ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“เจ้าอสูร!! ตายซะ!!!”
ทันใดนั้นชายชราตะโกนพร้อมกับแทงสว่านออกไปด้วยความตกใจ จากนั้นจู่ๆสว่านในมือก้หายวับไปจากมือ
สว่านนั้นมีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือ หลังจากที่มันหายไปจากมือของเขา ทันใดนั้นมันขยายขนาดขึ้นหลายสิบเมตร มันเปล่งแสงสีทองแพรวพราวพร้อมด้วยพลังอันมหาศาลและล้อมรอบไปด้วยสัญลักษณ์ที่ทรงพลัง มันถูกยิงอย่างรุนแรงไปที่อสูรตนนั้น
“บ้าเอ้ย!”
ณ ขณะนั้นชูเฟิงแอบสาปแช่งอยู่เนื่องจากด้วยความเฉียบคมของอำนาจวิญญาณของเค้า สามารถตรวจสอบได้ทันทีว่าสว่านอันนั้นไม่ใช่สมบัติธรรมดาแต่มันคืออาวุธพิเศษที่สร้างขึ้นโดยผู้เชือมต่อฯชุดคลุมสีทอง
อาวุธนั่นใช่ได้แค่ครั้งเดียวแต่พลังของมันนั้นน่าสะพรึงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่ชายชรามีอยู่นั้นไม่ธรรมดาเลย
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ชูเฟิงคาดหวังให้ชายชราทำสำเร็จและมันมีความเป็นไปได้อย่างมากถ้ามีใครสักคนรู้ หรือไม่อสูรก็อาจจะไม่ปล่อยให้เขาพร้อมกับคนที่มากจากเกาะประหารมีชีวิตรอด
แต่ตอนนี้ ไม่เพียงแค่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับอสูรแต่ยังทำให้ชูเฟิงมีโอกาสมีชีวิตรอดต่อไป นอกจากนี้ถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้นอสูรและชายชรามีชีวิตรอดแทน ชูเฟิงคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตาม โดยที่ไม่คาดคิดเป็นอสูรที่เผชิญกับอาวุธรูปแบบวิญญาณที่น่ากลัว มันไม่ได้หลบหรือป้องกันตัวแต่อย่างใด มันเพียงเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยที่อาวุธรูปแบบวิญญาณ มันเพียงร่างกายเปล่าๆหยุดการโจมตีนั่น
* บูม *
ท้ายที่สุด อาวุธนั่นก็ถูกทำลายในขณะที่เข้าปะทะกับร่างกายของอสูร การจู่โจมนั่นทำได้แค่สร้างเสียงระเบิดอีกทีกคึกโครมเท่านั้น แม้ว่ามันจะก่อให้เกิดระรอกคลื่นที่น่ากลัว แต่หลังจากนั้นระรอกคลื่นก็หายไป มันโดนดูดซึมโดยอสูร
ใช่แล้ว การโจมตีที่น่ากลัวของอาวุธอำนาจพลังวิญญาณถูกดูดซับโดยอสูรจนหมดสิ้น อาวุธที่ชายชราเตรียมขึ้นด้วยความพิถีพิถันนั้นคล้ายกับการเอาไข่ไปขว้างใส่หิน มันไม่สามารถทำให้อสูรได้รับบาดได้แม้เพียงนิด
“เป็นไปได้ยังไง!!!”
เมื่อเห็นเช่นนั้นแม้แต่ตัวชายชราเองก็ยังตกใจ ตามความเข้าใจของเขา อวุธรูปแบบวิญญาณมีความเป็นไปได้สูงที่จะทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแม้ว่าจะเป็นระดับ 5 ขั้นเทพสงครามก็ตาม แต่สถานะการณ์ตอนนี้เรื่องแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้น
เว้นแต่…..เว้นแต่ว่า พลังของมันเข้าสู่สถานะที่ไม่สามารถควบคุมได้
“ผู้อาวุโส เราจะทำยังไงดี? แม้แต่อาวุธยังทำอะไรมันไม่ได้เลย”
ในเวลาเดียวกัน ชายป่าเถื่อนคล้ายกอลิล่าและชายใบหน้ายุติธรรมตกอยู่ในความหวาดกลัวเรียบร้อยแล้ว สว่านของพวกเขาคือโอกาสสุดท้ายและตอนนี้โอกาสสุดท้ายของพวกเขาก็โดนทำลายไปแล้ว ตอนนี้พวกเขาเริ่มรู้สึกถึงความสิ้นหวังแม้ทางออกก็ไม่มี
“เราจะทำอะไรได้อีก? เราทำได้เพียงรอความตายเท่านั้น”
ชายชราเปล่งเสียงออกทางจมูกอย่างเย็นชา แล้วประกายความดุร้ายก็ส่องแสงอยู่ในดวงตาของเขา ขณะที่เขาพูดเขาคว้าชายป่าเถื่อนและชายใบหนา้ยุติธรรมโยนไปตรงหน้าของอสูร
* ฮึ่มม *
และเมื่อทั้งสองถูกโยนไปตกอยู่ถัดทางอสูร พวกเขาก็ถูกยกขึ้นด้วยพลังที่เป็นเอกลักษณ์ของอสูร มันคือจุดเริ่มต้นของจังหวะการกลั่น
“นายท่าน ข้าใคร่ขอถามท่านได้หรือไม่ว่าท่านมากจากที่ใด? แต่ได้โปรด…อย่าฆ่าข้าเลย ข้าเต็มใจที่จะติดตามรับใช้ท่าน แม้ว่าท่านอยากให้ข้าเป็นวัว ม้า หมู หมา อะไรก็ตาม ข้ายอมทั้งหมด ข้าจะไม่ปริปากแม้แต่เพียงครึ่งคำ ดังนั้นได้โปรด…นายท่าน..โปรดเมตตาข้าด้วย”
“เมตตาข้า….เมตตาข้าด้วย! อย่าฆ่าข้า! ข้าเต็มใจที่จะเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ต่อท่าน..ข้าสามารถหาทรัพยากรบ่มเพาะให้ท่านได้มากกว่านี้.. ข้าสามารถหาเหยื่อที่เป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งให้ท่านดูดกลืนได้ ฉะนั้น..ได้โปรด..อย่าฆ่าข้า!”
ตอนนี้ชายป่าเถื่อนและชายใบหน้ายุติธรรมได้ตกอยู่ในความกลัวเรียบร้อยแล้ว พวกเขาซึ่งหวาดกลัวต่อความตายได้เริ่มพูดทุกอย่างออกมาโดยไร้ยางอาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายใบหน้ายุติธรรม เขายังมีข้อเสนอที่จะให้ทรัพยากรบ่มเพาะแก่อสูร พวกเขาด้อยค่ากว่าหมูและหมาแม้กระทั่งสัตว์อื่นๆก็ด้วย
“อ้า~~”
อย่างไรก็ตาม อสูรไม่ได้สนใจในสิ่งที่พวกเขาเสนอเลยแม้แต่น้อย หัวใจทั้งสองบิดกระชากพร้อมกับส่งเสียงเกรียดร้องออกมา ทั้งเริ่มที่จะประสบกับความทุกข์ทรมานอันโหดร้าย
ความโหดเหี้ยม มันคือความโหดเหี้ยมอย่างแท้จรืง แม้ว่าพวกเค้าทั้งสองจะยังอดทนต่อความเจ็บปวดจากการกลั่นได้ และกระบวนกลั่นนี้แน่นอนว่ามันต้องเกิดกับคนอื่นๆด้วย พวกเขาใช้เวลานานเป็นอย่างมากในกระบวนการนี้
ที่จริงแล้ว อสูรมีความตั้งใจที่จะทรมานพวกเขา มันทรมานอย่างช้าๆและในระหว่างนั้น ชูเฟิงสามารถเห็นผิวหนังของพวกเขากำลังปริแตกอย่างชัดเจน การปริแตกนั้นมาพร้อมกับธารสายโลหิตสีแดงฉานไหลพล่านเข้าสู่ร่างการของอสูร การกลั่นและการดูดซึมหมายถึงสิ่งนี้
หลังจากที่ผิวหนังของพวกเขาปริแตกแล้ว ตามมาด้วยกระดูกสดๆและอวัยวะภายใน ก่อนกระบวกการกลั่นจะเสร็จสิ้น พวกเขาทั้งสองคนยังมีชีวิตอยู่ สามารถเห็นได้จากการที่พวกเขารู้สึกทรมานอยู่
หลังจากกระบวนการทรมานที่ยาวนาน ชุดของกระดูกของพวกเขาทั้งสองคนยังคงอยู่ แต่ตอนนี้อสูรไม่ได้ทำแบบเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ มันแค่โยนพวกเขาไปด้านข้าง กองกระดูกที่แตกเป็นเสี่ยงๆได้ห้อมล้อมพวกเขาไว้
วิธีการที่มันทำกับพวกเขานั้นไม่เพียงแค่ยืดเวลาออกไป มันยังรวมถึงเพิ่มวิธีการทรมานเข้าไปด้วย และมันยังกินกระดูกพวกเขาไปด้วย ไม่เหลือแม้แต่เศษซาก
“ฮ่า ฮ่า ชูเฟิงดูสิ! วิธีการที่อสูรตัวนั้นทำช่างคล้ายกับเจ้ายิ่งนัก ทั้งรุนแรงและโหดร้ายพอๆกัน”
ทันใดนั้น ต้านต้านก็เชียร์อย่างมีความสุขพร้อมกับระบายความโกรธออกมาทางใบหน้า
“อะไรนะ? ปกติข้าเป็นคนที่โหดร้ายแบบนั้นหรอ?”
ชูเฟิงถามขึ้นด้วยใบหน้าที่บริสุทธ์หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น
“เจ้าหรอ? เจ้าเป็นคนที่โหดร้ายมาก โหดร้ายกว่าอสูรซะอีก เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าเกรี้ยวกราด เจ้าก็จะกลายเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์!! ฮ่า..ฮ่า แต่ข้าชอบแบบนั้น เป็นมนุษย์ที่เกรี้ยวกราด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจ้าเผชิญหน้ากับศัตรู ไม่เพียงเจ้าจะเลือดเย็นแต่ยังอำมหิตอีกด้วย เจ้าจะต้องกลายเป็นคนบ้าและเกรี้ยวกราดเท่านั้นถึงจะทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้านเมื่อได้ยินชื่อของเจ้าและสูญเสียความกล้าหายทั้งหมดเมื่อได้เผชิญหน้ากับเจ้า”
ต้านต้านพูดพลางหัวเราะขบขัน
ณ ขณะนั้น ชูเฟิงรู้สึกว่าเขาไม่สามารถโต้เทียงได้ ไม่ใช่เพราะเขาโง่ แต่โดยธรรมชาติแล้วเขารู้ว่าคนประเภทไหนที่เขาต้องเกรี้ยวกราด แต่เขาไม่เคยเสียใจที่ทำแบบนั้นแต่กลับกันเขากลับรู้กสึกว่าต้านต้านพูดถูก เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูเขาจะกลายเป็นอำมหิตและเลือดเย็น กลายเป็นปีศาจที่ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความเป็นมนุษย์
หลังจากที่เขาดูด้วยตาของตัวเอง ตอนที่อสูรกำลังดูดกลืนชายป่าเถื่อนและชายใบหน้ายุติธรรมด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมอำมหิต ไม่เพียงเขาจะรู้สึกแย่ แต่เขากลับรู้สึกสดชื่นเพราะทั้งสองคนนั้นคือศัตรูของเขา
ไม่…ไม่ใช่แค่สองคนนั้น ไอ้แก่ระดับ 3 ขั้นจ้าวสงครามนั่นด้วย
“เจ้าเป็น…เจ้าเป็น…เจ้าเป็นเหมือนกับสิ่งนั้น…เจ้าเป็น…..เจ้าเป็น…..เจ้าเป็นอสูร!”
ในการเปรียบเทียบของชูเฟิงอย่างใจเย็น สีหน้าและเสียงกรีดร้องภายในตัวเค้านั้นสดชื่น ผู้อาวุโสจากเกาะประหารกลับกลายเป็นใบหน้าซีดราวกับกระดาษ ร่ายกายของเขาสั่นสะท้านอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ขณะที่เขาถอยออกห่าง เขาชี้ไปที่ชูเฟิง เขาคาดเดาในใจของเขาเกี่ยวกับการกระทำที่ไม่ปกติของอสูร เด็กเหลือขอนั้นไม่ธรรมดาเลย มันอยู่ฝ่ายเดียวกันกับอสูร เขากลายเป็นเหมือนกับแกะที่วิ่งเข้าปากเสือ
“อ้า~~”
อสูรไม่ปล่อยโอกาสให้ชายชราหายใจมันสะกดเขา และแล้วชายชราก็พบกับชะตากรรมที่เหมือนกับชายป่าเถื่อนและชายใบหน้ายุติธรรมก่อนหน้านี้ เขาเริ่มได้รับการทรมานอย่างไรหัวใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับทั้งสองคน ชายชราสามารถทนการทรมานนั้นได้แม้ว่าจริงๆแล้วมันน่าอนาถกว่าที่คิดเยอะ แต่สำหรับชูเฟิงแล้วชายชราคนนี้มันสมควรที่จะได้รับ……
ที่มา: