I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 550 – เข้าใจถึงแก่นแท้

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

“วิธีค้นหาเส้นชีพจรหรอ ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นอาการงัวเงียของชูเฟิงก็หายไป

ก่อนหน้านี้ ต้านต้านเคยบอกเขาเกี่ยวกับ วิธีค้นหาเส้นชีพจร มันคือวิธีการค้นหาสิ่งที่แปลกประหลาดตามธรรมชาติ และทรัพยากรบ่มเพาะ

อย่างไรก็ตามวิธีการฝึกมันนั้นช่างน่าหนักใจมาก นอกจากนี้ในตอนนั้นชูเฟิงนั้นยังมีสิ่งที่ต้องทำอยู่ต้านต้านเลยยังไม่ได้บอกเขา.

ต้านต้านไม่ได้บอก และชูเฟิงก็ไม่ได้ถาม แต่ความจริงแล้วชูเฟิงนั้นต้องการที่จะรู้เรื่องวิธีค้นหาเส้นชีพจรอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นต้านต้านจึงเต็มใจที่จะบอกเขา

ดังนั้น เขาจึงย้ายจิตของตัวเองเข้ามายังพื้นที่โลกวิญญาณ

และเมื่อเห็นต้านต้าน ชูเฟิงก็ยิ้มและพูดว่า

“ ต้านต้าน เจ้าพร้อมจะสอนข้าเรื่องวิธีค้นหาเส้นชีพจรแล้วสินะ”

“ชูเฟิง ฟังให้ดีวิธีค้นหาเส้นชีพจรนั้น ผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณทั่วไปไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ แม้ผู้เชื่อมต่อระดับทองบางคนนั้นก็ยังไม่สามารถที่จะเรียนรู้มันได้เลย.”

“เพราะมันเป็นความลับที่ไม่มีใครบอกต่อกันไป และจำนวนของคนที่รู้เรื่องนี้นั้นมีนิดเดียว และมันนั้นยังสำคัญกว่าทักษะเร้นลับของเจ้าด้วยซ้ำไป ถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่กระจายออกไปอาจเกิดการนองเลือดก็เป็นได้.”

ต้านต้าน พูด

“อะไรนะ ผู้เชื่อมต่อทั่วไปไม่สามารถครองครองมันได้เลยหรือ มันสำคัญขนาดนั้นเลยอย่างนั้นหรือ”

เมื่อฟังที่ต้านต้านพูดชื่อเฟิงก็พูดออกมา และยังถามต่ออีกว่า

” ต้านต้าน เจ้าไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน หรือว่าโลกอสูรฟ้าของเจ้า จะรู้กัน”

“แน่นอนว่าไม่ วิธีค้นหาเส้นชีพจร นั้นถูกคิดขึ้นโดยผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณที่แข็งแกร่งมากๆ ข้านั้นได้เรียนจากอสูรวิญญาณอาวุโสคนหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่าข้าหลายเท่าเพราะผู้อาวุโสคนนี้ คือผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณที่แข็งแกร่งมากๆคนนั้น.”

ต้านต้านพูด

“อะไรนะ ผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าหลายเท่า”

เมื่อเห็นเช่นนั้นน ชูเฟิงก็ตกใจ เพราะก่อนที่ต้านต้านจะถูกผนึก เธอแข็งแกร่งอย่างมาก ถ้าเป็นเช่นนั้น อสูรวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าเธอนั้นจะแข็งแกร่งขนาดไหน

“มันเป็นอสูรวิญญาณที่น้อยคนจะกล้ามีเรื่องด้วยแม้แต่ ในโลกอสูรฟ้าก็ตาม.”

ในที่ผู้ถึงเรื่องนั้น ใบหน้าต้านต้านก็แสดงออกถึงความภาคภูมิใจออกมา เห็นได้ชัดว่าอสูรวิญญาณตนนั้นต้องไม่ธรรมดาเสียจริง

แต่สิ่งที่ทำให้ชูเฟิงคิดหนักมากที่สุดคือ ถ้าอสูรวิญญาณนั้น มีเจ้านาย เจ้านายของมันจะแข็งแกร่งขนาดไหน

“ชูเฟิงข้าอยากจะเตือนเจ้าสักหน่อย ถึงข้าจะรู้เรื่องวิธีค้นหาเส้นชีพจรไม่น้อยแต่ข้าก็ไม่รู้ว่าเจ้าจะทำได้สำเร็จหรือไม่.”

“วิธีค้นหาเส้นชีพจร นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะฝึกฝน.”

“หึหึ ในโลกนี้มีอะไรง่ายอย่างนั้นหรือ ต้านต้านบอกข้าที ข้าต้องทำอะไรบ้าง”

ชูเฟิงยิ้มแล้วถาม

“วิธีค้นหาเส้นชีพจรจำเป็นต้องบ่มเพาะ1 ใน 3 สิ่งนี้ 1 คือตา 2 คือสมอง 3 คือหัวใจ.”

“การบ่มเพาะส่วนตานั้นพูดได้ว่าเป็นทางที่ดีที่สุดในการฝึกวิธีค้นหาเส้นชีพจร เพราะ ตาของเจ้านั้นจะมองเห็นทุกอย่างและ ตานั้นจะถูกเรียกว่า เนตรสวรรค์.”

“เนตรสวรรค์อย่างนั้นหรือ”

“ถูกต้อง ตราบใดที่เจ้าสามารถฝึกจนเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นนั้น เจ้าก็ครอบครองเนตรสวรรค์ได้นิดนึงแล้ว.”

“และการฝึกเนตรสวรรค์นั้นต้องใช้อำนาจวิญญาณมหาศาลมาก และพลังต่ำสุดต้องสามารถใช้รูปแบบวิญญาณสีฟ้าได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ารอเจ้าเป็นผู้เชื่อมต่อชุดฟ้าก่อนข้าจึงจะสอนให้.”

“แล้วการบ่มเพาะส่วนสมองล่ะ”

“บ่มเพาะสมองนั้นคือการเพิ่มความรู้ของเจ้า เกี่ยวกับล้านๆสิ่งในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นภูมิประเทศหรือภูมิอากาศ เจ้าจะต้องร็เรื่องเกี่ยวกับพวกมันไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หรือขนาด.”

“อย่างไรก็ตามไม่ว่าเจ้าจะรู้เรื่องพวกมันมากขนาดไหน เจ้าก็ไม่เห็นมัน อย่างไรก็ตามถ้าเจ้ามีเนตรสวรรค์เจ้าก็จะสามารถระบุรูปร่างของพวกมันได้.”

“แต่ถ้าเจ้าอยากรู้ว่าสมบัตินั้นซ่อนอยู่ที่ไหนบ้างเจ้าต้องก็อาศัยความรู้ซักหน่อย ส่วนข้านั้นพอมีข้อมูลอยู่บ้างเป็นข้อมูลเกี่ยวกับ พื้นที่ทุกๆพื้นที่ที่เก็บซ่อนสมบัติไว้ และถ้าเจ้าต้องการมัน เจ้าก็ต้องพยายามเสียหน่อย.”

“การบ่มเพาะส่วนหัวใจนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก.”

“ทุกสิ่งนั้น ถ้ามีประโยชน์ย่อมมีโทษ และมากเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ ยิ่งผลประโยชน์มาก ก็ยิ่งมีโทษมาก ดังนั้นมันก็คือการตัดสินใจ.”

“และหลังจากเจ้าสามารถใช้เนตรสวรรค์ได้ และรู้เรื่องวิธีค้นหาเส้นชีพจรบ้างแล้ว เจ้าก็จะสามารถขุดทรัพยากรที่ฝั่งอยู่ใต้ดิน หรือสมบัติได้.”

“แต่เจ้าต้องรู้ก่อนว่ามันสามารถเปลี่ยนให้เจ้าเป็นมังกรได้ ถ้าการบ่มเพาะของเจ้านั้นทะยานขึ้น และมันสามารถหยุดการทำงานของทุกสิ่งอย่างในตัวเจ้าและฆ่าได้.”

“เมื่อเจ้าพบว่ามีสมบัติซ่อนอยู่ที่ไหน เจ้าจะเข้าไปเอามันหรือไม่ หรือจะทำอะไรหลังจากเข้าไปยังที่ซ่อนแล้ว สิ่งเหล่านั้นขึ้นอยู๋กับหัวใจของเจ้า ถ้าหัวใจของเจ้านั้นแข็งแกร่งพอ เจ้าก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดึขึ้น.”

“ชูเฟิงวิธีค้นหาเส้นชีพจร มันง่ายเมื่อพูด แต่ยากเมื่อลองทำ เจ้ายังต้องการจะเรียนรู้มันอีกหรือไม่”

ต้านต้าน ถามชูเฟิง

ชูเฟิงยิ้ม และแน่นอนว่าคำตอบของเขาคือ

“ แน่นอนข้าต้องการ”

หลังจากได้รับคำตอบชูเฟิง มุมปากของต้านต้านก็ยกขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มที่งดงามของเธอ เพราะเธอนั้นชอบจิตวิญญาณที่กล้าหาญของชูเฟิงอย่างมาก

จากนั้นต้านต้านก็เริ่มสอนวิธีค้นหาเส้นชีพจรแก่ชูเฟิง ดั่งคำที่ว่า

“ อาจารย์จะชี้ทางไปสู่ประตูให้ แต่คนที่ต้องผ่านประตูไปนั้นคือตนเอง “

ต้านต้านไม่เคยเห็นคนบ่มเพาะวิธีค้นหาเส้นชีพจรมาก่อนน เธอรู้แค่วิธีการบ่มเพาะเท่านั้น เธอจึงไม่รู้ว่าเขาจะสำเร็จหรือไม่ หรือ เขาจะใช้เวลานานเท่าใด

ในความจริงแล้ว วิธีค้นหาเส้นชีพจร นั้นบ่มเพาะยากมาก มันยากจริงๆแม้จะเป็นชูเฟิง คนที่มีพลังที่แข็งแกร่งอย่างมากก็ยังต้องปวดหัวเมื่อต้องเรียนรู้มัน

แต่สำหรับการบ่มเพาะของชูเฟิงแล้ว เขาบ่มเพาะมันเท่าไหร่ก็กลายเป็นว่าเขาได้ศึกษามันมากกว่าได้ดูดซับมัน

มันเป็นเพราะเขาเข้าใจวิธีค้นหาเส้นชีพจรอย่างลึกและถึงแก่นแล้ว มันจึงทำให้เขาสงสัยว่าคนที่สร้างนั้นเทพขนาดไหนถึงสร้างมันได้

สำหรับด้านอื่นๆแล้ว การฝึกวิธีค้นหาเส้นชีพจรนั้นคือการยกระดับอำนาจวิญญาณทางหนึ่ง

ถ้าเขาบ่มเพาะมันสำเร็จแล้วเขาก็ไม่ต้องใช้อำนาจวิญญาณในการตรวจสอบ ที่พูดอย่างนั้นก็ได้ก็เพราะเขาสามารถเห็นทุกสิ่งอย่างที่อำนาจวิญญาณนั้นสามารถตรวจจับได้

พูดได้ว่าถ้าชูเฟิงบ่มเพาะเนตรสวรรค์สำเร็จแล้ว เขาจะสามารถมองทะลุกำแพงได้

และระดับต่อจากนั้น ตาทั้งคู่ของชูเฟิง ก็จะได้รับความสามารถในการโจมตี เพียงแค่มองเขาสามารถระเบิดภูเขา และทำให้น้ำในทะเลสาบระเหยได้

และถ้าเขาชำนาญมัน เขาก็จะสามารถมองได้แม้กระทั่ง หัวใจและวิญญาณและสามารถมองแยกแยะจับโกหกได้ เขาสามารถรู้ตัวตนของผู้คนได้โดยแค่การมอง และสามารถบีบบังคับให้ศัตรูยอมแพ้และละทิ้งชีวิตได้

#แปลโดยท่านฮาย

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments