ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปในตอนนี้หุบเขาพันอสูรก็กลายเป็นสนามรบระหว่างมนุษย์และอสูรมหึมา มีเสียงคำรามของสัตว์ดังมาตลอดดั่งเล่นเสียงฟ้าร้อง พื้นที่ขนาดใหญ่มีควันหนาทึบลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าทุกคนที่อยู่ในรัศมีพันไมล์ล้วนเห็นทุกคนถ้าไม่ใช่ ‘จื่อ ซวนหยวน’ สั่งให้’จื่อหลิง’ไปตามกองทัพนครอันทรงเกียรติ
เห็นทีว่านางคงไม่คิดจะไปจากหุบเขาพันปีศาจแต่โชคดีบนถนนนั้น ‘ชูเฟิง’และคนอื่นๆไม่ได้พบกับสัตว์ยักษ์ที่แข็งแกร่งเลย ทำให้พวกเขาหนีจากหุบเขาพันปีศาจกลับไปยังนครอันทรงเกียรติได้อย่างปลอดภัยหลังจากที่กลับนคร
ข่าวที่ถูกลอบโจมตีและสายจากอสูรมหึมาแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วก่อให้เกิดความวุ่นวายในนคราอันทรงเกียรติ ผู้คนในขณะนั้นรู้สึกหวาดกลัวและไม่สบายใจมากทุกคนกลัวว่ากำลังหลักของนครอันทรงเกียรติที่ส่งไปโจมตีหุบเขาพันปีศาจจะพบกับความโชคร้ายไม่เพียงแต่ผู้เชี่ยวชาญจากนครอันทรงเกียรติแม้แต่ ‘สู จงหยู’ ‘กู่ โป๋’ และคนอื่นๆ ก็ถูกส่งไปบุกหุบเขาพันนปีศาจเช่นกัน
ในระยะเวลาสั้นๆ นครอันทรงเกียรติในตอนนี้ก็ห่อหุ้มด้วยบรรยากาศอึมครึม ทุกคนเป็นห่วงผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรตนมาก เพราะถ้าเกิดผู้เชี่ยวชาญเกิดเสียชีวิตจะส่งผลกระทบต่ออาณาจักรในอนาคตแม้’จื่อหลิง’ จะเป็นห่วงความปลอดภัยของปู่ของเธอ
แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากภาวนาแต่มีบางอย่างเกิดขึ้นหลังจากพวก’ชูเฟิง’กลับมาถึงนครอันทรงเกียรติ ‘หลิว จื่อซุน’ไม่เพียงไม่มาระราน แต่เขากับหายไปในวันที่เขากลับมาถึงนครอันทรงเกียรติทางคนอื่นๆต่างรู้สึกผิดในใจเขา เขาไม่สามารถที่จะแบกหน้าไปพบคนอื่นได้ ดังนั้นเขาจึงหลบซ่อนตัวเอง
“เจ้ากำลังจะบอกว่าเจียง หวู่ชาง หายไปทันทีที่เข้ามาในหุบเขาพันอสูรนั้นหรือ”
ในที่พักของ’ชูเฟิง’ เขากล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจเพราะเขาไม่พบ ‘เจียง หวู่ชาง’แม้แต่เงา เขาจึงเรียก ‘กู โป๋’ มาถามถึงเรื่องนี้และคำตอบของ’กู่ โป่’ มันทำให้’ชูเฟิง’รู้สึกสงสัยอย่างมาก เพราะที่ ‘เจียง หวู่ชาง’ได้ออกจากลุ่มทันทีที่เข้าไปในหุบเขาพันปีศาจนั้นหมายความว่าเขามีแผนอยู่
‘ชูเฟิง’เดาว่า ‘เจียง หวู่ชาง’ มาที่นี่เพื่อค้นหาสมบัติในหุบเขาพันปีศาจ เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่าราชวงศ์เจียงได้บุกหุบเขาปีศาจ ทำให้มันค่อนข้างชัดเจนว่า เขามีข้อมูลเกี่ยวกับ หุบเขาพันปีศาจมากกว่านครอันทรงเกียรติแต่เมื่อคิดว่า ‘เจียง หวู่ชาง’นั้น รู้เบาะแสของสมบัติหรือไม่
‘ชูเฟิง’ก็เป็นกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามบนหุบเขาพันปีศาจในความเป็นจริงไม่ว่าใครจะชนะหรือแพ้ แต่’ชูเฟิง’หวังว่านครอันทรงเกียรติจะช่วยลดการป้องกันของหุบเขาพันปีศาจได้ เขาจะได้ลอบเข้าไปในหุบเขานั้น แล้วไปเอาบางสิ่งบางอย่างที่เขาต้องการทุกคนต่างรอคอยด้วยความกังวล และเวลาผ่านไป 3 วันมีอินทรีหัวขาวจำนวนมาก ปรากฏขึ้น
“พวกเขากลับมาแล้ว เจ้านครกลับมาแล้ว!! “
ในตอนนั้นมีเสียงดังมาจากฝูงชนภายในนครอันทรงเกียรติ พวกเขาดีใจที่ทหารที่ส่งไปครั้งนี้กลับมาพร้อมชัยชนะแม้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ จะมีเกิดการสูญเสียไม่น้อยแต่พวกเขาก็สามารถจับอสูรมหึมามาได้
ในเวลานี้อาจบอกได้ว่ำพวกเขาได้รับชัยชนะมาก็เป็นได้ที่พูดอย่างนั้นได้เพราะว่า พวกเขาไม่ได้จับเชลยทั่วไปมาแต่ที่เขาจับมาคือ 1 ใน 5 ของราชันย์อสูรมหึมา ราชันย์คางคกดำ และคนที่ทำเช่นนี้ได้คือ ‘จื่อ ซวนหยวน’
“จื่อ ซวนหยวนแข็งแกร่งจริงๆ ข้าได้ยินมาว่า ราชันย์คางคกดำมีระดับการบ่มเพาะที่ 5 อาณาจักรสวรรค์วิญญาณ แต่จื่อ ซวนหยวนก็รอดชีวิตกลับมาได้ แสดงว่าเขาต้องมีการบ่มเพาะระดับ 5 อาณาจักรสวรรค์วิญญาณเป็นอย่างน้อย ไม่งั้นเขาคงไม่สามารถจับเป็น ราชันย์คางคกดำได้หรอก “
ในตอนนั้น ‘กู่ โป๋’ ก็มายังที่พัก’ชูเฟิง’อีกครั้ง ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา’ชูเฟิง’ไม่ได้ออกจากที่พักของเขาเลย แต่เขาก็ยังเข้าใจเรื่องด้านนอกทั้งหมด เพราะ’กู่ โป๋’เป็นมาบอกข้อมูลให้กับเขา
“ระดับที่ 5 ของอาณาจักรสวรรค์วิญญาณงั้นหรือ ราชันย์คางคกดำและ ผู้อาวุโส ซวนหยวนช่างแข็งแกร่งจริงๆ กู โป๋ในทวีป 9 อาณาจักรตอนนี้นั้น ผู้ที่อยู่ในระดับ 5 อาณาจักรสวรรค์วิญญาณนั้นสามารถจัดได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดได้หรือไม่”
‘ชูเฟิง’ถาม
“ได้สิ แต่ว่าชูเฟิงเจ้ารู้เรื่องเมื่อ่ 100 ปีก่อนที่มีอัจฉริยะทั้ง 2 เกิดขึ้นใน ตระกูล เจี๋ย และสมาคมโลกวิญญาณหรือไม่? “
‘กู โป๋’ ตอบด้วยคำถาม
“อืม ข้ารู้ “
‘ชูเฟิง’ตอบ เพราะเขาเคยได้ยินเรื่องนี้ก่อนเข้าหอคอยอสูรฟ้าจากที่เขาได้ยินว่า ทั้ง 2 นั้นเป็นอัจฉริยะที่พันปีจะเกิดที เนื่องด้วยตัวตนของพวกเขาทำให้ อาณาจักรวิญญาณ นั้นแข็งแกร่งที่สุด ใน 9 อาณาจักร ไม่นับ ราชวงศ์เจียงเพราะตั้งแต่ราชวงศ์เจียงปกครองทวีปเก้าอาณาจักรนั้น
ก็ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนบัลลังก์ของราชวงศ์เจียงได้เลย แม้แต่ ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า ที่ทำให้ราชวงศ์เจียงปวดหัวในปีนั้น ก็ไม่สามารถสั่นคลอนตำแหน่งของราชวงศ์เจียงได้กลับเข้าเรื่อง 2 อัจฉริยะนั้น ยังเด็กมาก และสามารถให้อาณาจักรวิญญาณแข็งแกร่งที่สุดใน 9 อาณาจักร
แต่’ชูเฟิง’ได้ยินมาว่า สุดท้ายทั้ง 2 อัจฉริยะที่ความสามารถในการต่อสู้สูงส่งมา ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับผู้เชี่ยวชาญลึกลับและ ‘ชูเฟิง’ยังรู้อีกว่าผู้เชี่ยวชาญลึกลับนั่นคือ อสูรมหึมาที่ถูกผนึกอยู่ในหอคอยอสูรฟ้า
“อย่างแรกคืออัจฉริยะทั้ง 2 นั้นก่อนตายพวกเขาได้อยู่ในระดับ 6 อาณาจักรสวรรค์วิญญาณ แต่ในปัจจุบันนี้ อาณาจักรทั้ง 9 นั้นแตกต่างกันกับ100ปีที่แล้วมาก พลังของทุกอาณาจักรนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้ง จำนวนของผู้เชี่ยวชาญก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน แต่คนที่อยู่ในระดับ 5 ของอาณาจักรสวรรค์วิญญาณ ก็อาจบอกได้ว่า พวกเขาอยู่บนจุดสูงสุดของ ทวีป เก้าอาณาจักรได้อยู่ดี “
‘กู่ โป๋’พูด
“ดังนั้นก็หมายความว่า จื่อ ซวนหยวน เป็นคนที่แข็งแกร่ง “
‘ชูเฟิง’พยักหน้า และคิดย้อนกลับไปไกลเขารู้สึกว่า ‘จื่อ ซวนหยวน’นั้นเป็นคนที่ลึกลับ และไม่สามารถคาดเดาได้
“ใช่. เจ้านครอันทรงเกียรติ เดิมนับว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก และตอนนี้ จื่อ ซวนหยวนก็ปรากฏตัวขึ้นอีกด้วย ดูเหมือนว่าในตอนนี้ มีเพียง สมาคมโลกวิญญาณ และตระกูลเจี้ยเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับ นครอันทรงเกียรติได้ “
‘กู โป๋’ พูดอย่างภาคภูมิใจ เพราะไม่เพียงมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ในสมาคมโลกวิญญาณ แม้แต่ในแง่ของความแข็งแกร่งก็ไม่แพ้ นครอันทรงเกียรติเลย ทางสมาคมนั้นยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับราชวงศ์เจียงอีกด้วย
ซึ่งหมายความว่าสมาคมโลกวิญญาณนั้นมีราชวงศ์เจียงหนุนหลังอยู่จากมุมมอง ของกู โป๋ ไม่ว่านครอันทรงเกียรติจะแข็งแกร่งขึ้นเท่าใด ก็ไม่สามารถที่จะแข็งแกร่งเท่าสมาคมโลกวิญญาณของเขา
เพราะถ้าเกิดปัญหาระหว่างนครอันทรงเกียรติ และสมาคมโลกวิญญาณแล้ว ราชสงศ์เจียง ต้องเข้าไปหนุนสมาคมโลกวิญญาณอย่างแน่นอน เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะราชวงศ์เจียง ต้องพึ่งผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณ จากสมาคมโลกวิญญาณอยู่
“ใช่แล้ว ข้ามีสิ่งสำคัญจะมาบอกเจ้าในวันนี้. “
ทันใดนั้นใบหน้าของ’กู่ โป๋’พลันกลายเป็นใบหน้าที่จริงจังทันทีทัน
“สิ่งใดหรือ”
‘ชูเฟิง’ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ข้าได้ยินจากพวกผู้อาวุโสของสมาคมว่า ไม่กี่วันก่อนพวกเขาทรมานราชันย์คางคกดำและได้เบาะแสของ สมบัติบนหุบเขาพันปีศาจมา “
“และสุดท้ายเขาได้ขู่ ราชันย์คางคกดำและลูกชาย จนได้ที่ตั้งของสมบัตินั้นมา “
“นั่นคือความจริงหรือ”
หลังจากที่ได้ยิน’ชูเฟิง’ก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น
แปลโดยคุณ#
ที่มา: