ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหากก่อนหน้านี้’ชูเฟิง’ได้เห็นผู้คนจากราชวงศ์เจียงแน่นอนว่าเขาจะต้องตกใจในความแข็งแกร่งของพวกเขา
แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาได้เห็นความแข็งแกร่งของครอบครัว ‘จือหลิง’ มันทำให้เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ในคำกล่าวของ ‘จือหลิง’ ที่ว่า
ผู้คนในทวีป 9 อาณาจักรนั้นมีความอ่อนแอมากเกินไปนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำใมทวีป 9 อาณาจักรนั้นถึงไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขา
ฉะนั้นแล้วมันจึงเป็นสิทธิของพวกเขาที่จะเปิดเผยตัวตนและได้รับการยกย่องจากผู้คนในทวีป 9 อาณาจักรก็ได้ แต่พวกเขาก็เลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้นเพราะการทำเช่นนั้นมันจะทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรได้สะดวกมากมายนัก
และนอกจากนี้ ยังมีผู้เชียวชาญเพียงแค่คนเท่านั้นที่มีความแข็งแกร่งเช่นเดียวกับ ‘เจียง เฮิงหยวน’ และยังมีอีกหนึ่งผู้เฒ่าที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา
การปรากฏตัวของท่านผู้เฒ่านั้นชั่งดูน่าเกลียดยิ่งนัก ใบหน้าของนั้นเต็มริ้วรอยมากมายราวกับหน้าของขนมปังนึ่งโดยสิ้นเชิง! เมื่อมองดูจากระยะไกลศีรษะของเขานั้นดูเหมือนจะล้านแต่จริง ๆ แล้วนั้นเขามีเส้นผมแต่เพียงแค่เหลือไม่กี่เส้นเท่านั้นและเมื่อเข้าไปใกล้ ๆ ปากของเขาก็จะส่งกลิ่นเหม็นออกมาแถมยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ฟันของเขาก็ยังไม่มีเหลือ
แต่อย่างไรก็ตามแม้ลักษณะของเขานั้นจะดูน่าเกลียดแต่ระดับพลังวิญญาณของเขานั้นนับได้ว่าเป็นของจริง ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ได้ด่อยไปกว่าจักรพรรดิของราชวงศ์เจียงและยังเห็นได้ชัดว่าเขายังอยู่ในระดับเดียวกันกับราชาลิงยักษ์เขามีระดับพลังวิญญาณอยู่ที่ระดับ 8 ของแดนสวรรค์วิญญาณ
นอกจากนี้การปรากฏตัวของท่านผู้เฒ่านั้นมันทำให้ผู้คนจากราชวงศ์เจียงต้องทำความเคารพต่อท่านผู้เฒ่าและด้วยคำพูดของพวกเขามันทำให้’ชูเฟิง’ได้รู้ว่าท่านผู้เฒ่าผู้นี้นั้น เป็นถึงลุงของจักรพรรดิเจียงองค์ปัจจุบัน แม้ว่าตำแหน่งของเขาในตระกูลนั้นจะเป็นรองบรรพชนเก่าแก่ของราชวงศ์เจียงอยู่แต่ก็ต้องบอกว่าในสมัยราชวงศ์เจียงนั้นเขาได้มีชีวิตอยู่มายาวนานที่สุด และนอกจากนี้ยังได้ยินมาอีกว่าเขานั้นได้มีชีวิตอยู่มานับ 150 ปีแล้ว
โดยปกติแล้วนั้นผู้เชียวชาญทักษะยุทธ์ส่วนใหญ่จะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงร้อยปีนี่จึงอาจนับได้ว่าเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เป็นอย่างมากสำหรับท่านผู้เฒ่าผู้นี้ที่มีอายุยาวนานถึง 150 ปี
แต่อย่างไรก็ตามในขณะนี้สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของ’ชูเฟิง’มากที่สุดหาใช่ท่านผู้เฒ่าที่มีอายุมานาน 150 ปีไม่ แต่เป็นท่านผู้เฒ่าผมขาวที่สวมเสื้อสีทองและใบหน้าของเขานั้นยังเต็มไปด้วยความเมตตากรุณาต่างหาก กลิ่นอายของท่านผู้เฒ่าผู้นี้นั้นเป็นจริงกล้าแกร่งกว่าราชาลิงยักษ์และจักรพรรดิราชวงศ์เจียง
ตามที่’ชูเฟิง’ได้คาดเอาไว้ท่านผู้เฒ่าผู้นี้นั้นจะต้องเป็นผู้ปกครองที่แท้จริงของราชวงศ์เจียงอย่างแน่นอน เขาน่าจะเป็นอดีตจักรพรรดิของราชวงศ์เจียง และแน่นอนว่าในตอนนี้เขายังได้เป็นถึงบรรพชนเก่าแก่ของราชวงศ์เจียงระดับพลังวิญญาณของเขานั้นอยู่ในระดับที่ 9 แดนสวรรค์ และอีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นเขาก็จะสามารถก้าวข้ามไปยังดินแดนเทพสงคราม
นอกจากนี้บรรพชนเก่าแก่จากนิกายโลกวิญญาณ ‘กู่ เทียนเซิน’ เช่นเดียวกับ ประมุขนิกายโลกวิญญาณก็ได้มาถึงและรวมตัวกับราชวงศ์เจียง
ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ไปตรวจสอบซากศพของวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ตายแล้วแต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่ได้พบอะไรเป็นพิเศษ นอกจากนี้บรรพชนเก่าแก่ของราชวงศ์เจียงก็ได้กล่าวคำหนึ่งออกมาซึ่งมันเป็นคำกล่าวที่’ชูเฟิง’รู้สึกเปรมปรีดิ์ นั้นก็คือพวกเขาได้เตรียมพร้อมเสร็จเรียบร้อยแล้วและกำลังจะเปิดเข้าไปในสุสานจักรพรรดิในเร็ว ๆ นี้
หลังจากที่พวกเขาได้รวมกลุ่มหลายผู้เชียวชาญแดนสวรรค์กันเรียบร้อยแล้วพวกเขาก็ได้ออกเดินทางทันทีและในเวลาไม่นานนักพวกเขาก็ได้เดินทางมาถึงเทือกเขาวิหคเพลิง และนอกเหนือไปจากนี้พวกเขายังได้รับรู้อีกว่าบรรพชนเก่าแก่ของราชวงศ์เจียงนั้นยังเป็นถึงผู้เชื่อมต่อฯชุดคลุ่มสีม่วง
ด้วยความสามารถของบรรพชนเก่าแก่ของราชวงศ์เจียงและอสูรราชันย์วานร พวกเขาสามารถค้นพบตำแหน่งของประตูทางเข้าสุสานจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย และในที่สุดพวกเขาก็ได้ก้าวเข้าสู่สุสานจักรพรรดิ
“ชูเฟิงข้าได้ยินข่าวเรื่องระหว่างเจ้าและจือหลิงเรียบร้อยแล้ว”
“เชื่อข้า พวกเขาจะต้องเสียใจ ที่พรากนางไปจากเจ้า”
“ฉะนั้นจงอย่าได้ท้อแท้ ตราบใดที่เจ้ายังมีความมุมานะในการพัฒนาตนเองต่อไปเลื่อยๆอยู่ล่ะก็, ข้าสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าในอนาคตของเจ้านั้นจะต้องประสบความสำเร็จนับไม่ถ้วนอย่างแน่นอน”
ในขณะที่ผู้คนได้ก้าวเดินเข้าไปข้างหน้าทันใดนั้น’ชูเฟิง’ก็ได้รับข้อความทางจิต เขาได้เอียงสายตาของเขาเพื่อควานหาต้นตอของเสียงและในที่สุดเขาก็ได้พบว่ามันคือบรรพชนเก่าแก่ของราชวงศ์เจียงที่กำลังหันมาที่เขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อหันหน้าไปยังการให้กำลังใจของบรรพชนเก่าแก่ของราชวงศ์เจียงมันทำให้’ชูเฟิง’ต้องยิ้มกลับไปเพื่อเป็นการแสดงมารยาทของตน และในขณะนั้นมันทำให้’ชูเฟิง’มีมุมมองที่ดีมากต่อเขา
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างมันทำให้’ชูเฟิง’รู้สึกไม่ค่อยสบายใจมากเท่าไรนัก
เพราะ’ชูเฟิง’ไม่ทราบว่าเหตุใดบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในราชวงศ์เจียงถึงได้เอาใจใส่เขามากขนาดนั้น และยังปล่อยให้อสูรราชันย์วานร มายืนอยู่เคียงข้างเขาเพื่อคอยปกป้องและดูแลความปลอดภัยให้แก่เขาตั้งแต่เข้ามายังในสุสานจักรพรรดิ
และในกลุ่มของพวกเขานั้นยังไม่มีผู้เชียวชาญคนไหนที่มีระดับพลังวิญญาณอ่อนแอกว่า’ชูเฟิง’ทั้งสิ้น พวกเขาทุกคนล้วนอยู่ในระดับที่ 5 ของเขตแดนสวรรค์วิญญาณ
ฉะนั้นความเร็วของพวกเขานั้นจึงเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมาก เพียงแค่ในพริบตาพวกเขาก็ได้เดินผ่านชั้นของสัญลักษณ์ตราปีศาจ และในท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้หยุดลงในด้านหน้าของพื้นที่ทะเลสาบและมองกลับไปยัง’ชูเฟิง’
“เจ้าวิญญาณชั่วร้ายจงมองมาที่ข้า”
ในทันทีผู้เชียวชาญของราชวงศ์เจียงที่อยู่ในระดับที่ 6 ของเขตแดนสวรรค์ก็ได้กระโดดสูงขึ้นและบินไปบนอากาศอยู่เหนือน้ำทะสาบ
*** ฟู่มมม ***
ในเวลาเดียวกันที่ได้มีผู้เชียวชาญขึ้นไปยืนอยู่บนเหนือน้ำของทะเลสาบ, ก็ได้มีจุดแสงสีเขียวที่เป็นเหมือนราวกับลูกศรพุ่งขึ้นมาเหนือน้ำของทะเลสาบแล้วมุ่งหน้าไปสู่ผู้เชียวชาญ
“หยุด!”
แต่ในขณะนั้นผู้เชียวชาญก็ได้เหวี่ยงแขนของเขา และปล่อยอำนาจสวรรค์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดกดลงไปที่แสงลูกศรสีเขียวและทำลายมัน
*** ฟู่มมม ***
หลังจากนั้นก็ได้มีเสียงคำรามโกรธดังออกมาจากทะเลสาบ และพื้นผิวน้ำก็ได้เกิดการระเบิดขนาดใหญ่และกลายเป็นละอองน้ำพุ่งสูงขึ้นไปยังอากาศและในขณะเดียวกันนั้นก็ได้มีตายักษ์คู่หนึ่งพร้อมกับแสงสีเขียวปรากฏผ่านชั้นของละอองน้ำออกมา มันคือสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในทะเลสาบมันได้ทำการจู่โจมไปยังผู้เชียวชาญของราชวงศ์เจียงผ่านชั้นละอองน้ำ
“เหอะ”
แต่ถึงแม้ว่าวิญญาณที่ชั่วร้ายจะทำการจู่โจมต่อผู้เชียวชาญของราชวงศ์เจียงเขาก็ไม่ได้แสดงความกลัวออกมาเลยแม้แต่น้อย เขาได้กำหมัดข้างขวาของเขาเอาไว้แน่นและควบแน่นเต็มไปด้วยอำนาจของสวรรค์ และเหวี่ยงมันออกไป กำปั้นของเขาได้กลายเป็นกำปั้นพิเศษที่มันส่องสว่างราวกับแสงอาทิตและพุ่งออกไปหลายทิศทาง
“ย่า!”
เขาได้ตะโกนเสียงดังและระเบิดหมัดของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
*** บูมมม ***
ระเบิดดังก้อง พลังอำนาจของมันนั้นได้ฉีกอากาศและก่อให้เกิดคลื่นยักษ์โดยรอบทะเลสาบ
*** ว้าาาา ***
ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงร้องโหยหวนอันน่าอนาถใจดังออกมาพร้อมกับความรู้สึกที่ดูเป็นอันตรายในทะเลสาบก็ได้หายไปภายในพริบตา
มันได้สูญสลายไปต่อหน้าผู้เชียวชาญของราชวงศ์เจียงทั้ง ๆที่สำหรับ’ชูเฟิง’แล้วนั้นมันเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่มีประสิทธิภาพและแข็งแกร่งแต่มันกับถูกทำให้ระเบิดได้ภายในหนึ่งฝ่ามือ
ฉาก ๆ นี้ได้อยู่ในความคาดหวังของผู้เชียวชาญทุกคนอยู่แล้วเพราะในสถานที่แห่งนี้พวกเขาทุกคนล้วนเป็นผู้เชื่อมต่อฯทั้งสิ้น พวกเขาสามารถตรวจจับความแข็งแรงของวิญญาณชั่วร้ายได้ว่าวิญญาณชั่วร้ายนั้นเป็นเพียงแค่ระดับ 1 แดนสวรรค์วิญญาณเท่านั้น มันจึงได้จับอยู่ในสายตาของพวกเขา
แต่ด้วยเหตุนี้’ชูเฟิง’จึงได้ถอนหายใจด้วยอารมที่โล่งอก เพราะวิญญาณชั่วรายตนนี้มันเป็นเพียงแค่ระดับ 1 แดนสวรรค์เท่านั้นจึงเป็นความจริงที่พวกเขาสามารถฆ่ามันได้อย่างง่ายดาย แต่’ชูเฟิง’นั้นยังไม่มีวันลืมวิญญาณชั่วร้ายที่น่ากลัวที่ปรากฏในด้านหน้าของเขาในวันนั้น มันเป็นเพียงแค่สองคู่ดวงตาสีดำและสีเขียวกลิ่นอายของมันนั้นทำให้’ชูเฟิง’ตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในช่วงเวลานั้น
“โฮโฮโฮโฮ นี่ย่อมเป็นสุสานจักรพรรดิเป็นแน่! ข้าไม่เคยคิดเลยว่าในสถานที่ทุรกันดารแบบนี้จะมีสุสานจักรพรรดิอยู่ด้วย! ชั่งหน้าแปลกใจยิ่งนักไม่นึกเลยว่าสวรรค์จะประทานพรให้กับข้าเช่นนี้! ฮ่า ๆ ๆ ๆ…”
แต่ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงเก่าแก่ดังขึ้นมาในหูของ’ชูเฟิง’
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น’ชูเฟิง’รู้สึกตกใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขาได้รีบกวาดสายตาของเขาไปยังสภาพแวดล้อมโดยรอบเพราะเขาสามารถบอกได้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียงนี้ มันจะต้องเป็นเสียงของชายชราชุดดำที่ปรากฏตัวอยู่ในทะเลเพลิงเป็นแน่และในตอนนี้เขาได้กลับมาแล้ว
“มีอะไรผิดปกติอย่างนั้นรึชูเฟิง?”
พอเห็นการแสดงออกที่ตื่นตกใจกลัวของ’ชูเฟิง’บรรพชนเก่าแก่ของราชวงศ์เจียงถึงกับต้องขมวดคิ้วเบา ๆ และถามกลับไปอย่างหงุดหงิด
“ชูเฟิงเจ้าค้นพบอะไรอย่างนั้นรึ?”
ในขณะเดียวกันทุกคนได้จับจ้องสายตาของพวกเขาไปที่’ชูเฟิง’และถามอย่างหงุดหงิด
การสำรวจสุสานจักรพรรดิในครั้งนี้นั้นพวกเขาทุกคนต่างรู้ว่าชูเฟิงนั้นคือกุญแจสำคัญในการสำรวจสุสานจักรพรรดิเพราะว่า ‘ชูเฟิง’นั้นได้รับมรดกของสุสานจักรพรรดิไปแล้วถึงสองทักษะเร้นลับจึงอาจกล่าวได้ว่า’ชูเฟิง’จะต้องมีชะตากรรมร่วมกันบางอย่างกับสุสานจักรพรรดิ ดังนั้นด้วยเหตุนี้การที่’ชูเฟิง’ยิ่งเดินเข้าไปลึกมากเท่าไหร่สำหรับพวกเขาก็จะยิ่งมีการเก็บเกี่ยวที่ดีมากขึ้นเท่านั้น
ฉะนั้นแล้วการที่’ชูเฟิง’มีปฏิกิริยาที่ผิดปกติมันก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกกังวลมากเท่านั้น และพวกเขายังคิดอีกว่า’ชูเฟิง’อาจได้ค้นพบกับอะไรบางอย่าง
“มันไม่มีอะไร”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคน’ชูเฟิง’จึงส่ายหัวและยิ้มเล็กน้อยกลับไปพร้อมกับคิดในใจว่า
“ข้าคงจะคิดไปเอง”
เพราะ’ชูเฟิง’มันใจอย่างชัดเจนว่าเขาได้ยินเสียงของชายชราชุดดำในหัวของเขาแต่เมื่อหันไปรอบ ๆ เขากับไม่เห็นผู้ใดและต้นต่อของเสียงดังนั้นเขาจึงมันใจว่าเขาอาจคิดไปเอง
“เจ้าเด็กน้อยจงกลับออกไปซะสุสานจักรพรรดิมันไม่ใช่ที่สำหรับเด็กเจ้าจะเข้ามาวิ่งเล่น ถ้าเจ้ายังดึงดันที่จะเข้ามามันก็หมายความว่าเจ้ากำลังจะนำพาตัวเองไปสู่ความตาย”
“จงกลับออกไปและรอ หลังจากที่ข้าเข้าไปยังส่วนลึกของสุสานจักรพรรดิแล้วนั้นข้าจะให้ผลประโยชน์แก่เจ้าบางส่วนเป็นรางวัลสำหรับการที่เจ้านำพาข้ามายังสุสานจักรพรรดิ”
แต่ทันใดนั้นเสียงของผู้เฒ่าชุดดำก็ได้ดังก้องขึ้นมาในหูของ’ชูเฟิง’อีกครั้งและในครั้งนี้’ชูเฟิง’ก็ได้รู้ตัวเองแล้วว่ามันไม่ใช่ว่าเขานั้นคิดไปเองแต่มันคือการส่งข้อความทางจิต มันเป็นข้อความทางจิตที่ผู้เฒ่าชุดดำส่งมายังเขา
..
#################################################################################################
ที่มา: