ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหลังจากที่ชูเฟิงนั้นได้อะไรเสร็จสิ้นแล้วเขาก็ได้พลิกฝ่ามือของเขาขึ้นมาพร้อมกับหลายสิบถุงจักวาลปรากฏขึ้น ทุกจักวาลพวกนี้นั้นล้วงเป็นของผู้คนจากราชวงศ์ เซินถู่ ทั้งสิ้น
ชูเฟิงนั้นไม่ได้ฆ่าผู้คนไปจำนวนมากอย่างสูญเปล่าก่อนที่เขาจะฆ่าพวกมันทั้งหมดนั้นเขาก็ได้ดูดซับพลังงานไปให้แก่ ต้านต้าน และก็ปล้นทรัพย์สมบัติที่มันมีออกมาทั้งหมดรวมไปถึงเหล่าถุงจักวาลนี้ด้วย
ชูเฟิงนั้นได้ทำทั้งหมดในเวลาเดียวกัน ถ้ามันเป็นเมื่อก่อนล่ะก็แน่นอนว่าเขานั้นจะต้องทำไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ทว่าพลังอำนาจของชูเฟิงในตอนนี้นั้นมันแตกต่างกัน
“โอ้วข้าไม่ได้คาดคิดเลยนะเนี่ยว่าราชวงศ์ เซินถู่ นั้นจะร่ำรวยถึงเพียงนี้”
หลังจากที่ได้ตรวจสอบในถุงจักวาลแต่ล่ะถุงมันก็ทำให้ชูเฟิงนั้นต้องพยักหน้ามาด้วยความพึ่งพอใจต่อความร่ำรวยของผู้คนจากราชวงศ์ เซินถู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซินถู่ หลาง ด้วยตัวเขาเพียงคนเดียวนั้นก็พกลูกแก้วสวรรค์วิญญาณติดตัวถึงหมื่นเม็ดด้วยกันซึ่งมันอาจเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขานั้นมั่งคลั่งในทรัพยากรอย่างแท้จริง
อนึ่งจะต้องทราบก่อนว่าชูเฟิงนั้นได้ปล้นสมบัติทั้งหมดของราชวงศ์จีมาทั้งหมดก็ยังมีเพียงแค่ลูกแก้วสวรรค์วิญญาณนับหนึ่งแสนลูกเท่านั้น
แต่ทว่า เซินถู่ หลาง ด้วยการครอบครองของเขาเพียงคนเดียวนั้นกลับมีลูกแก้วสวรรค์วิญญาณถึงหนึ่งหมื่นลูก นึ่งจึงอาจเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าราชวงศ์ เซินถู่ นั้นได้ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองหรือทว่าพวกเขานั้นจะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรที่มหาศาลอย่างแท้จริง
“ฮ่า ๆ พี่ชายชูเฟิงความคิดของท่านนี่ชั่งล้ำเลิศยิ่งนัก การที่ให้มันตายด้วยการจมอุจจาระตายเช่นนี้!”
เพียงแต่ในขณะนั้น เจียง หวู่ชาง ก็ได้บินมาแล้วกล่าวออกไปด้วยความสะใจใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มดูชั่วร้ายและมองลงไปในหลุมอุจจาระที่ชูเฟิงเป็นคนทำมันขึ้นมา
“ศิษย์น้องชูเฟิงไอ้สารเลวนี่มันต่ำช้ามากเกินไป มันจริงกล้าที่จะทำร้าย เจียง หวู่ชาง และยังมีความคิดที่จะทำมิดีมิร้ายต่อศิษย์น้องซูรู่ และ ซูเหม่ยอีก! เราควรที่จะจับมันไปทรมานเสียยังดีกว่าการฆ่ามันด้วยวิธีที่ง่ายดายเช่นนี้มันนับดีเกินไปสำหรับมัน.”
ในเวลาเดียวกัน จาง เทียนยี ก็ได้ระบายความโกรธแค้นของเขาออกมา
ในขณะที่เขานั้นต้องเผชิญกับสายตาของทุกคนชูเฟิงก็กลับตอบสนองกลับไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกล่าวออกไปว่า
“แน่นอนว่าข้านั้นไม่ได้ปล่อยให้มันจมน้ำอุจจาระจนตายเช่นนั้นหรอก ข้านั้นได้สร้างการก่อจิตวิญญาณครอบคลุมร่างกายของมันเอาไว้เพื่อปกป้องมันจากการจมน้ำอุจจาระ.”
“ว่ายังใงนะ? ศิษย์น้องชูเฟิงเจ้าวางแผนอะไรไว้อย่างนั้นรึ? เหตุใดถึงได้คิดที่จะปกป้องมันจากการจมน้ำอุจจาระ?”
“ใช่! พี่ใหญ่ชูเฟิงท่านกำลังวางแผนอะไรไว้ย่างนั้นหรือ มันอาจจะเป็นไปได้ว่าท่านต้องการให้มันนั้นอดอาหารจนตาย?”
จาง เทียนยี และ เจียง หวู่ชาง นั้นได้ต่างแสดงความสับสนออกมาต่อความตั้งใจของชูเฟิงว่าคือสิ่งใดกันแน่
“แน่นอนว่าข้านั้นก็ไม่ได้ต้องการให้มันอดตาย”
ชูเฟิงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“อ้าาา! พี่ใหญ่ชูเฟิงท่านกำลังว่างแผนจะจัดการเขายังใงกันแน่? อย่าปล่อยให้ข้านั้นต้องคอยเดาอยู่อย่างนี้สิโปรดบอกมาโดยเร็วเถอะได้โปรด!”
เจียง หวู่ชาง นั้นแสดงอาการหงุดหงิดออกมาเล็กน้อยเพราะว่าเขานั้นต้องการที่จะรู้คำตอบของชูเฟิง
“ฮ่า ๆ แน่นอนว่าข้านั้นได้สร้างการก่อจิตวิญญาณปกคลุมร่างกายของมันขึ้นมาเพื่อไม่ให้มันจมน้ำอุจจาระ และก็ไม่ได้คิดที่จะพัฒนาการและปล่อยมันให้อดตายอีกด้วย เพียงแต่ทว่าการก่อตัวจิตวิญญาณของข้านั้นจะเป็นตัวช่วยในการดูดซับพลังจากภายนอกเข้ามายังภายในช่องทางหนึ่งและซึมซับเข้าไปในร่างกายของมัน ในปริมาณที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตอยู่ของมัน”
“และในขณะที่ต้องใช้การดูดซับจากพลังงานภายนอกนั้นเจ้าก็น่าจะเข้าใจทั้งหมดแล้วนะว่าพลังงานภายนอกนั้นมันคืออะไร?”
ชูเฟิงกล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น จาง เทียนยี และ เจียง หวู่ชาง ต่างก็พามองหน้ากันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความงุนงงแต่ทว่าเพียงไม่นานนักเขาก็เข้าใจถึงบางสิ่งบางอย่างและถามออกไปว่า
“มันคืออุจจาระใช่หรือไม่?”
“ถูกต้องแล้วมันคืออุจจาระ”
“และมันก็ไม่สามารถที่จะหลบหนีไปไหนได้อีกด้วยเพราะพัฒนาการในการก่ออำนาจจิตวิญญาณได้ผูกมัดมันเอาไว้”
“และแน่นอนว่ามันจะไม่ได้อดตายเพราะพลังอำนาจของการก่อตัวนั้นจะคอยดัดแปลงพลังงานมาจากอุจจาระและซึมซับเข้าไปภายในร่างกายของมัน ไม่ว่ามันจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม”
“และแน่นอนว่าการดูดซับอุจจาระในแต่ละวันแต่ละวันนั้นมันจะต้องไม่มีทางอดตายอย่างแน่นอน”
ชูเฟิงยิ้มและกล่าวออกมาอย่างใจแคบและเลวทราม
“ฮ่า ๆ พี่ใหญ่ชูเฟิงความคิดของท่านนั้นชั่งยอดเยี่ยมเสียจริงการที่ท่านได้โยน เซินถู่ หลาง ลงไปในหลุมอุจจาระก็เพื่อให้มันได้กินอุจจาระนี่เอง”
เจียง หวู่ชาง กล่าวออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะชอบใจ
“ฮ่า ๆ ศิษย์น้องชูเฟิงข้านั้นยอมรับเลยว่าความคิดของเจ้าในครั้งนี้นั้นชั่งร้ายกาจเกินไปกว่าที่ความคิดของข้าหลายเท่านัก ข้าก็นึกว่า เซินถู่ หลาง นั้นจะต้องตายภายในวันนี้แล้วซะอีก!”
และในขณะนั้นใบหน้าของ จาง เทียนยีก็ยังแสดงออกมาด้วยความรู้สึกที่ชื่นชม
แต่ทว่าปฏิกิริยาของ ซูรู่ และ ซูเหม่ย นั้นได้แตกต่างกันออกไป ถึงแม้ว่าชูเฟิงนั้นจะต้องการระบายความโกรธแทนพวกเขาแต่การที่เขามีความคิดในการให้มันกินอาหารอุจจาระนั้นมันเป็นวิธีการที่ขยะแขยงและดูโสโครกมากเกินไป
นอกจากนี้มันยังทำให้ความยากอาหารของพวกเขาที่จะต้องการยัดอาหารอันหรูหรามากมายลงท้องของพวกเขาต้องหายไปภายในพริบตาเพราะเรื่องอุจจาระ นอกจากนี้หนึ่งในพวกเขานั้นก็ยังไม่มีใครเลยสักคนที่ได้กินอาหารอันหรูหราจากโรงเตี๊ยมสุดหรูนั้นและในตอนนี้โรงเตี๊ยมแห่งนั้นก็ได้กลายเป็นเศษซากไปแล้วฉะนั้นกลุ่มของชูเฟิงจึงได้เลือกที่จะเดินทางต่อไป
และหลังจากที่พวกเขานั้นได้ออกเดินทางมาในที่สุดพวกเขาก็ได้มาถึงสำนักสี่คาบสมุทรเสียที สถานที่แห่งนี้นั้นมันเป็นทวีปที่เกิดขึ้นจากหมู่เกาะนับไม่ถ้วนแม้แต่ส่วนหนึ่งของหนึ่งของมันนั้นก็ยังดูขนาดใหญ่กว่าทวีป 9 อาณาจักรนับหลายเท่านัก
และก็เช่นเดียวกันดินแดนขนาดใหญ่ทั้งหมดนี้ต่างเป็นสำนักที่เรียกกันว่าสำนักสี่คาบสมุทร
และสิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อมันกล่าวได้ว่าพื้นที่ขนาดใหญ่ทั้งหมดขนาดนี้นั้นได้อยู่ภายใต้ในชื่อของสำนักสี่คาบสมุทร มันก็เป็นที่ยืนยันและเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าสำนักสี่คาบสมุทรนั้นเป็นกลุ่มกองกำลังขนาดใหญ่อย่างแท้จริงในการใช้ขุมพลังอำนาจ
แต่ถึงแม้ว่าสำนักสี่คาบสมุทรนั้นจะมีขนาดที่ใหญ่มากแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีสมาชิกสาวกเป็นจำนวนมากตามขนาดของมัน อนึ่งจะต้องกล่าวก่อนว่าในทวีป 9 อาณาจักรนั้นมีประชากรอยู่นับ 10 ล้านคน
แต่ทว่าสำนักสี่คาบสมุทรนี้นั้นมีผู้ที่ประสบความสำเร็จและเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ได้ไม่กี่แสนคนเท่านั้นพวกเขานั้นเต็มไปด้วยเหล่าผู้อาวุโสและเหล่าศิษย์ และประชากรส่วนใหญ่ของเขานั้นมันจะเป็นผู้ใหญ่เสียทั้งนั้น
และถึงแม้ว่าในสำนักสี่คาบสมุทรนั้นจะเป็นสำนักขนาดใหญ่แต่กลับมีจำนวนศิษย์ที่น้อยก็ใช่ว่าจะอ่อนแอเหล่าผู้ที่อยู่ภายในสำนักสี่คาบสมุทรนั้นต่างเป็นมังกรในหมู่มังกรด้วยกันทั้งนั้น ถ้าจะให้พูดง่าย ๆ ก็คือสำนักสี่คาบสมุทรนั้นไม่ได้เกรี่ยงที่จะเลือกเพศชายหญิง หรือแม้กระทั่งอายุพวกเขาก็ไม่ได้จำกัดแต่ทว่ามันกลับมีข้อบังคับเพียงข้อเดียวเท่านั้นนั่นก็คือผู้ที่จะเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ทุกคนต้องเป็นผู้เชียวชาญในระดับ แดนสวรรค์วิญญาณขึ้นไปเท่านั้น
โอ้วเขตแดนสวรรค์พวกเขาทั้งหมดอยู่ในเขตแดนสวรรค์อย่างแท้จริง ที่นี่มีหลายร้อยหลายพันผู้เชียวชาญแดนสวรรค์พวกเขาทุกคนนั้นนับว่าเป็นบุคคลชั้นสูงโดยแท้จริง
“โอ้วสวรรค์พวกเขาทั้งหมดล้านอยู่ในแดนสวรรค์วิญญาณ! เหล่าผู้เชี่ยวชาญสูงสุดในทวีป 9 อาณาจักรพวกเขาก็ต่างพากันมายังสถานที่แห่งนี้!”
ในขณะที่พวกเขานั้นได้มองไปยังผู้คนโดยรอบใบหน้าของ ซูเหม่ย นั้นก็ได้เต็มไปด้วยอาการตกใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
มันเป็นเพราะว่าเธอนั้นได้จ้องมองไปยังคนเฒ่าและคนวัยกลางคนที่ยืนอยู่โดยรอบหรือแม้กระทั่งวัยหนุ่มสาวรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขาก็ยังอยู่ในแดนสวรรค์วิญญาณไม่มีใครในที่นี้เลยที่มีระดับพลังวิญญาณอยู่ในเขตแดนแก่นแท้ มันเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจสำหรับเธอมากหากจะต้องไม่ประหลาดใจกับสิ่งที่ได้เห็นเหล่านี้
“ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลอันใดหลอกเพราะว่าที่นี่นั้นคือทะเลภาคตะวันออก! ในสถานที่แห่งนี้นั้นไม่ได้มีเพียงแค่เหล่าผู้เชียวชาญแดนสวรรค์เท่านั้นแต่มันยังมีไปถึงเหล่าผู้เชียวชาญที่อยู่ในระดับจ้าวสงครามอีกด้วยและที่สำคัญละดับที่อยู่บนจุดสูงสุดผู้เชียวชาญระดับสูงที่แท้จริงนั้นพวกเขาต่างก็อยู่ในระดับแดนราชันย์สงครามก็ยังมี ผู้เชียวชาญที่อยู่ในระดับที่เหนือกว่าเหล่าผู้เชียวชาญแดนสวรรค์นั้นยังมีอีกมากมายนักในสถานที่แห่งนี้”
เจียง หวู่ชาง อธิบาย
“น้อง หวู่ชาง กล่าวได้ถูกต้องแล้วล่ะในภูมิภาคที่แตกต่างกันนี้ อำนาจห้วงวิญญาณ,อำนาจกำเนิด,อำนาจแก่นแท้,หรือแม้กระทั้งอำนาจสวรรค์พวกมันเหล่านี้นั้นนับมีความหนาแน่นที่แตกต่างกันฉะนั้นแล้วมันจึงนำมาเปรียบเทียบกับทวีป 9 อาณาจักรไม่ได้หรอก ฉะนั้นแล้วมึงจึงเป็นเหตุว่าทำใมผู้เชียวชาญ ณ ที่แห่งนี้นั้นถึงได้ไม่มีเหล่าผู้เชียวชาญที่มีระดับพลังวิญญาณที่อ่อนแอ”
“และนอกจากนี้ยังไม่ต้องพูดถึงชนชาวพื้นเมืองเจ้าถิ่นของทะเลภาคตะวันออกเลยพวกเขานั้นได้อยู่ในทะเลภาคตะวันออกมาตั้งแต่กำเนิดมันย่อมเป็นที่แน่นอนว่าระดับพลังวิญญาณและทรัพยากรในการบ่มเพาะพลังวิญญาณนั้นจะต้องห่างไกลจากพวกเราเป็นอย่างมาก และในสถานที่แห่งนี้มันย่อมเป็นที่แน่นอนว่ามันไม่ใช่สถานที่ของคนอ่อนแอ”
“และนอกจากนี้สำนักสี่คาบสมุทรนั้นยังเต็มไปด้วยข้อบังคบที่เข้มงวดสำหรับในการคัดเลือกศิษย์ ฉะนั้นแล้วแม้แต่พวกเรานั้นก็ยังไม่ได้มีข้อยกเว้นพวกเขานั้นต่างไม่ได้คำนึงถึง ชาติกำเนิด เพศ หรือ อายุ เกณฑ์ขั้นต่ำที่สุดที่จะสามารถเข้าคัดเลือกได้นั้นก็คือระดับแดนสวรรค์วิญญาณ และถึงแม้ว่าจะอยู่ในระดับแดนสวรรค์วิญญาณแล้วนั้นก็ยังจะเป็นที่จะต้องทดสอบ ฉะนั้นแล้วมันก็อาจพูดได้ว่าแม้แต่ให้เจ้านั้นอยู่ในเขตแดนสวรรค์มันก็อาจยังไม่เพียงพอต่อการเข้าร่วม”
ชูเฟิงยิ้มพร้อมกับอธิบาย
“มันดูเหมือนกับว่าจะเป็นดังสุภาษิตที่ว่า “เหนือฟ้ายังมีฟ้า” ในตอนนี้นั้นข้าได้เข้าใจมันแล้วอย่างแท้จริงว่ามันนั้นเป็นเช่นไร”
หลังจากที่พวกเขานั้นได้ยินคำพูดของชูเฟิงและเจียง หวู่ชาง ซูเหม่ย ก็ได้ดูเป็นเงียบสงบลงและโพล่คำใบแห่งความสุขโพล่ขึ้นมาบนใบหน้าของนาง โดยอาศัยอำนาจของไขมุกเปลวเพลิง, ระดับพลังวิญญาณของเธอนั้นก็ได้ทะยานขึ้นมาสู้ในระดับสวรรค์วิญญาณในทันที นับจากคราแรกที่เธอนั้นได้อยู่ที่อาณาจักรมังกรฟ้าและได้รู้สึกราวกับว่าผู้เชียวชาญแดนสวรรค์นั้นเปรียบได้ดั่งกับเป็นตำนานสำหรับเธอ
และในขณะนี้เธอนั้นก็ได้รับรู้อย่างชัดเจนแล้วว่าแท้จริงแล้วผู้เชียวชาญแดนสวรรค์นั้นมันก็ไม่ได้มีอะไร หรืออาจพูดให้ถูกนั้นก็คือเธอนั้นได้มีความสุขอย่างล้นเหลือ ที่ครอบครองไขมุกเปลวเพลิงและรับการยกระดับโดยมัน เพราะถ้าหากว่าเธอนั้นไม่ได้ไข่มุกนี้คอยเป็นตัวช่วยในการเพิ่มระดับพลังวิญญาณของเธอล่ะก็ เธอนั้นก็จะเป็นเพียงได้แค่ขยะชั้นต่ำในสายตาของผู้เชียวชาญทะเลภาคตะวันออกเท่านั้น และมันก็จะทำให้ชีวิตของเธอนั้นไม่ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อย่างที่เธอนั้นได้หวังเอาไว้
ที่มา: