ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ไปฆ่าพวกมันให้หมด อย่าปล่อยให้ใครมีชีวิตรอดออกไปได้”
ในทันที เซินถู่ หลาง ก็ได้ออกคำสั่งไปยังเหล่าองครักษ์ของเขาหลังจากที่เขานั้นได้ฆ่าเหล่ากลุ่มของผู้เชียวชาญไปแล้ว
“ครับองค์ชาย!”
เมื่อได้ยินคำพูดของ เซินถู่ หลาง เหล่าองครักษ์ก็ได้ปรับตัวลอยสูงขึ้นไปบนอากาศและฆ่าเหล่าบรรดาฝูงชนทุกคนที่พวกเขาได้พบเห็นอย่างโหดร้ายและไม่ได้มีความลังเลใด ๆ
ในทันทีโรงเตี๊ยมสุดหรูหราในตอนนี้นั้นก็ได้กลับกลายเป็นเขตของสงครามและการสังหารหมู่ไปเสียแล้ว เปลวไฟได้ลุกโชนขึ้นไปเต็มท้องฟ้าพร้อมกับเสียงของการระเบิดอยู่ทุกหนทุกแห่งสถานที่แห่งนี้นั้นได้เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องที่แสนจะเจ็บปวดของผู้คน
“เจ้าป่าเถื่อนเจ้าฆ่าผู้บริสุทธิ์! นี่เจ้ายังเรียกตัวเองว่าเป็นคนได้อยู่อีกหรือไม่?”
เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้านั้น ซูเหม่ย ก็ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไปเธอชี้ไปที่ เซินถู่ หลาง และด่าถ่อเขา
“ยังเป็นมนุษย์อยู่ไหมน่ะหรือ? แน่นอนว่าข้านั้นไม่ใช่มนุษย์ ถ้าจะพูดให้ถูกข้าก็คือเทพเจ้ายังใงล่ะ”
“เจ้าคนพวกนี้นั้นมันใช้พื้นที่มากเกินไป และที่สำคัญพวกมันไม่ได้จองห้องพักพิเศษและหรูหราให้แก่ข้าทั้ง ๆ ที่ข้านั้นได้มาถึงยังสถานที่แห่งนี้แล้ว พวกมันล่าช้าเกินไปและยังคิดที่จะมาขัดขวางแผนการและความตั้งใจของข้าอีกฉะนั้นแล้วโทษของพวกมันนั้นคือความตายนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่พิเศษที่สุดสำหรับชีวิตของพวกมันแล้ว”
เซินถู่ หลาง กล่าวออกมาด้วยความภาคภูมิใจ
“นี่เจ้า! เจ้ามันเป็นเพียงแค่สัตว์ชั้นต่ำ!”
ซูเหม่ยนั้นได้ด่าถ่อและสถบคำสาปแช่งออกไปอย่างเสียงดัง
“สัตว์ชั้นต่ำ? อ่าได้ได้ เจ้ากล้าบอกว่าข้านั้นเป็นสัตว์ชั้นต่ำใช่หรือไม่? ถ้าเช่นนั้นแล้วเดี้ยวข้าจะทำให้เจ้าได้รับรู้ว่าข้านั้นเป็นสัตว์ชั้นต่ำจริงไหม!”
“พวกเจ้า! จงไปฉีกกระฉากเสื้อผ้าของนังผู้หญิงสองคนนี้ซะ ข้าต้องการที่จะได้เห็นเรือนรางของพวกมันทั้งสองคนในตอนนี้”
เซินถู่ หลาง กล่าวออกมาอย่างเย็นชาพร้อมกับกวาดสายตาของเขาออกไปยังเรือนรางของทั้ง ซูรู่ และ ซูเหม่ย ด้วยความภาคภูมิใจ
“ครับองค์ชาย”
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นสององครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างหลังของ เซินถู่ หลาง ก็ได้บินต่อไปยัง ซูรู่ และ ซูเหมย ทันที ระดับพลังวิญญาณของเขานั้นไม่ได้นับว่าอ่อนแอเลยแม้แต่นิดพวกเขาทั้งสองนั้นได้อยู่ในระดับที่ 4 ของแดนสวรรค์วิญญาณ
“พวกเจ้ากำลังมองหาที่ตายโดยแท้!”
แต่เมื่อมองไปยังการกระทำของพวกเขาทั้งสองคนนั้นตาของ เจียง หวู่ชาง ก็ได้กลายเป็นเกรี้ยวกราดขึ้นมาในทันทีภายในใจของเขานั้นได้ถูกเติมเต็มไปด้วยเชื้อเพลิงแห่งความโกรธแค้นเขารีดเร้นอำนาจสวรรค์ภายในร่างกายของเขาเช่นเดียวกับพลังอำนาจทางสายเลือดขึ้นมาเพื่อที่จะทำการสั่งสอนเหล่าองครักษ์ทั้งสองคนนี้
แม้ว่าพลังอำนาจในการต่อสู้ของเขานั้นจะไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับ เซินถู่ หลาง ได้แต่สำหรับองครักษ์ทั้งสองคนนี้นั้นนับว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่อันใดสำหรับเขา
*** ตุ่ม ***
อย่างไรก็ตามก่อนที่ เจียง หวู่ชาง นั้นจะได้มีโอกาศในการโจมตีก็ได้มีกลุ่มก้อนพลังงานอำนาจสวรรค์ขนาดใหญ่ไร้ขีดจำกัดพุ่งตรงลงมาจากท้องฟ้าและและสร้างหลุมลึกห่างไกลจาก เจียง หวู่ชาง ออกไปนับสิบเมตรและเมื่อเขาได้สั่งเกตุสายตาของเขาดี ๆ นั้นก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเหล่าสององครักษ์นั้นได้เละกลายเป็นเนื้อบดไปที่เรียบร้อยแล้ว
ในเวลาเดียวกันก็ได้มีเสียงที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าราวกับว่ามันได้ส่งมาจากชั้นฟ้าสวรรค์ ไม่นานนักก็ได้มีรูปร่างของคนสองคนร่อนลงมายังเบื่องหน้าของ เจียง หวู่ชาง ซูรู่ และซูเหม่ย และทั้งสองคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ชูเฟิง และ จาง เทียนยี แล้วการโจมตีที่แสนจะรุนแรงเมื่อสักครู่นี้นั้นมันย่อมเป็นที่แน่นอนว่านั้นคือการโจมตีของชูเฟิง
“ไอ้สารเลวบัดซบเจ้าจริงกล้าที่จะโจมตีคนของข้าอย่างนั้นรึ เจ้ากำลังมองหาที่ตายอย่างแท้จริง! พวกเจ้าทั้งหมดจงนำพาพวกมันไปสู่ความตายซะ!”
เมื่อเห็นว่าทั้งสององครักษ์นั้นถูกฆ่าตาย เซินถู่ หลาง ก็ได้กลายเป็นโกรธเกรี้ยวขึ้นมาในทันทีและคำรามออกไปราวกับเป็นเสียงของฟ้าร้อง
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นความโกรธของเหล่าองครักษ์ก็ได้ปะทุขึ้นในทันทีและเริ่มการสังหารหมู่อีกครั้ง พวกเขาทั้งหมดนั้นได้บินไปยังชูเฟิงในคราวเดียวเพื่อหวังที่ฆ่าเขา
“พวกเจ้าจริงต้องการที่จะฆ่าข้า? เหอะมาดูกันว่าพวกเจ้าจะมีปัญญามากพอไม๊”
แต่ทว่าชูเฟิงนั้นกลับไม่ได้แสดงความกลัวออกมาเลยแม้แต่น้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหล่าผู้เชียวชาญที่แข็งแกร่งนับหลายสิบคนบินตรงมายังเขาผู้เชียวชาญที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มของพวกเขานั้นจะอยู่ที่ระดับ 2 ของแดนสวรรค์วิญญาณและส่วนมากพวกนั้นจะอยู่ในระดับที่ 4 ของแดนสวรรค์วิญญาณ
*** อ่า ***
เพียงแค่ในเวลานั้นเขาก็ได้เหวี่ยงฝ่ามือของเขาออกไปพร้อมกับพลังอำนาจสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่กลืนกินไปทั่วท้องฟ้าราวกับว่ามันเป็นสัตว์ดุร้ายที่กำลังกระหายเลือดและต้องการที่จะกลืนกินพวกเขาทุกคน
“อ้า ~~~~~~”
“องค์ชายโปรดช่วยข้า…อ้า ~~~~~~”
แต่ทว่าในทันทีได้มีเสียงร้องอันทุกข์ทรมานด้วยความเจ็บปวดดังออกมาและเสียงกรีดร้องของพวกเขานั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นพวกเขานั้นคือเหล่าองครักษ์ของราชวงศ์ เซินถู่ ที่กำลังประสบความทุกข์ทรมานที่แสนสาหัส
แท้จริงพวกเขานั้นไม่ได้ถูกชูเฟิงฆ่าในทันที แต่พวกเขานั้นกลับถูกทรมานแทนด้วยอำนาจสวรรค์ของชูเฟิง นิ้วของพวกเขาที่นิ้วนั้นได้เริ่มถูกหักไปเลย ๆ ผิวหนังของพวกเขาก็ได้เริ่มค่อย ๆ ฉีกขาดแม้แต่กระดูกและเส้นประสาทของพวกเขาก็เริ่มได้รับความเสียหายแล้วด้วยเช่นกัน ความเจ็บปวดของพวกเขานั้นมันไม่อาจที่จะสามารถจินตนาการได้เลยอาจพุดได้ว่าขอตายเสียดีกว่าที่จะต้องมารับรู้ความทรมานและความเจ็บปวดเช่นนี้
“หนอยแน่!!!ไอ้บัดซบ!!! แกกำลังมองหาที่ตายอย่างแท้จริง!”
เมื่อเห็นว่าเหล่าองครักษ์ของตัวเองนั้นกำลังถูกทำร้ายและเย้ยหยันอยู่ตรงหน้าของเขานั้นเจตนาฆ่าที่ไม่มีที่สิ้นสุดของ เซินถู่ หลาง ก็ได้ระเบิดออกมาในทันทีเขาได้คำรามคำว่า “ราชวงศ์” ออกมาอย่างเสียงดังเพียงแค่พริบตาก็พลัดปรากฏตัวอังษรขึ้นบนหน้าผากของเขา
ในทันทีกลิ่นอายระดับที่ 5 แดนสวรรค์วิญญาณของเขานั้นเป็นจริงดีมากยิ่งขึ้นหลายเท่านัก พลังอำนาจในการต่อสู้ของเขานั้นแน่นอนว่าไม่อาจที่จะดูถูกได้เลยที่เดียวและความแข็งแกร่งของเขานั้นเป็นดีกว่าเหล่าองครักษ์นับหลายเท่าตัวนัก
“เฮอะ”
แต่อย่างไรก็ตามชูเฟิงในขณะนี้นั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึงระดับ 5 แดนสวรรค์เลยเพราะต่อให้เป็นระดับที่ 6 หรือแม้กระทั่งระดับที่ 7 ก็ยังไม่สามารถสร้างความหวาดกลัวใด ๆ ให้แก่เขาได้
พลังสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์นั้นได้พุ่งพล่านขึ้นมาในดวงตาของเขาและกลิ่นอายของเขานั้นก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงแค่พริบตาจากระดับที่ 3 ของแดนสวรรค์วิญญาณก็ได้ทะยานขึ้นไปยังระดับ 6 แดนสวรรค์ในทันที
หลังจากที่ระดับพลังวิญญาณของเขานั้นได้ทะยานเพิ่มสูงขึ้นมาเสียงระเบิดทั้งหลายก็ได้ดั่งก้องขึ้นบนน่านฟ้า แล้วเสียงระเบิดเหล่านั้นก็มาจากเหล่าองครักษ์ของราชวงศ์ เซินถู่ นั้นเอง ร่างกายของพวกเขานั้นได้ระเบิดออกจากกลายเป็นกองเลือดล่วงหล่นลงมายังร่างกายของ เซินถู่ หลาง
“นี่…”
ในทันทีไม่เพียงแค่แค่ เซินถู่ หลาง เท่านั้นที่ตกตะลึงเพราะแม้แต่ จาง เทียนยี เจียง หวู่ชาง ซูรู่ และ ซูเหม่ย นั้นก็ยังพลอยตกตะลึงไปด้วยเช่นกัน
พวกเขานั้นรับรู้ว่าชูเฟิงนั้นแข็งแกร่ง แต่พวกเขานั้นก็ไม่ได้คาดคิดว่าชุเฟิงนั้นจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เพียงแค่ระดับพลังวิญญาณของเขาในตอนนี้นั้นก็ได้มาถึงในระดับที่ 6 แดนสวรรค์วิญญาณแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองไปยังพลังอำนาจในการต่อสู้ที่น่ากลัวของชูเฟิงและระดับพลังวิญญาณของเขาในตอนนี้แล้วนั้นพวกเขาไม่อาจที่จะสามารถจินตนาการถึงความแข็งแกร่งของชุเฟิงได้เลยว่าเขานั้นจะแข็งแกร่งไปได้ถึงเพียงไหน บางที่ผู้เชียวชาญระดับ 8 แดนสวรรค์วิญญาณก็อาจไม่ใช่คู่มือของเขา
“เจ้าเจ้าเจ้าเจ้า…ข้าจะฆ่าเจ้าพร้อมกับหั่นร่างของเจ้าเป็นหมื่นๆชิ้น!”
เมื่อ เซินถู่ หลาง ได้เผชิญหน้ากับชูเฟิงในตอนนี้แล้วนั้นเขาก็ได้กล่าวออกมาด้วยความหมั่นใจที่เหลือล้นและพุ่งตรงไปยังชูเฟิงด้วยความโกรธแค้นเขานั้นไม่ได้สนใจกลิ่นอายที่เป็นอันตรายของชูเฟิงเลยแม้แต่น้อย เขาในตอนนี้นั้นไม่ได้คำนึงถึงใด ๆ ทั้งสิ้นแล้วเริ่มโจมตีชูเฟิงอย่างไม่ลืมหูลืมตา
“ย้า!”
เขาแผดเสียงให้ความโกรธเกรี้ยวออกมาพร้อมกระประกายแสงที่สว่างจ้าขึ้นบนสองฝ่ามือของเขา พลันปรากฏสองยุทธภัณฑ์ชั้นยอดใบมีดและคมดาบสองยุทธภัณฑ์นี้นั้นได้รอยเคว้งอยู่บนอากาศ
“ไป.”
เพียงแต่ในช่วงเวลานั้นเขาได้ชี้ไปที่ทางชูเฟิงอย่างรวดเร็ว เขาได้สั่งทั้งสองยุทธภัณฑ์ชั้นยอดของเขานั้นให้พุ่งตรงไปยังชูเฟิงและโจมตีใส่เขาในทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้นในทันที ซูรู่ ซูเหม่ย เจียง หวู่ชาง หรือแม้กระทั่ง จาง เทียนยี นั้นก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงแรงกดดันและยังต้องยอมรับอีกว่า เซินถู่ หลาง นั้นเป็นบุคคลที่มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ไม่เพียงแต่ระดับพลังวิญญาณของเขาเท่านั้นที่อยู่ในระดับที่ค่อนข้างดีแต่พลังอำนาจในการต่อสู้ของเขานั้นก็นับได้ว่ามีประสิทธิภาพเป็นอย่างมากมันเห็นกันได้อย่างชัดเจนว่าเขานั้นจริงสามารถที่จะทำความเข้าใจยุทธภัณฑ์ชั้นยอดทั้งสองและใช้มันได้ในเวลาเดียวกัน
หากว่าผู้ที่ต่อสู้กับเขาหนึ่งต่อหนึ่งอยู่ตอนนี้เป็น จาง เทียนยี ล่ะก็แน่นอนว่า จาง เทียนยี นั้นจะต้องเป็นผู้พ่ายแพ้อย่างแน่นอน
แต่ทว่ามันก็ชั่งน่าเสียดายยิ่งนักที่คู่ต่อสู้ของ เซินถู่ หลาง ในตอนนี้นั้นห่าใช่ จาง เทียนยี ไม่แต่มันคือชูเฟิง
“เหอะนับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดี”
*** หวืบ ***
เมื่อหันหน้าไปยังยุทธภัณฑ์ชั้นยอดทั้งสองนั้นชูเฟิงก็ยังไม่ได้ลดลงมาจากท้องฟ้าและยังไม่ได้เคล้าโครงที่ว่าจะหลับหนีหรือล่าถอยอีกด้วยและเขานั้นกลับยิ่งปรับตัวรอยสูงขึ้นไปบนอากาศอีกครั้ง
เมื่อชุเฟิงได้มายนอยู่บนอากาศในจุดที่เขาต้องการแล้วนั้นเขาก็ได้หยุดการเคลื่อนไหวแล้วกางแขนทั้งสองข้างของเขานั้นออกมาอย่างซื่อตรงเขานั้นคิดที่จะคว้าทั้งสองยุทธภัณฑ์ชั้นยอดอันสุดแข็งแกร่งด้วยฝ่ามือของเขา
“ชูเฟิง!”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ซูรู่ และ ซูเหม่ย นั้นก็ยิ่งเป็นกังวลและไม่อาจที่จะทนมองได้พวกเขานั้นได้ปรากฏเหงื่อเย็นขึ้นมาบนใบหน้าของพวกเขาเมื่อมองไปยังชูเฟิง พลังจากที่พวกเขานั้นสามารถรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่มาจากยุทธภัณฑ์ชั้นยอด
แต่ทว่าในขณะนั้นมีเพียงแค่ จาง เทียนยี เท่านั้นที่ดูสงบนิ่งกว่าคนอื่น ๆ เพราะว่าเขานั้นแท้จริงได้เคยต่อสู้กับชุเฟิงมาก่อนและก็ได้รับรู้ถึงขอบเขตและพลังของเขานั้นแท้จริงมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน
“นี่เจ้าคิดที่จะรับยุทธภัณฑ์ชั้นยอดด้วยมือเปล่าอย่างงั้นรึ? ฮ่า ๆ เจ้ากำลังมองหาที่ตายโดยแท้!”
เมื่อเห็นการกระทำของชูเฟิง เซินถู่ หลาง ก็ยิ่งกล่าวคำพูดที่เย็นชาออกมาและเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความเย้ยหยันปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา และในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ทุ่มเทพลังทั้งหมดอัดลงไปในสองยุทธภัณฑ์ชั้นยอดของเขาเพื่อที่เขานั้นจะได้ฆ่าชูเฟิงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
*** บุฟูว ~~~~~~ ***
เพียงแค่ช่วงเวลานั้นที่ฝ่ามือของชูเฟิงได้เข้าใกล้กับทั้งสองยอดยุทธภัณฑ์ พริบตาเดียวชูเฟิงก็คว้าจับกระบี่และดาบไว้ภายในมือทั้งสองข้าง แรงปะทะนั้นทำให้เกิดประกายไฟพร้อมกับคลื่นระเบิดจึงทำให้พลังที่อัดแน่นอยู่ยุทธภัณฑ์ของพวกมันหายวับไปในทันที
เพราะว่าในขณะที่ชูเฟิงได้จับลงไปที่ยุทธภัณฑ์ชั้นยอดทั้งสอง เขาก็ได้ส่งแรงดันลงไปที่ฝ่ามือของเขาให้กลายเป็นโล่สะท้อนแรงระเบิดของพลังงานที่ไม่มีที่สิ้นสุดกลับไปที่ยุทธภัณฑ์ชั้นยอดทั้งสอง
ในทันทีที่ยุทธภัณฑ์ชั้นยอดทั้งสองได้ถูกสะท้อนพลังของตนเองกลับไปมันก็ทำให้พวกมันนั้นสั่นไม่หยุด แต่หลังจากนั้นไม่นานนักมันก็ได้หยุดสั่นและถูกปราบปรามจริงโดยชูเฟิง ชูเฟิงนั้นแท้จริงสามารถรับมือกับยุทธ์ชั้นยอดได้ด้วยมือเปล่า
ที่มา: