ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเมื่ออสูรราชันย์วานรปรากฏออกมาผู้คนที่พบเห็นต่างหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ขณะนั้นมันมอง ‘กู๋ เทียนเซิน’ และกล่าว
” อย่างน้อยเจ้าก็ยังไม่ได้ความจำเสื่อม จริงๆแล้วเจ้าน่าจะแกร่งกว่า เจี่ย ฉือ ดังนั้นการที่น้องชูเฟิงบอกให้ข้าช่วยเจ้า อย่าทำให้มันสูญเปล่า “
อสูรราชันย์วานร ขยายมือออกไปพร้อมกับใช้นิ้ววาดบนอากาศ ในพริบตานั้น ออร่ารูปแบบฯสีม่วงก็ปรากฏบนท้องฟ้าเป็นทรงกลม
รูปแบบฯสีม่วงนั้นงดงามอย่างมาก ภายในวงกลมมีสัญลักษณ์ปรากฏนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะเมื่อมันอยู่ภายใต้แสงจันทรา จึงทำให้มันงดงามจับใจ
หลังจากที่วางสัญลักษณ์เรียบร้อยอสูรราชันย์วานรก็ยกร่างของ ‘กู๋ เทียนเซิน’ ลอยขึ้น พร้อมกับ มือ2ข้าง ขา2ข้าง ที่’เจี่ย ฉื่อ’กระชากออกมา จากนั้น’กู๋ เทียนเซิน’ก็ลอยเข้าไปในรูปแบบฯสีม่วง
พูดให้เข้าใจง่าย มันคือรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณในการรักษา ถึงแม้ตอนนี้เขาจะเป็นคนพิการไม่มีแขนมีขา แต่แขนและขาที่ถูกตัดออกไปนั้น ยังไม่ถูกทำลาย เขาจึงนำชิ้นส่วนเหล่านั้นกลับคืนที่เดิม ด้วยพลังของผู้เชื่อมต่อฯชุดม่วง บนร่างกายของ ‘กู๋ เทียนเซิน’ จึงกลับมาสมบูรณ์เหมือนก่อน โดยไม่มีแม้แต่ร่องรอยของบาดแผล
” โห ~ ~ ~ “
เห็นฉากนั้น แม้แต่คนของนิกายโลกวิญญาณ ทีส่วนใหญ่ล้วนแต่มีอำนาจพลังวิญญาณไม่ธรรมดา ก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก สีหน้าของพวกเขาดูค่อนข้างจะตกตะลึง จนพวกเขาไม่สามารถปิดปากที่อ้าค้างอยู่
มันเป็นเพราะ ‘กู๋ เทียนเซิน’ ถูกตัดแขนและขาออกไป แล้วการที่พวกเขาจะทำให้มันคืนสู่สภาพเดิมมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ นั้นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นความแข็งแกร่งของผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณชุดม่วง
” ขอบคุณท่านอาวุโส ที่ช่วยชีวิตข้า “
ปัจจุบันอสูรราชันย์วานรได้รักษา ‘กู๋ เทียนเซิน’ นั่นก็เท่ากับว่าเขานั้นได้ช่วยทุกคนจากนิกายโลกวิญญาณ ดังนั้นเมื่อร่างกายของเขากลับมาเหมือนเดิม เขาจึงรีบเดินลงมาจากอากาศ พร้อมกับคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อแสดงความเคารพต่ออสูรราชันย์วานร
” อ่าา ไม่ต้องขอบคุณข้า หากไม่ใช่เพราะน้อง ชูเฟิงขอร้อง ข้าไม่มีวันที่จะยอมช่วยชีวิตเจ้า “
แต่ใครจะคิดว่าอสูรราชันย์วานรจะไม่ยอมไว้หน้า ‘กู๋ เทียนเซิน’ อีกทั้งยังโบกมืออย่างไม่สนใจ
” นี่ . . . . . . “
ตอนนั้น ‘กู๋ เทียนเซิน’ อึ้งนิดหน่อย จากนั้นเขารีบโยนสายตาไปที่ ‘ชูเฟิง’ ที่อยู่ด้านหลังของอสูรราชันย์วานร
” อาวุโส โปรดลุกขึ้นเถิด “
เห็นแบบนั้น ‘ชูเฟิง’รีบเดินไปด้านหน้าแล้วดึง ‘กู๋ เทียนเซิน’ลุกขึ้น ในความเป็นจริง’ชูเฟิง’เองก็จนปัญญาเหมือนกัน เพราะเขาไม่เคยคิดว่าเมื่ออยู่ต่อหน้า’จื่อหลิง’ อสูรราชันย์วานรจะอวดเบ่งใส่ ‘กู๋ เทียนเซิน’
” ชูเฟิง นิกายโลกวิญญาณได้คนหนุ่มอย่างเจ้ามา นับเป็นวาสนาของเรายิ่งนัก “
เห็น ‘ชูเฟิง’ ที่ทำแบบนั้น หน้าของ ‘กู๋ เทียนเซิน’ ก็เปรี่ยมไปด้วยความสุขและความผ่อนคลาย ถึงแม้ว่าเขาจะพึ่งออกมาจากการเก็บตัว ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของนิกายโลกวิญญาณมากสักเท่าไหร่ แต่เขาก็รู้สึกว่า ‘ชูเฟิง’ นั้นนับเป็นความหวังของนิกายโลกวิญญาณ
เผชิญกับสถานการณ์แบบนั้น ‘ชูเฟิง’ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาบนใบหน้า และเขาก็ไม่รู้ว่าควรตอบกลับไปยังไง เพราะในใจ ‘ชูเฟิง’ เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของนิกายโลกวิญญาณ แม้ว่านิกายโลกวิญญาณเมตตาเขา แต่ยังไงเขาก็ไม่ได้เป็นสมาชิกของนิกายโลกวิญญาณอย่างเป็นทางการ
ภายในหัวใจเขานั้น คิดเสมอว่าเขาคือศิษย์ของสำนักมังกรฟ้า นั้นคือเหตุผลที่ทำไม’ชูเฟิง’ถึงเรียก ‘กู๋ เทียนเซิน’ ว่า “อาวุโส” แทนคำว่า “บรรพบุรุษ”
” ตระกูลเจี่ย, สำนักหยวนกัง, สำนักเทพอัคคี, นิกายไป๋, และที่ราบหุบเขาไร้ใจ พวกเจ้าบังอาจใช้ประโยชน์จากคนหมู่มาก รังแกน้องชายของข้า อีกทั้งยังติดภาพประกาศจับเขาทั่วอาณาจักรทั้ง 9 เพื่อต้องการแย่งสมบัติของเขา “
” วันนี้ข้าจะให้พวกเจ้าได้ชดใช้สำหรับการกระทำของเจ้า ! ! ! เจี่ย ฉือ เจ้าเศษสวะ สารเลว ก่อนหน้านี้เจ้้าเรียกหาเขาตลอดเวลา เจ้าคงอยากจะฉีกร่างของเขามากนักสินะ ? ดี งั้นข้าจะให้เจ้าได้สัมผัสว่าร่างกายเวลาที่ถูกฉีกนั้นเป็นยังไง “
ทันใดนั้น หลังจากที่เขาพูด อสูรราชันย์วานรก็เรียกประตูโลกวิญญาณขึ้นมา เมื่อประตูโลกวิญญาณเปิดออก ทันใดนั้นก็มี ร่างของอสูรโลกวิญญาณค่อยๆเดินออกมา
” หว้าาา ! “
หลังจากที่ประตูโลกวิญญาณเปิด อสูรวิญญาณทั้ง 4 และ ‘เจี่ย ฉื่อ’ ก็เริ่มร้องครวญครางด้วยความขลาด ท่าทีที่มันแสดงออกนั้นเห็นได้ชัดว่าสุดแสนจะหวาดกลัว
ถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นอสูรวิญญาณเหมือนกัน แต่อสูรวิญญาณของอสูรราชันย์วานรที่เรียกออกมานั้น ร้ายกาจกว่ามากไม่ว่าจะแง่ของรูปร่างหรือพลังอำนาจล้วนแล้วแต่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
มันคืออสูรวิญญาณที่มีพลังวิญญารในอาณาจักรสวรรค์ระดับ 7 ไม่เพียงแค่ด้านพลังวิญญาณแต่ประสิทธิภาพจากพลังของมันยังดูน่ากลัวอย่างมาก
” ไม่เลวหนิ!!! อสูรวานรตนนี้สามารถทำพันธะสัญญากับอสูรโลกวิญญาณได้ด้วย “
หลังจากที่เห็นอสูรวิญญาณปรากฏ ต้านต้าน ก็พูดกับ ชูเฟิง ขณะที่ยิ้มออกมาด้วยความคาดไม่ถึง
” ต้านต้าน อสูรวิญญาณพวกนั้นมีอะไรพิเศษงั้นหรอ ? “
‘ชูเฟิง’ถาม
” นี้คืออสูรวิญญาณที่มีสายเลือดชั้นสูง มันสามารถกล่าวได้ว่าเป็นอสูรวิญญาณระดับสูงของพิภพอสูร ดังนั้น มันจึงแข็งแกร่งกว่าหากเทียบกับอสูญวิญญาณพิภพภูตพราย ซึ่งต่อให้ เจี่ย ฉื่อ กับ กู๋ เทียนเซิน เริ่มมือกัน พวกเขาก็ไม่อาจเอาชนะอสูรวิญญาณของอสูรวานรได้ “
‘ต้านต้าย’อธิบาย
” มันร้ายกาจถึงขนาดนั้นเลยหรอ? “
หลังจากที่ได้คำพูดของ’ต้านต้าน’ ‘ชูเฟิง’ก็ตกใจอย่างมาก ซึ่งความแข็งแกร่งของอสูรราชันย์วานรได้แข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาคาดหวังไว้
” หว้าาา “
ในเวลานั้นอสูรวิญญาณของ ราชันย์วานร ก็คำรามออกมาเป็นครั้งแรก มันทะยานไปบนอากาศ หลังจากนั้นไม่นานมันก็เข้าประชิด ‘เจี่ย ฉื่อ’ พร้อมกับอ้าปากกัดลงบนส่วนหนึ่งของ ร่างกาย ‘เจี่ย ฉื่อ’
” อ้าาา ~~~~~~~~ “
ในทันทีที่ เลือดสาดกระเด็น ‘เจี่ย ฉื่อ’ ก็กรีดร้องออกมาเหมือนหมาที่เห่าหอนยามเห็นผี ต้องบอกว่าร่างกายครึ่งหนึ่งของเขานั้นหายไป แม้แต่ ตันเถียนของเขาก็ถูกทำลาย ซึ่งพลังวิญญาณที่สะสมมามากกว่าร้อยปี บัดนี้สูญสิ้นไปหมดแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะทนได้
” อ้า~~~~~~ “
หลังจากนั้นอสูรวิญญาณก็อ้าปากอีกครั้ง มันไม่ได้กิน’เจี่ย ฉื่อ’ เข้าไป แต่มันกัดที่แขนข้างหนึ่งของ ‘เจี่ย ฉื่อ’ หลังจากนั้นมันก็เคี้ยวเข้าไปในปาก จนแขนข้างนั้นเละเป็นโจ๊ก
* พรึบ *
ในสถานการณ์แบบนั้น ร่างกายของ ‘เจีย ฉื่อ’ ก็ระเบิดออกมาเป็นร่างแบบโปร่งใสพุ่งหนีขึ้นไปที่ท้องฟ้า นั้นก็คือ จิตสำนักของ ‘เจี่ย ฉื่อ’ นั้นเอง
***** หว้าาา *****
ในเวลาเดียวกับบที่จิตสำนักลอยออกไป อสูรวิญญาณก็สะบัดสายตาตามไปพร้อมกับระเบิดคลื่นเสียงที่ทรงพลังแพร่กระจายในอากาศ จนทำให้จิตสำนึกของ ‘เจี่ย ฉื่อ’ ดับสลาย
จากนั้นมันก็อ้าปากอีกครั้งพร้อมกับกลืนกินร่างกายส่วนที่เหลือของ ‘เจี่ย ฉื่อ’
” ใครอยากจะเป็นรายต่อไป !!!”
ทันใดนั้นอสูรราชันย์วานรก็เหวียงสายตาไปที่ สี่บรรพบุรุษรุ่นก่อนของสำนักหยวนกัง นิกายไป๋ สำนักเทพอัคคี และที่ราบหุบเขาไร้ใจ
” ขอท่านโปรดเมตตา ขอท่านโปรดเมตตา ! ! ! ที่เราโกรธแค้นชูเฟิง เพราะเรานั้นไม่มีตา ขอท่านโปรดอภัยและไว้ชีวิตของพวกเราสักครั้ง “
เห็นสายตาที่จ้องมองของ อสูรราชันย์วานร ขาของบรรพบุรุษรุ่นก่อนของสำนัก หยวนกัง อ่อนลงทันทีเขาคุกเข่าลงพร้อมกับร้องไห้อ้อนวอนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา ในช่วงเวลาของชีวิตที่อยู่ระหว่างความเป็นและความตาย เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่สนใจตำแหน่งของตัวเอง
” อาวุโสโปรดเมตตาด้วย!!! ข้าไม่ทราบจริงๆว่าชูเฟิงคือน้องชายของท่าน!!! หากข้ารู้แม้ข้าจะมีร้อยหัวข้าก็คงไม่กล้าที่จะคิดร้ายต่อ ชูเฟิง !!! “
” ที่เขากล่าวว่า คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด อาุวโสข้าอยากทราบว่าท่านพอจะให้โอกาสพวกเราได้กลับตัวใหม่อีกครั้ง ในวันข้างหน้าหากท่านต้องการให้ข้าเป็นวัวเป็นม้า ข้าก็ยินดีทีจะทำ “
บรรพบุรุษรุ่นก่อนของนิกายไป๋ก็เริ่มที่จะขอร้องอย่างหวาดกลัว ในตอนนั้นแม้แต่ลำไส้ของเขาก็ยังปั่นป่วนจากความเสียใจ หากเขารู้ว่า’ชูเฟิง’มีคนที่คอยสนับสนุนที่แข็งแกร่งแบบนี้อยู่เบื้องหลังต่อให้เขามีร้อยชีวิตเขาก็ไม่กล้าทำร้าย’ชูเฟิง’ แต่บนโลกนี้ไม่มียาแก้ความเสียใจและในเวลานี้มันก็สายเกินไปสำหรับการที่เขาจะต้องมานั่งเสียใจ
ในเวลานั้นคับขันดูเหมือนว่าบรรพบุรุุษรุ่นก่อนของสำนักเทพอัคคี จะมีท่าทีแข็งกร้าว ตอนนั้นเขายืนจ้องหน้าอย่างเย็นชากล่าวเหมือนกับว่าไม่กลัวสิ่งใด
” หากเจ้าตองการฆ่าก็เชิญลงมือ ต่อให้อีกสิบแปดปีข้าก็จะพูดว่าสิ่งที่ข้าทำนั้นถูกต้อง “
” มันเป็นแค่สัตว์เดรัจฉานที่ชั่วช้า คุ้มค่าแล้วหรอที่พวกเราจะคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องมัน “
ในตอนนั้น บรรพบุรุษรุ่นก่อนของที่ราบหุบเขาไร้ใจก็ยืนต่อต้านท้าความตายโดยที่ไม่เอ่ยคำอ้อนวอน
” ฮ่าๆ เจ้าทั้งสองช่างน่าสนใจมากยิ่งนัก “
อสูรราชันย์วานร หัวเราะเสียงดังแม้แต่ท้องฟ้ายังสั่นสะท้าน หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนท่าทางการแสดงออกพร้อมกับเปิดประตูโลกวิญญาณอีก 7 บานขึ้นมาด้านหลัง ในเวลาเดียวกันอสูรวิญญาณที่ทรงพลังอำนาจ 7 ตนก็ก้าวออกมาจากประตูโลกวิญญาณ
อสูรวิญญาณทั้ง 7 ตน นั้นมากจากพิภพอสูร นอกจากนี้ พลังวิญญาณของพวกเขาทั้งหมดยังอยู่ในอาณาจักรสวรรค์ระดับ 7 และออร่าของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งอสูรวิญญาณทั้งหมดล้วนแต่มีสายเลือดระดับสูง
หลังจากที่อสูรวิญญาณออกมา 8 ตน อสูรราชันย์วานรก็ชี้ลงมาที่คนพวกนั้นและออกคำสั่งด้วยเสียงที่ดังกังวาล
” ผู้ที่มารุกรานที่สถานที่แห่งนี้พวกเจ้าจงกลืนกินพวกมันให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!!! “
..
: ตอนนี้มันยาวจังว่ะ . . . . .
: เอ่อออ ไม่มั้ง 44 ย่อหน้า . . . . .
: ของวันนี้หมดซะแหละ คนอ่านจะค้างกันไม๊นะ ???
: เด๋วเราค่อยตามไปดูในคอมเม้น แต่บอกไว้เลยตอนต่อๆไปนั้นสนุกมาก
ที่มา: