ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 723 – หลาน หยานจื่อ
ป้ายในมือของ ชูเฟิง นั้น ถูกทำออกมาอย่างหยาบๆ มันถูกสร้างขึ้นจากไม้สีดำ และถูกประดับด้วยของตกแต่งเพียงไม่กี่ชิ้น ที่รอบนอกถูกเขียนไว้ว่าสำนักสี่คาบสมุทร และตรงกลางเขียนไว้ว่า ไต้กู๋
หากมองผ่านๆ นี้น มันก็คือป้ายไม้ธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ ชูเฟิง สัมผัสได้ว่าภายในป้ายนี้มีรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณที่ซับซ้อนอยู่ภายใน และมันเป็นรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะเท่านั้น
ป้ายนี้คือป้ายแสดงสถานะของ ไต้กู๋ มันทำให้ ชูเฟิง รู้ว่าเขาจะไม่มีปัญหาใดๆ ในการเข้าสู่นครที่สาบสูญด้วยป้ายนี้
นอกจากนี้ เขายังเคยพบกับ ไต้กู๋ เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และการที่เขายอมช่วยเหลือโดยไม่มีเงื่อนไขเช่นนี้ มันทำให้ ชูเฟิง รู้สึกขอบคุณเขาจากใจจริงๆ เขาโค้งคาราวะด้วยความสุภาพ และกล่าวออกมาว่า”
ผู้อาวุโส ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่านในครั้งนี้ ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณของท่าน และข้าจะต้องตอบแทนท่านแน่นอน !!” “ฮ่าๆ !! ข้าไม่ได้หวังให้เจ้าตอบแทนข้า เพียงคำขอบคุณของเจ้ามันก็มีค่ามากเพียงพอแล้ว !! รีบออกไปเถอะ ดูเหมือนว่าสหายของเจ้าจะกำลังกังวลกันอย่างมาก !!”
ไต้กู๋ โบกมือพลางยิ้มบางๆ พร้อมกับหลับตาพริ้มขณะที่เขาก้มไปสูบชาต่อไปอย่างเพลิดเพลิน “ถ้าเช่นนั้น ข้าขอตัวลาท่านผู้อาวุโส !!”
ชูเฟิง ไม่รอช้า เขารีบหันหลังกลับ และจากออกไป “พี่ใหญ่ ชูเฟิง ท่านเป็นอะไรไหม !!”
มันเป็นอย่างที่ ไต้กู๋ กล่าวไว้ พวกเขาทุกคนยังคงรออยู่ด้านนอก ไม่ออกไปไหนไกล เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีความกังวลเกี่ยวกับ ชูเฟิง อย่างมาก “ก็ราบรื่นกว่าที่ข้าคิดไว้ !!”
ชูเฟิง กล่าวพลางยิ้มบางๆ พร้อมกับโชว์ป้ายในมือออกมา “สวรรค์……นี่เขาช่วยท่านจริงๆ !! นี่มันป้ายประจำตัวของ ไต้กู๋ !! ท่านสามารถไปไหนก็ได้ในสำนักสี่คาบสมุทร และไม่มีใครที่สามารถห้ามท่านได้ !!”
เจียง หวู่ชาว อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง เมื่อเขาเห็นป้ายในมือของ ชูเฟิง “ศิษย์น้อง ชูเฟิง ข้าต้องบอกเลยว่าเจ้าทำให้ข้าประทับใจมาก!! การได้รับความช่วยเหลือจาก ไต้กู๋ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!! ดูเหมือนว่าเจ้าจะทำให้เขาประทับใจอย่างมากเลยทีเดียว !!”
เจียง หวู่ชาง กล่าวออกมาด้วยความชื่นชม เพราะมันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้ ไต้กู๋ ประทับใจได้ “ฮ่าๆ ยอดเยี่ยมเลย !! ที่นี้พวกเราก็จะได้เข้าไปในนครที่สาบสูญพร้อมกับ ชูเฟิง แล้ว !! เยี่ยมจริงๆ !!”
ซูเหม่ย ที่ปกติ จะเป็นคนขี้อาย และอีกไม่นานนางก็จะเข้าสู่วัยหนุ่มสาว นางยังคงแสดงออกถึงความน่ารักและขี้เล่นของนางออกมาอย่างสดใส
ในความเป็นจริงนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ ซูเหม่ย เท่านั้นที่มีความสุข ทางด้าน ซูรู่ และ จาง เทียนยี่ ก็มีความสุขอย่างมากเช่นกัน
แต่คนที่มีความสุขมากที่สุดจะเป็นใครอื่นไม่ได้ นั่นคือ เจียง หวู่ชาง เพราะหลังจากที่เขาได้รับความช่วยเหลือของ ชูเฟิง จนทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นถึงสองระดับ เขาก็เชื่อว่า ชูเฟิง แข็งแกร่งอย่างมาก
ดังนั้น เจียง หวู่ชาง จึงมีความหวังอย่างมาก ที่จะเข้าไปในนครที่สาบสูญ และในตอนนี้ ชูเฟิง ก็ยังได้เข้าไปพร้อมกับเขา มันย่อมทำให้ความหวังของเขาชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ในวันถัดไปนั้น ชูเฟิง ได้มุ่งหน้าไปยังนครที่สาบสูญพร้อมกับ เจียง หวู่ชาง และคนอื่นๆ
นครที่สาบสูญนั้นตั้งอยู่ภายในป่าดึกดำบรรพ์ที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ ทุกคนๆ ต่างทำได้เพียงรออยู่ด้านนอกเท่านั่น เพื่อให้ผู้อาวุโสทำการเปิดผนึกมันเสียก่อน
เมื่อพวกเขามาถึงนั้น ก็พบกับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มาถึงอยู่ก่อนแล้ว คนกลุ่มนั้นเป็นผู้ชายสามคน และผู้หญิงหนึ่งคน การบ่มเพาะพลังของผู้ชายนั้นอยู่ในขั้นแดนสวรรค์ระดับห้า และการบ่มเพาะพลังผู้หญิงอยู่ในขั้นแดนสวรรค์ระดับสี่ พวกเขาทั้งสี่คนก็เป็นศิษย์ของปรมาจารย์สวรรค์คนอื่นๆ
ซูรู่ และคนอื่นๆ ไม่ได้ปกปิดการบ่มเพาะพลังเอาไว้ แทนที่จะเปิดเผยการบ่มเพาะพลังหลังจากที่เข้าสู่นครที่สาปสูญไปแล้ว สู้เปิดเผยมันตั้งแต่แรกเพื่อแสดงความแข็งแกร่งให้คนอื่นได้เห็นมันย่อมจะดีกว่า “นี่มันอะไร !! ทำไมการบ่มเพาะพลังของพวกเขาถึงแข็งแกร่งขึ้นเช่นนี้ !?””ซูรู่ และ ซูเหม่ย มีพลังถึงระดับเจ็ด เทียบเท่ากับ หลาน หยานจื่อเลย !!””จาง เทียนยี่มีพลังถึงระดับแปด ขั้นแดนสวรรค์ มากกว่า หลาน หยานจื่อ และเทียบได้กับ หวาง เยว่ !! นี่มันไม่น่าเชื่อ !!” “ใช่ !! แม่แต่ เจียง หวู่ชาง ก็มีพลังถึงระดับหก ขั้นแดนสวรรค์ !! หรือว่าในก่อนหน้านี้พวกเขาจะปกปิดพลังที่แท้จริงเอาไว้ !?”
คนกลุ่มนั้นทั้งสี่คนต่างตกตะลึง เมื่อพวกเขาพบว่าการบ่มเพาะพลังของ ซูรู่ และคนอื่นๆ แตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างมาก แววตาของพวกเขาแสดงออกถึงความกลัว ความกังวลอย่างชัดเจน
มันเป็นเพราะว่า ซูรู่ และคนอื่นๆ ก็เป็นศิษย์ของหนึ่งในปรมาจารย์สวรรค์ การเพิ่มพลังอย่างรวดเร็วเช่นนี้ มันจึงไม่ส่งผลดีต่อคนกลุ่มนั้นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบการแสดงออกของชายหญิงทั้งสามคนนั้น มีชายอีกคนหนึ่งรูปร่างสง่างามยืนอยู่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสน และความกังวลอย่างเด่นชัด “น้อง ชูเฟิง นั่คือพี่ชายของ หลิว เฉินเปียว , หลิว เฉินเว่ย เมื่อก่อนเขาไม่เคยเห็นพวกเราอยู่ในสายตา แต่เมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้สั่งสอนเขาไปแล้ว !!””จากที่ข้าได้ยินมา หลังจากที่ข้าสั่งสอนเขาไปนั้น เขาได้ฝังความโกรธแค้นไว้ในใจของเขา และเร่งการบ่มเพาะพลังของตัวเองขึ้น เพื่อที่จะแก้แค้นข้า””แต่ตอนนี้เขาคงรู้แล้วว่าไม่มีโอกาส !!”
จาง เทียนยี่ กล่าวพลางชี้ไปที่ชายหนุ่มที่มีใบหน้าซับซ้อน เขารู้ในทันทีว่า หลิว เฉินเว่ย หมดโอกาสที่จะแก้แค้นเขาอย่างแน่นอน “ดูนั่น !! หลาน หยานจื่อ !!””เดี๋ยว !! คนข้างๆ นางนั่นใคร !! นั่น….หนึ่งในสามอัจฉริยะของสำนักสี่คาบสมุทร หลาน ยี่ !!””นั่นคือ หลาน ยี่ จริงๆ !! ทำไมนางถึงมาพร้อมกับ หลาน หยานจื่อ พวกนางจะต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างแน่ !!”
ในขณะนั้น ชายและหญิงสี่ตนก็ชี้ไปทางขอบฟ้า และกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง
เมื่อมองออกไปนั้น ชูเฟิง ก็พบกับสองสาวงามที่ลอยอยู่ในอากาศ
หนึ่งในนั้นมีพลังถึงขั้นจ้าวสงครามระดับสี่ ชูเฟิง รู้ว่านางคือหนึ่งในสามอัจฉริยะของสำนักสี่คาบสมุทร หลาน ยี่ ที่เขาเคยพบที่ยอดเขาสายหมอก
อีกหนึ่งคนนั้น การบ่มเพาะพลังของนางก็ไม่ธรรมดาแม้แต่น้อย พลังของนางอยู่ในขั้นแดนสวรรค์ระดับเจ็บ และนี่คงจะเป็น หลาน หยานจื่อ ที่คนกลุ่มนั้นพูดถึง “น้อง ชูเฟิง นั่นคือ หลาน หยานจื่อ แต่เดิมนางคือศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของหนึ่งในสิบปรมาจารย์สวรรค์ !!””ยังไงก็ตาม ตอนนี้พวกเราก็ไล่ตามนางได้ทัน เมื่อนางเห็นการบ่มเพาะพลังของพวกเรา นางจะต้องตกใจแน่นอน !!””ยังไงก็แล้วแต่ นางนิสัยไม่ค่อยดีนีก นางไม่เคยสนใจศิษย์รุ่นเดียวกัน นางนึกอยากจะทำอะไร นางก็ทำ เมื่อรวมกับ หวาง เยว่ ก็กลายเป็นแฝดนรกเลยทีเดียว !!””พวกเราเคยคิดว่าจะต้องมีคนคอยสนับสนุนนาง และคนๆ นั้นก็น่านะเป็น หลาน ยี่ และพวกเราก็คิดถูกจริงๆ !!”
จาง เทียนยี่ กล่าว ขณะที่ ชูเฟิง กำลังจ้องมองไปยังพวกนางทั้งสองคน “คาราวะผู้อาวุโส หลาน ยี่ !!”
หลังจากพวกนางทั้งสองคนลงมาถึงพื้นนั้น กลุ่มของ หลิว เฉินเว่ย ก็รีบคาราวะ หลาน ยี่ ในทันที
แม้ว่าภายในสำนักสี่คาบสมุทรจะไม่มีการแบ่งระดับชั้นออกอย่างเด่นชัด แต่ลำดับชั้นจะถูกกำหนดด้วยความแข็งแกร่งของคนๆ นั้น
หลาน ยี่ คือหนึ่งในสามอัจฉริยะของสำนัก มันจึงทำให้นางมีสถานะที่สูงกว่าศิษย์ทั่วๆ ไป เมื่อศิษย์พบเห็นนาง พวกเขาจะต้องแสดงความเคารพต่อนางออกมา
ในขณะเดียวกันนั้น ไม่เว้นแม้แต่ ซูรู่ และคนอื่นๆ พวกเขาต่างยืนขึ้น และโค้งคาราวะ หลาน ยี่ แต่ในขณะนั้น มีเพียง ชูเฟิง คนเดียวเท่านั้น ที่ไม่ได้คาราวะนาง
ReaDMGA //////////////////////////////////////////////////// A : ในกลุ่มคนพวกนี้ใครเก่งสุด!!!
B : เป็นคำถามโง่ๆ ที่ไม่มีใครเค้าถามกัน แน่นอนสิว่าต้องเป็น พี่เฟิง
C : แน่ใจอ่อ!!!
B : แน่ใจมาก บรรดากลุ่มคนพวกนี้ เจอพี่เฟิงกูปั่น จนหัวนี้หมุน ติ้วๆๆ!!! เหมือนเป็นการหลอกควายให้ติดกับ จากนั้นก็ลงมือเชือด!!!
A : ร้ายกาจจริงๆ!!! นับถือๆ!!!