ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป” พี่ใหญ่ เทียนยี่ ท่านไม่ไปตามพี่ ชูเฟิง งั้นหรอ ? นี่มันก้ใกล้จะมืดแล้วนะ”
เจียง หวู่ชาง พูดขึ้นด้วยความกังวล
” เห้!!! บัดนี้ มันใกล้ได้เวลาออกเดินทางแล้ว ดังนั้นต้องคำนึงถึงฤกษ์ยามซึ่งในวันที่ออกเดินทางพวกเขาจะมีโชค มันคงจะน่าเสียดายหากพลาดโอกาสในวันนี้ไป”
ในความเป็นจริงคนอื่นๆเองก็เริ่มรู้สึกกังวล
ในรุ่งเช้ามีผู้คนจำนวนมากรวมตัวกันเพื่อเตรียมที่จะส่ง ชูเฟิงและพรรคพวกออกเดินทาง ตอนนี้แสงตะวันก็เริ่มเจิดจ้าเข้าไปทุกที และแล้ววันทั้งวันก็ผ่านไป
ปัจจุบัน ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำค่อยๆคืบคลานเข้ามาทางด้านขวาต่อดวงตาของพวกเขา มันจึงทำให่พวกเขาเริ่มจะอยู่กันไม่สุข
” อั้ยหยา!!! เราไปตาม ชูเฟิงกันเถอะ อย่าทำให้ทุกคนรอเขานานไปกว่านี้ “
เห็นแบบนั้น ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้าก็พูดขึ้น
” อืม. . . . “
หลังจากที่ได้ยิน จาง เทียนยี่ ก็พยักหน้ารับ
* ฟิ้วว *
แต่ ณ ตอนนั้น มีเส้นแสง 3 เส้น พุ่งเข้ามาทิศทาง วังหลัก เส้นแสงเหล่านั้นไม่มีท่าทีว่าจะลดความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย ดั่งอุกกาบาตที่ตกลงมา จนในที่สุดมันก้ล่วงลงสู่พื้น
เมื่อเส้นแสงทั้งสามล่วงจอดที่พื้น พวกมันกลายเป็นร่างคน 3 คน อีกทั้งยังสามารถมองเห็นใบหน้าของพวกเขาได้อย่างชัดเจน มันทำให้คนที่อยู่รอบๆนั้น ตกใจอย่างมาก
โดยเฉพาะคนสนิทของ ชูเฟิง พวกเขาได้แต่อ้าปากค้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความปลื้มปิติยินดี
แน่นอนว่าทั้งสามร่างนั้นคือ ชูเฟิง ซูรู่ และ ซูเหม่ย
ทั้งสองสาวนั้นงดงามอย่างมาก อีกทั้งยังมีลักษณะพิเศษเด่นไปกันคนละด้าน พวกนางสวมชุดกระโปรงที่ชูเฟิงเตรียมไว้ให้ ซึ่งทั้งคู่ถูกประดับด้วยชุดกระโปรงของชนชั้นสูง มันจึงยิ่งทำให้เสน่ห์ของพวกนางเด่นชัดมากยิ่งขึ้น
ส่วนชูเฟิงนั้นก็ยืนอยู่ระหว่างกลางพวกนางทั้งสอง โดยที่ถูกพวกนางกอดแขนเอาไว้ จากนั้นเขาก็กล่าวกับฝูงชน
” ทุกคนโปรดอภัยด้วย ที่ข้ามาสาย “
” รู่เอ๋อ เหม่ยเอ๋อ พวกเจ้าฟื้นแล้ว!!!”
ในช่วงเวลานั้นมีชายวัยกลางพลวดเข้ามาหาซู่รู่และซูเหม่ย ขณะที่ร้องห่มร้องไห้ คนๆนั้นคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกซะจาก พ่อของ ซูรู่และซูเหม่ย
” ดีมาก ดีจริงๆ น้องสาวในที่สุดพวกเจ้าทั้งสองก็ฟื้นสักที ! “
ทันทีที่พบซูรู่และซูเหม่ย พี่ชายและภรรยาของพี่ชายเขาก็กรูกันเข้ามา จากนั้นครอบครัวซู ก็ต่างแสดงความดีอกดีใจที่ได้มาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง
ในความเป็นจริงหลังจากที่พวกเขาได้เห็นทั้งสองสาวฟื้นขึ้นมา มันก็ทำให้ทุกคนมีความสุขอย่างมาก ไม่ว่าพวกเขาจะแสดงความยินดีมาจากเบื้องลึกของหัวใจหรือไม่ แต่พวกเขาก็ต่างร่วมแสดงความยินดี เพราะมันคือความสุขของ ชูเฟิง
แน่นอน ว่ามีเฉพาะบางคนเท่านั้นที่มีความสุข แต่ก็มีบางคนกำลังยืนมึน งง เพราะพวกเขาไม่เคยรู้จักกับซูรู่และซูเหม่ยมาก่อน
ตัวอย่างเช่น เจียง หวู่ชาง ในปัจจุบันขี้เลื้อยอยู่เต็มอยู่ภายในหัวของเขา จากนั้นเขาก็ตบที่ไหล่ของ จาง เทียนยี่ และกระซิบถามเบาๆ
“พี่ใหญ่ หญิงงามทั้งสองนั้นเป็นใคร ทำไมพวกนางถึงได้ดูสนิทสนมกับพี่ ชูเฟิง กัน ? แม้แต่พลังวิญญาณก็ไม่ธรรมดา “
” เอ้อ ข้าเกือบลืมแนะนำ เจ้าคงยังไม่รู้เรื่องราวสินะ “
ในตอนจาง เทียนยี่ ยิ้มเบาๆพร้อมกับอธิบาย ความสัมพันธ์ระหว่าง ชูเฟิง กับ แม่นางทั้งสอง รวมถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับพวกเขา
หลังจากทราบเรื่องราวทุกอย่าง สายตาของ เจียง หวู่ชาง ที่มองชูเฟิงนั้นมีอยู่อย่างเดียวนั้นก็คือ ความชื่นชม ในเวลาเดียวกันเขาก็อดที่จะอุทานออกมาไม่ได้
” พี่ชูเฟิง โชคดีจริงๆที่มีหญิงงามลึกล้ำเช่นนี้ !!! “
” นี ชูเฟิง! ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว ข้าว่าพวกเจ้าควรออกเดินทางกันในเช้าวันพรุ่งนี้จะดีกว่า “
ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้าไม่มีทางเลือก เมื่อเขาพบว่าพระอาทิตย์ล่วงลับขอบฟ้าไปแล้ว
” ครับ . . . . “
ได้ยินแบบนั้นชูเฟิง หยักหน้ารับ พร้อมกับรีบเดินไปหา จาง เทียนยี่ และ เจียง หวู่ชาง และกล่าว
” ศิษย์พี่ จาง น้อง หวู่ชาง นี่ รู่เอ๋อและเหม่ยเอ๋อ พวกนางอยากร่วมเดินทางไปกับพวกเรา ที่ภาคทะเลตะวันออก ไม่ทราบว่าพวกท่าน อนุญาติหรือไม่ ? “
” ได้แน่นอน “
จาง เทียนยี่ และ เจียง หวู่ชาง ตอบตกลงทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา
เช้าวันต่อมา เจียง หวู่ชาง ก็เริ่มวางแผนที่จะเปิดการใช้งานยอดยุทธภัณฑ์ จากนั้นเขาก็เปิดประตู พร้อมกับ ดึง ชูเฟิงเข้าไปภายในนั้น พร้อมกับกล่าวว่า
” พี่ ชูเฟิง ยุทธภัณฑ์นี้ไม่ได้มีไว้สำหรับใช้ในการต่อสู้ แต่มีไว้ใช้ในการเดินทาง ซึ่งมันแทบไม่มีความแตกต่างจากพระราชวังเคลื่อนที่ ไม่เพียงแต่มีความรวดเร็วที่ไม่ธรรมดา มันยังกว้างขวาง สะดวกสบาย เหมาะสำหรับเดินทางไกล “
” มันมีห้องอยู่สามห้อง มีห้องโน้นที่กว้างสุด แต่เดิมมันเป็นห้องของข้าเอง เพราะข้านั้นชอบนอนเตียงใหญ่ๆ แต่ตอนนี้ข้ายกใหม่ให้ท่าน ท่านชอบไม๊ล่ะ หุหุ . . . . . “
เสียงของเจียง หวู่ชาง ที่พูดกับ ชูเฟิง เต็มไปด้วยคำไบ้แห่งความลามก ขณะที่กระพริบตาส่งสัญญาณให้ จาง เทียนยี่
ชูเฟิง ยิ้มอย่างใจเย็น ขณะที่มอง เจียง หวู่ชาง แล้วกล่าวด้วยเสียงเบาๆ
” น้อง หวู่ชาง ทำได้ดีมาก “
ดังนั้น ก็เหมือนกับพวกเขาตกลง ชูเฟิงนอนห้องเดียวกับ ซูรู่และซูเหม่ย จาง เทียนยี่ และ เจียง หวู่ชาง แยกกันนอนอีกสองห้องที่เหลือ ขณะที่พวกเขาทั้ง ห้าคนขึ้นไปบนยอดยุทธภัณฑ์ พร้อมกับออกเดินทางจาก 9 อาณาจักร เข้าสู่ ภูมิภาคทะเลตะวันออก เพื่อไปยัง สำนักสี่คาบสมุทร
” ข้าไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเด็กพวกนั้นจะประสบความสำเร็จแค่ไหนในทะเลตะวันออก “
เมื่อเห็นยอดยุทธภัณฑ์ ราชรถ หายเข้าลับไปที่เส้นขอบฟ้าเพียงชั่วพริบตา บรรพบุรุษเก่าแก่ของราชวงศ์เจียงก็สุดแสนจะหดหู่
” ไม่ต้องกังวล ความสามารถของเด็กพวกนั้นล้วนแต่เกินขอบเขตของข้า ต่อให้เป็นทะเลตะวันออก พวกเขาก็จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน “
ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า ยืนนิ่งสงบ ขณะที่ยิ้มและกล่าว
ได้ยินคำพูดของ ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า ทุกคนก็ต่างยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ไม่เพียงแต่เขาจะเชื่อคำพูดเหล่านั้น แต่พวกเขาทุกคนต่างเข้าใจความสามารถของหนุ่มสาวเหล่านั้นเป็นอย่างดี
ยอดยุทธภัณฑ์ ที่สุดแล้วก็ยังเป็นแค่เครื่องมือ ดังนั้นหากจะต้องใช้เป็นเวลานาน พวกเขาจะต้องอัดพลังวิญญาณเข้าไปกระตุ้นให้มันเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ยิ่งหากผู้ที่มีความแข็งแกร่งอัดพลังเข้าไป มันจะยิ่งทำให้ ราชรถนั้น รวดเร็วเป็นอย่างมาก
ยอดยุทธภัณฑ์นี้ก็เช่นกัน เพื่อที่พวกเขาจะเดินทางให้ถึงทะเลวันตะวันออกให้เร็วที่สุด ชูเฟิง จึงเป็นคนที่ขับเคลื่อน โดยสลับกับคนอื่นๆ ตลอดทั้งวันทั้งคืน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากชูเฟิงนั้นมีความสัมพันธ์พิเศษระหว่าง ซูรู่ ละ ซูเหม่ย จาง เทียนยี่ และ เจียง หวู่ชาง จึงขอเสนอตัวในการขับเคลื่อนยอดยุทธภัณฑ์ไปด้านหน้าโดยสลับกันแค่สองคน เพื่อให้ ชูเฟิงนั้นมีเวลาเพียงพอที่จะอยู่กับ ซูรู่ และ ซูเหม่ย
ตอนแรก ชูเฟิง รู้สึกไม่ค่อยดีนักต่อสหายของเขา หลังจากผ่านมาได้สักระยะ ชูเฟิง ก็รู้สึกผิดและระอายใจที่ปล่อยให้พวกเขาทั้งสองเป็นคนขับเคลื่อนยอดยุทธภัณฑ์
แต่เมื่อเขาเห็น จาง เทียนยี่ และ เจียง หวู่ชาง ยืนยันอย่างหนักแน่น ชูเฟิง ก็ได้แต่ซาบซึ้งสำหรับน้ำใจ ความเป็นพี่เป็นน้อง โดยที่พวกเขาไม่ต้องอธิบายออกมาเป็นคำพูดใดๆ
ดังนั้น ชูเฟิง จึงสามารถใช้เวลาอยู่ร่วมกับทั้งสองสาว และเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพโดยรอบ ซึ่งมันแสนจะงดงาม มันทำให้พวกเขานั้นมีความสุขอย่างมาก ซึ่งเขารอวันนี้มานานถึง 2 ปี
เมื่อเริ่มเข้าสู่ยามรัตติกาล พวกเขาก็เข้าห้องเพื่อพักผ่อน แต่แทนที่มันจะมีฉากอย่างว่า แต่ ชูเฟิง ก็ไม่ได้ทำอะไรใดๆ
ชูเฟิง นอนสบายแผ่หลาอยู่บนพื้น โดยที่สองสาวนอนอยู่บนเตียง ตอนนั้นซูรู่ นางยิ้มพร้อมกับหันหน้าไปที่ ชูเฟิง และกล่าว
” ก่อนที่จะแต่งงาน อย่าได้แม้แต่จะคิด จะทำเรื่องอย่างว่ากับข้าและน้องสาวของข้า “
” รู่เอ๋อ ไม่นะ บนพื้นมันหนาว!! “
ใบหน้าของชูเฟิงเต็มไปด้วยการอ้อนวอน แต่มันก็ไม่มีประโยชน์ เขาจึงได้แต่โยนสายตาไปอ้อนวอนต่อ ซูเหม่ย
แต่อย่างไรก็ตาม ซูเหม่ยนางได้แต่อมยิ้มและกล่าว
” นางพูดถูกแล้ว “
พวกนางรีบดึงผ้าขึ้นมาห่ม โดยมีเพียงชูเฟิงที่นอนอยู่บนพื้น ขณะที่มองหลังคา
” เห้อออ “
ชูเฟิง ได้แต่มองหลังคาแล้วได้แต่ถอนหายใจอย่างหมดหนทาง แต่จากนั้นบนใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มอย่างหน้าระรื่น
ในความเป็นจริง ชูเฟิง ไม่เคยคิดวางแผนใดๆที่จะกระทำเรื่องอย่างว่ากับ ซูรู่และซูเหม่ยแต่แรก ที่เขายิ้มออกมาอย่างหน้าระรื่น เป็นเพราะเขาได้พวกนางกลับมาอยู่ด้วยอีกครั้ง ซึ่งเรื่องอย่างว่าจะทำเมื่อไหร่ก็ได้
” ชูเฟิง ตอนนี้เจ้าเป็นผู้เชื่อมต่อฯชุดฟ้าแล้วสินะ และเจ้าก็กำลังจะถึงแผ่นดินทะเลภาคตะวันออก ข้าคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่ข้าจะสอนวิธีค้นหาเส้นชีพจร “
ในขณะที่ชูเฟิงกำลังจะหลับตานอน เสียงของต้านต้านก็ดังขึ้น
: ต้านต้าน อดสงสารพี่เฟิงไม่ได้สินะ เลยอดที่จะเสนอตัวไม่ได้ !!!
: ฝันไปเถอะต้านต้านไม่มีวันยอมหรอก!!! นางจะสอนวิธีเบิกเนตรสวรรค์ต่างหาก บอกเลยว่ามันโครตมีประโยชน์
: ยังไง ???
: ก็อย่างสมบัติที่คนทั่วๆไปหาไม่เจอ หรือ แม้แต่ผู้เชื่อมต่อระดับสูง แต่การที่มีวิชาค้นหาเส้นชีพจร มันจะช่วยได้อย่างมาก ไม่เพียงแต่ใช้ในการหาโอสถระดับสูง หรือ ยอดยุทธภัณฑ์ มันยังมีประโยชน์ในการต่อสู้จริงอีกด้วย แล้วระหว่างตัวของต้านต้าน กับ วิชาค้นหาเส้นชีพจร จะเลือกอะไร ?
: เอาต้านต้านดีกว่า!!!
: . . . . . . . . . . . . .
ที่มา: