู้สึกราวกับฝันอยู่ เพราะ หญิงสาวที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้นั้นได้ปรากฏตัวในโลกแบบนี้จริงหรือ ถูกต้อง ‘ต้านต้าน’นั้น กำลังปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพวกเขา

ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แม้แต่’ชูเฟิง’ ก็ตกตะลึงในความงดงามของต้านต้านเช่นกัน ความงามของ’ต้านต้าน’นั้นมันเกินมนุษย์มนามากไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ‘ชูเฟิง’ ก็รู้ว่า ‘ต้านต้าน’นั้นไม่ได้มาจากโลกนี้ แต่เธอก็ดูแลเขาอย่างดีราวกับเป็นคนสนิทกันและคอยให้คำแนะนำกับเขาตลอด

“ อ้า ~~~~~~~รู้สึกดีจริงๆ”

หลังจาก’ต้านต้าน’เดินออกมาเธอก็พูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินไปอยู่ข้างๆ’ชูเฟิง’ แต่ไม่ได้พูดอะไรกับเขาแต่หันไปพูดกับ’จื่อหลิง’แทน,

“แม่นางน้อย จื่อ หลิง เจ้าจำข้าได้หรือไม่”

“ท่าน… กลิ่นอายนี้ ในวันนั้นในเมืองพยัคฆ์ขาว ท่านยืมร่างกายชูเฟิงอย่างนั้นสินะ”

หลังจากที่’จื่อ หลิง’ สัมผัสได้ เธอก็ตกใจอย่างมาก

เพราะ ในตอนนั้น พลังความมืดของ’ชูเฟิง’นั้นน่ากลัวมาก มันทำให้เกิดความกลัวในใจเธอและยากที่จะลืม

แม้ว่าหลังจากนั้นพลังสายฟ้าของ’ชูเฟิง’นั้นได้แสดงออกมา แต่ในใจของ’จื่อ หลิง’ก็ยังจำพลังสีดำนั้นได้อยู่ดี เพราะพลังสีดำนั้นแข็งแกร่งและน่าเกรงขามมาก แม้ว่าเธอจะมีใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจเอาชนะได้

และในตอนนี้ เธอก็ได้รู้แล้วว่าพลังความมืดของ’ชูเฟิง’นั้นมาจากไหน มันไม่ได้มาจากตัว’ชูเฟิง’เอง แต่มันมาจากอสูรวิญญาณของ’ชูเฟิง’

“ปิ๊งป่อง ถูกแล้ว เป็นข้าเอง แต่ในตอนนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กเวรนี่จะชอบเจ้า จึงได้ลงมือหนักไปหน่อย แม่นางน้อยจื่อ หลิง ถ้าเจ้าจะโทษก็ไปโทษชูเฟิงนู่น อย่าโทษข้า”

‘ต้านต้าน’พูดไปยิ้มไป รอยยิ้มของเธอนั้นทำให้คนหลงสเน่ห์นับไม่ถ้วน มีคนจำนวนมากนั้นตกหลุมรักสเน่ห์จากรอยยิ้มของ’ต้านต้าน’แล้ว ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง

“ข้าไม่โทษท่านหรอก แน่นอน ชูเฟิงด้วย ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ข้าก็ไม่โทษเขา.”

‘จื่อ หลิง’พูด และยิ้มออกมา

“แม่นาง ข้าอยากรู้ว่าเจ้ามาจากโลกวิญญาณไหนกัน”

ในตอนนั้น ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้าก็พูดขึ้น เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่น่าเกรงขามลอยออกมาจากตัว’ต้านต้าน’

“สามหาว”

“ใครอนุญาตให้เจ้าเรียกข้าว่าแม่นาง เจ้าต้องเรียกข้าว่า ท่านราชินี เข้าใจหรือไม่”

เมื่อฟังคำพูดของผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า ‘ต้านต้าน’ก็หงุดหงิดทันที จึงพูดออกมา เสียงของเธอนั้นดังและใสมาก แม้แต่สุสานพันกระดูกยังได้รับผลกระทบ

ในสายตาของต้านต้านตอนนี้นั้น รุนแรงมากมันไม่ได้มาจากพลังของเธอแต่มันมาจากเจตท่าทางของเธอ

‘ต้านต้าน’ ในตอนนี้ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกกลัว ผู้คนต่างรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงและเดินถอยออกไปก้าวนึง

ในตอนนี้ เธอเป็นสาวงามที่ทำให้คนรู้สึกหลงใหลหรือ ไม่ใช่ ตอนนี้เธอได้เปลี่ยนเป็นปีศาจที่ทำให้คนเกรงกลัวแล้ว

แม่แต่ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า ก็ขนลุกเล็กน้อย หลังจากคิดอยู่สักพัก เขาก็ใจเย็นลง จึงยิ้มและพูดว่า

“ ข้าไม่เคยเห็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความมืดแบบนี้มาก่อน ถ้าข้าเดาไม่ผิด แม่นาง เจ้ามาจาก โลกอสูรฟ้าในตำนานนั่นใช่หรือไม่!”

..

แปลโดยท่าน#ฮาย

: ต้านต้านออกมาข้างนอกได้แล้ว ถึงเวลาที่ชูเฟิงจะได้กินตับ!!!

: แหม๋สมอง!!! ถ้าจะเอาก็ต้องรอต้านต้านหลับ หรือพูดให้เข้าใจคือ ลักหลับนั้นเอง!!!

: กูก็นึกว่าจะด่า . . . . ก็จริงอ่ะนะ เพราะชูเฟิงตอนนี้ยังสู้ต้านต้านไม่ได้ แต่หากลองขอ ต้านต้าน ดีๆจะได้ไม๊นะ

: ก็ไม่แน่ ดูๆแล้วต้านต้านเองก็อาจมีใจให้ ชูเฟิง อีกทั้งอยู่ด้วยกันมาก็นาน แต่อารมณ์ของนางอาจจะรักกับชูเฟิงแบบพี่น้อง แต่ไม่เป็นไร คนละพ่อ คนละแม่

: แหม๋สมอง!!!

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments