ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป” แมลงนี้ คือหนอนสลายกระดูก หากมันเข้าไปภายในร่างกาย มันจะกัดกินอวัยวะภายในรวมไปถึงเนื้อหนัง แม้แต่กระดูกพวกเจ้าก็ยังไม่เหลือ “
” แต่ก่อนหน้านั้น เจ้าจะต้องทุกข์ทรมานกับวิธีการของมันขณะที่แทะเล็มอวัยวะภายในของเจ้า ข้าเดาว่าเจ้าคงจะชอบความรู้สึกนี้ “
ราชันย์คางคกดำ เล่นกับหนอนสลายกระดูกภายในมือ ขณะที่ยิ้มและพูดกับ ‘ชูเฟิง’
” นีมัน หนอนสลายกระดูกหนิ ข้าก็นึกว่าอะไรที่น่ากลัวกว่านี้ซะอีก!!! “
เมื่อมองไปที่หนอนสลายกระดูก ‘ชูเฟิง’ได้แต่ตีริมฝีปากใส่
” อะไรนะ ? เจ้ารู้จัก หนอนสลายกระดูกงั้นหรอ ? “
ราชันย์คางคกดำถึงกับอึ้ง หนอนสลายกระดูกเป็นสิ่งมีชีวิตที่ลึกลับและหาพบมันได้ยาก จริงๆมนุษย์ไม่น่าจะมีใครเคยเห็นมันมาก่อนด้วยซ้ำ
” หาา!!! แน่นอนว่าเคยเห็นมันมาก่อน มันมีดีแค่กินเนื้อหนังกับกระดูก “
” เป็นคนอื่นไอ้นั้นคงน่ากลัว แต่สำหรับข้า มันก็แค่ของเด็กเล่น มันน่าจะดีกว่าหากเจ้าเปลี่ยนวีธีทรมานข้า “
‘ชูเฟิง’ ขดริมฝีปากของเขาและกล่าว
” จริงเหรอ? งั้นดี หากครั้งแรกเจ้าสามารถทนความทรมานจากหนอนสลายกระดูกนี้ได้ ข้าจะเปลี่ยนวิธีทรมานเจ้า “
ราชันย์คางคกดำยิ้มบิดๆเบี้ยวๆแล้วเดินมาที่’ชูเฟิง’
” เฮ้ย เอาจริงดิ นี้มันของเล่นเด็กนะ เก็บไว้ให้คนอื่นเถอะ ให้ตายสิ จะให้ข้ากินเจ้าสิ่งน่าขยะแขยงลงได้ยังไง!!! อ้า~~~~~~~~~ “
เวลานั้น ราชันย์คางตกดำไม่สนใจที ‘ชูเฟิง’ พล่าม มือของมันง้างปาก ‘ชูเฟิง’ และจับแมลงสลายกระดูกยัดเข้าไปในปากของ ‘ชูเฟิง’
” ปล่อยเค้าไป!!! ข้าไม่ต้องการให้เขามาตายเพื่อข้า “
เมื่อนางเห็นฉากนั้น ความรู้สึกเป็นห่วงก็เกิดขึ้นบนใบหน้าหวานๆของ ‘จื่อหลิง’ จากนั้นพลังวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากร่างเล็กๆของนาง จนเกิดแรงระเบิดของพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดออกมาทำให้เถาวัลย์ที่มัดนางไว้จนขาดกระบั้น นางพยายามยื่นมือออกไปเพื่อต้องการหยุดการกระทำของราชันย์คางคกดำ
” อยู่เฉยๆ แล้วรอดูอยู่กับที!!! “
อย่างไรก็ตาม มือของราชันย์คางคกก็ปล่อยคลื่นพลังออกมา ปกคลุมร่างกายของ’จื่อหลิง’ ออร่านั้นปิดผนึกพลังของนาง จนทำให้นางล้มลงโดยไร้สิ้นพลังอำนาจ ตอนนั้นนางไม่อาจขัดขืนได้เลย
เห็นแบบนั้น ‘ชูเฟิง’ทีกำลังจะโดนแมลงยัดเข้าปาก หน้าของเขาก็เริ่มซีด เนื่องจากไม่อยากจะกินแมลงพันธุ์นี้
” ท่านพ่อ ช่วยลูกด้วย ~~~~~~~ “
ในตอนนั้น ก็มีตัวประหลาดคล้ายกับคางคกร้องดึงขึ้นหน้าทางเข้าของ พระราชวัง
ตอนนั้น ‘ชูเฟิง’ก็เห็นได้ชัดเจนว่า บนใบหน้าที่น่าเกียจของราชันย์คางคกดำตกใจอย่างมาก ไม่เพียงแต่เขาจะหยุดการเคลื่อนไหว เขายังรีบใช้สายตาหันไปมองที่หน้าทางเข้าของพระราชวัง และจากนั้นก็มีเสียงตะโกนเข้ามาว่า
” ปล่อยพวกเค้าไป!!! “
ในเวลาเดียวกัน ‘ชูเฟิง’ ก็หันหน้าไปมองยังปากทางเข้าของพระราชวัง และพบกับ ชายชราผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ชายชราคนนั้นก็คือ ‘จื่อ ซวนหยวน’ และด้านหน้าของ ‘จื่อ ซวนหยวน’ คือปีศาจคางคกที่กำลังคุกเข่า ลักษณะของมันดูคล้ายกับราชันย์คางคกดำอย่างมาก
ไม่เพียงแต่มันจะมีตัวสีดำ แม้แต่ลักษณะของตาและรูปร่างยังคล้ายกันอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีพลังวิญญาณอยู่ในระดับ 7 แก่นแท้วิญญาณ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นลูกชายของราชันย์คางคกดำ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม ‘จื่อ ซวนหยวน’ ถึงไม่ได้ปรากฏอยู่นานสองนาน นั้นเป็นเพราะเขาไปจับลูกชายของราชันย์คางคกดำมานั้นเอง
มันไม่ผิดตัวแน่ เพราะดูจากสีหน้าของราชันย์คางคกดำ บอกได้เลยว่าเขาดูห่วงใยลูกของเขามาก ตอนนั้น ‘จื่อ ซวนหยวน’ ก็ได้รู้จุดอ่อนของราชันย์คางคกดำ
” อาวุโส ซวนหยวน “
ในเวลาเดียวกัน ‘หลิว จื่อซุน’ และคนอื่นๆจากนครอันทรงเกียรติต่างดีอกดีใจกันออกนอกหน้า เพราะพวกเขารู้ว่าพลังของ ‘จื่อ ซวนหยวน’ ไม่ด้อยไปกว่า ราชันย์คางคกดำ ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็น ‘จื่อ ซวนหยวน’ พวกเขาจึงทำหน้าเหมือนว่ามีพระเจ้าลงมาโปรดช่วยให้พวกเขารอดพ้นวิกฤต
อย่างไรก็ตาม ‘จื่อ ซวนหยวน’ ไม่ได้สนใจคนเหล่านั้น จากนั้นเขาก็กล่าวกับราชันย์คางคกดำ
” ปล่อยเด็กสองคนนั้นซะ ไม่งั้นข้าจะฆ่าคางคกน้อยของเจ้า!!! “
” เจ้ากล้าเหรอ !!! หากเจ้ากล้าแตะต้องลูกของข้า พวกเจ้าอย่าคิดว่าจะมีใครรอดไปจากทีนี่ “
ราชันย์คางคกดำยิงสายที่เย็นชากวาดไปรอบๆขณะที่คำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
” เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้างั้นหรอ เด๋วข้าจะฆ่ามันซะเดี๋ยวนี้!!! “
‘จื่อ ซวนหยวน’ แสยะยิ้มเบาๆพร้อมกับปล่อยจิตสังหารออกมาจากดวงตา
” อย่าๆ!!! ข้าจะปล่อยพวกเขา “
เห็นเช่นนั้น ราชันย์คางคกดำรีบห้ามอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ดึงชูเฟิงลุกขึ้นจากพื้นและกล่าว
” เพื่อความยุติธรรม เจ้าปล่อยลูกชายข้ามา แล้วข้าจะปล่อยเขา โดยที่ให้พวกเขาเดินไปด้วยตัวเองและห้ามฝ่ายใดขยับ เจ้าคิดว่าไง “
” ไม่มีปัญหา เอาอย่างที่เจ้าว่า แต่จะดีกว่าหากเจ้าไม่เล่นตุกติด หากเจ้ากล้าทำอะไรโง่ๆ ข้าจะให้ทำให้เจ้าสำนึก “
‘จื่อ ซวนหยวน’ ไม่ลังเลและกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อเขาพูดจบ เขาก็ผลักคางคกออกไปด้าหน้า ในเวลาเดียวกันเขาก็ใช้ออร่าหมัดคางคกเอาไว้ด้วย หากราชันย์คางคกดำคิดใช้ลูกไม้หรือเคลื่อนไหวใดๆ เขาก็จะสังหารลูกชายของราชันย์คางคกดำ
” ไปได้!!! “
ในเวลานั้น ราชันย์คางคกดำก็ผลัก ‘ชูเฟิง’ออกไป จากนั้นก็ดึง’จื่อหลิง’มา
ตอนนั้น ‘ชูเฟิง’ รู้สึกเย็นหวาบขึ้นมา ด้วยดวงตาที่จ้องมองเขาจากด้านหลัง เหมือนกับคลื่นพลังที่แสนน่ากลัวติดตามเขาไป
ดังนั้น ‘ชูเฟิง’ จึงไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆด้วยความรอบคอบ เขาจึงจำเป็นต้องเดินไปถึง ‘จื่อ ซวนหยวน’ซะก่อน ในเวลาเดียวกันเขาก็ปลดปล่อยพลังจากสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ภายในโลหิตออกมา
” ฮ่าๆ ข้าจับเขาได้แล้ว!!! “
ในเวลาที่’ชูเฟิง’สวนกับคากคก มันก็ระเบิดออร่าระดับ 7 แก่นแท้ออกมาและขยายมือที่เหนียวเหนอะไปคว้า ‘ชูเฟิง’ ในระยะนั้นแม้แต่ ‘จื่อ ซวนหยวน’ ที่กำลังจะทำการโจมตีก็ช้าไป
” ยํากกกกก. . . “
ขณะที่’ชูเฟิง’คำราม ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไป จากพลังที่อยู่ในระดับ 3 แก่นแท้ ก็พลันเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 5 แก่นแท้ จากนั้นก็พลิกฝ่ามือของคากคกบิดกลับไปที่คอ
ด้วยพลังของเขา ‘ชูเฟิง’ ทีบร่างกายที่ใหญ่โตของคางคก คุกเข่าลงต่อหน้าเขา
” อะไรกัน ?!!! “
หลังจากที่เห็นแบบนั้น แม้แต่ราชันย์คางคกดำและสัตว์มหึมาตัวอื่นๆก็พากันมึน งง เป็นไก่ตาแตก
พวกเขาคิดไม่ถึงว่า ‘ชูเฟิง’ ‘ชูเฟิง’จะปรับเปลี่ยนความแข็งแกร่งของเขาขึ้น จนสามารถกำราบลูกชายของราชันย์คางคกดำได้อย่างง่ายดาย
แต่ในเวลานั้น เมื่อเทียบกับใบหน้าของพวกสัตว์มหึมา ผู้คนที่อยู่ในนั้นต่างตกใจมากกว่าเสียอีก
หลังจากที่พวกเขารู้มาก่อนว่า ‘ชูเฟิง’ มีพลังวิญญาณที่ผิดปกติ แต่ไม่กี่คนที่เข้าใจวิธีพิเศษของเขา และอำนาจการต่อสู้ของเขาก็เหนือสามัญสำนึก แต่ถึงแบบนั้น ‘ชูเฟิง’ก็ไม่น่าจะกำราบ เจ้าคางคกตัวนั้นที่อยู่ในอาณาจักรแก่นแท้ระดับ 7 ได้ง่ายขนาดนี้ พวกเขารู้สึกประหลาดใจอีกทั้งตกใจในเวลาเดียวกัน
เพราะนั้นไม่ใช่ คากคกที่เป็น สัตว์มหึมาทั่วๆไป แต่เป็นบุตรของราชันย์ปีศาจคางคกดำและมีสายเลือดพิเศษไหลเวียนอยู่ภายในร่าง ด้วยพลังอันมหาศาลนั้นกับถูก ‘ชูเฟิง’จัดการ นั้นแสดงให้เห็นว่า ‘ชูเฟิง’ น่ากลัวขนาดไหน . . . . .
” ปล่อยแม่นางจื่อหลิงซะ ไม่งั้นข้าจะกระทึบลูกชายของเจ้า!!! “
‘ชูเฟิง’ คว้ามือลงบนไหล่ของคางคก และยกมืออีกข้างที่ห่อหุ้มไปด้วยออร่าสีทองดูอันตราย จ่อไปที่คอของคางคก
” บัดซบ!!! ใช้ไม้นี้งั้นหรอ ไหนเราตกลงกันว่าจะปล่อยคนพร้อมกัน นี่มันหมายความว่ายังไง “
ราชันย์คางคกดำได่แต่โวยวาย ใส่’ชูเฟิง’ด้วยความโกรธ
” นั้นเป๋นข้อตกลงของเจ้ากับอาวุโส ซวนหยวน ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสัญญาของพวกเจ้า ตอนนี้เป็นข้าที่กำลังต่อรองกับเจ้า อย่าได้มากความ บอกมาว่าเจ้าจะปล่อยนางหรือไม่ปล่อย ? “
สายตาของ’ชูเฟิง’เฉียบคมดั่งคมดาบ กับน้ำเสียงที่ดูไร้ความปราณี เขาไม่มีร่องรอยแห่งความลังเลแม้แต่น้อย เพราะ’ชูเฟิง’ไม่ได้มีความปราณีเหมือนคนอื่นทั่วๆไป บรรยากาศรอบๆตัวเขาตอนนั้นดั่งจอมราชันย์อย่างแท้จริง
: พี่เฟิงเราแน่นอนป่ะล่ะ
: สุดยอดไปเลยพี่เฟิง ยังเหี้ยได้อีก . . . . . .
: ความปราณี ความเห็นอกเห็นใจ ไม่สามารถใช้บนโลกนั้นยุคนั้นได้ พี่เฟิงทำถูกแล้ว อย่างว่าสัจจะไม่มีในหมู่โจร อีกอย่าง ที่พีเฟิงพูดก็ถูก ถึงแม่งจะดูเลวก็เหอะ
: แล้วนายว่า พี่เฟิงจะต่อรองสำเร็จป่ะ
: ไม่เพียงต่อรองสำเร็จ แต่ยังได้หัวใจของจื่อหลิง อีกด้วย 5555+
: นั้นสิ แล้วพี่เฟิงจะได้ปลดปล่อยเจ้าโลกไหนตอนไหนน้า……
: มึงก็คิดอยู่แต่เรื่องเด๋ว . . . . . . . แต่กูก็อยากรู้เหมือนกัน แต่เขาว่าเร็วๆนี้ยังไม่ได้นะ จื่อหลิงยังไม่ยอม
: ทำไมล่ะ ก็เร็วๆนี้นางก็เริ่มชอบ ชูเฟิงแล้วไม่ใช่หรอ
: ชอบหรือรัก ไม่ได้แปลว่าต้องให้เสมอไปหนิ เขาก็คงมีเหตุผลอะไรนั้นแหละ เด๋วพี่เฟิงก็ขะยั้นขะยอจนได้เองอ่ะแหละ หมดหนทางจริงๆค่อยวางยา
: ตอนแรกมึงก็พูดเหมือนจะดูดีแล้ว สุดท้ายก็เชี้ยเหมือนเดิม
ที่มา: