I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 711 – กลับสำนักสี่คาบสมุทร

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 711 – กลับสำนักสี่คาบสมุทร

 

“อะไรนะ ? เขานำสมบัติหายากขนาดนี้ มามอบให้กับตระกูลหลี่ ของเรางั้นหรอ ?”

 

เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดเหล่านั้น หลายคนแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เพราะ เห็ดนิรันดร์แห่งการทำลายนั้นล้ำค่าอย่างมาก

 

นอกจากนี้หากนึกถึงเรื่องที่ตระกูลหลี่ ปฏิบัติกับเขาก่อนหน้านี้ ถ้าชูเฟิงจะเอาไข่วิหคผนึกน้ำแข็งไปโดยไม่ให้อะไรพวกเขากลับมา มันก็สมควรแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตานี้ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่

 

คนที่เข้าใจเหตุผลของชูเฟิงมีแค่ หลี่ ชาน เพราะสามารถกล่าวได้ว่านางเป็นเพียงคนเดียวในตระกูลหลี่ ที่เข้าใจ ชูเฟิง นางรู้ว่าเขา ไม่ใช่คนใจแคบ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ช่วยตระกูลหลี่ไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า

 

ในความเป็นจริง เมื่อนางได้เห็น เห็ดนิรันดร์แห่งการทำลายที่อยู่ในมือของ ชูเฟิง หัวใจของหลี่ ชาน ก็เต้นระรัว นางไม่ใช่คนโง่ นางบอกได้ทันทีว่าพลังงานที่แผ่กระจายออกมาจากเห็ดนั้นคือสิ่งที่ช่วยให้นางได้รับพลังวิญญาณมหาศาล เมื่อนางได้ใช้มัน

 

แต่ถึงอย่างนั้น หลี่ ชาน ก็ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ และกล่าว”

 

หวู่ฉิง เห็ดนิรันดร์ฯนี้มีค่ามหาศาล ข้าไม่อาจรับมันไว้ได้””อีกอย่าง เจ้าได้ช่วยตระกูลหลี่ของข้าหลายครั้งต่อหลายครั้ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าเกรงว่าตระกูลหลี่คงไม่ได้ยืนอยู่ที่นี่ สิ่งที่ตระกูลหลี่ตอบแทนได้มีแค่ ไข่วิหคผลึกน้ำแข็ง ซึ่งมันไม่อาจตอบแทนบุญคุณของเจ้าได้หมด เจ้านั้นไม่ได้ติดค้างอะไรเรา มีแต่เราที่ติดค้างเจ้า “นี่เจ้า!!!ทำไมถึงได้โง่แบบนั้นล่ะ เจ้าไม่ต้องการสมบัติล้ำค่าที่มาแขวนไว้ให้ที่หน้าประตูงั้นหรอ”

 

เมื่อได้ยิน หลี่ ชานพูด แม้แต่ผู้นำตระกูลหลี่ก็แทบจะกระอักเลือด เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมหลี่ ชาน ถึงได้ปฏิเสธที่จะรับสมบัติเอาไว้

 

แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาทำได้แค่คิดอยู่ภายในใจ ในเวลาแบบนี้เขานั้นไม่มีสิทธิพูดใดๆ แม้กระทั้งส่งข้อความทางจิตไปให้ลูกสาวเขา เขายังไม่กล้า เพราะเขานั้นกลัว ชูเฟิง อย่างมาก “ข้าให้เจ้าเก็บมันไว้””นี่มันของเจ้า ไม่ใช่ของตระกูล หลี่””แต่แรก ข้าก็ไม่เคยคิดว่าตัวเอง หวู่ฉิง ติดค้างอะไรกับตระกูล หลี่”

 

ชูเฟิงยัดเยียดเห็ดนิรันดร์ใส่มือของหลี่ชาน และถามว่า”

 

อารามกว่างจินอยู่ทางไหน ?””อารามกว่างจินห่างจากหุบเขาเขี้ยวหมาป่าไปไม่ไกล มันถูกสร้างขึ้นใน ป่าแสงจันทร์ ที่ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้”

 

หลี่ ชาน ตอบตามความจริง แต่แล้วนางก็รีบพูดในสิ่งที่นางคิดอย่างรวดเร็วเพื่อห้าม”หวู่ฉิง ไต้ซือ หวาง จิน อยู่ในระดับ 3 จ้าวแห่งสงคราม นอกจากนี้ จากที่ข้าได้ยินมา เขานั้นมีอายุเกือบ 200 ปีแล้ว อีกทั้งยังเป็นคนที่อำมหิต น่ากลัวและแสนเจ้าเล่ห์ บางคนถึงกับเรียกเขาว่า มารเฒ่า! ดังนั้นได้โปรดอย่าไปหาเขาเลย!”

 

อย่างไรก็ตาม ชูเฟิง เพียงยิ้มให้สำหรับความหวังดี และกล่าวกับหลี่ ชานว่า”

 

ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ว่าจะเป็น นิกายมงกุฏเขียวหรืออารามกว่างจิน จะไม่มีใครมารังแกเจ้าอีก ข้าจะจัดการปัญหานี้ให้เจ้า แต่จำไว้ว่าข้าไม่ได้ทำเพื่อตระกูลหลี่”

 

* พรึบบ * หลังจากพูดจบ ชูเฟิง ก็กระโจนขึ้นและพุ่งไปยังทิศทางอารามกว่างจิน เมื่อหลี่ ชาน และ คนอื่นๆ มองขึ้นไป ก็ไม่พบร่องรอยใดๆของ ชูเฟิง แล้ว “เขาคงไม่ได้ไปหาไต้ซือ หวาง จิน จริงๆใช่มั้ย ?”

 

ผู้นำตระกูลหลี่ พึมพำขณะที่มองไปยังทิศทางอารามกว่างจิน ถ้าเป็นไปได้ เขาก็หวังว่า ให้ชูเฟิงกำจัดไต้ซือ หวาง จิน สำเร็จ เพราะนั้นเท่ากับว่าเขาในได้กำจัดปัญหาให้กับตระกูลหลี่ และส่วนชีวิตของชูเฟิงนั้นจะเป็นไง พวกเขาไม่ได้สนใจ

 

ส่วนทางด้านหลี่ ชาน เมื่อนางมองไปยังทิศทางที่ชูเฟิงจากไป หัวใจของนางก็เกิดความกังวลอย่างมาก ดังนั้นนางรีบส่งคนออกไปดูราดราวใกล้ๆอารามกว่างจิน พร้อมกับสั่งให้คนเฝ้าจับตาเหตุการณ์ทุกอย่างภายในอารามกว่างจิน

 

สามวันผ่านไป หลังจากที่ ชูเฟิง จากไป หลี่ ชานก็ได้รับจดหมายจากคนที่ส่งไปสอดแนม หลังจากเปิดอ่านเนื้อหาด้านใน ความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลตอนแรกของ หลี่ ชาน

 

ในจดหมายระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ชูเฟิง ได้เดินทางมาที่อารามกว่างจิน ในวันที่เขาออกจากตระกูลหลี่ นอกจากนี้ เขายังจัดการศิษย์ทั้งหมดของอารามกว่างจิน และ ทำลายการเพาะปลูกของไต้ซือ หวาง จิน

 

ไต้ซือ หวาง จิน ไม่อาจทนอยู่กับความอัปยศ หลังจากที่ ชูเฟิงจากไป เขาก็ได้จบชีวิตของตัวเอง

 

ปัจจุบัน อารามกว่างจินตกอยู่ในความวุ่นวาย พระอาวุโสหลายฝ่ายเกิดการแย่งชิงทรัพยากรและของล้ำค่าภายในอาราม นอกจากนี้ สาวกที่ติดตามพระอาวุโสเหล่านั้น ก็ได้แยกย้ายไปทางใคร ทางมัน

 

ตอนนี้ อารามกว่างจินที่ว่ามีอำนาจในแถบนี้ ได้จบสิ้นแล้ว

 

หลังจากอ่านเนื้อหาในจดหมายแล้วมือของหลี่ ชาน ก็สั่นเล็กน้อย หลังจากที่เรียกสติกลับมานางก็พึมพำออกมาว่า”

 

หวู่ฉิง เจ้าเป็นใครกันแน่!”

 

ชูเฟิงไม่อาจรู้ว่า หลี่ ชาน ตกใจมากแค่ไหน และแม้แต่ปฏิกิริยาของตระกูลหลี่ หรือปฏิกริยาของขุมอำนาจอื่นๆที่อยู่ในบริเวณหุบเขาเขี้ยวหมาป่า เปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด

 

หลังจากที่เขาจัดการ ไต้ซือ หวาง จิน และขุมอำนาจที่เป็นภัยคุกคามตระกูลหลี่ ชูเฟิง ก็มุ่งหน้ากลับไปยัง สำนักสี่คาบสมุทร

 

เมื่อเดินผ่านตามท้องถนนชูเฟิงก็เกิดความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แม้ว่าเขามาที่นี่ไปไม่ถึงปี นับตั้งแต่เขามาถึงทะเลตะวันออก เขานั้นก็ได้ผ่านประสบการณ์มามากมาย หลังจากที่จื่อหลิงถูกตระกูลจื่อพาตัวกลับไป

 

ในเวลานั้น ชูเฟิง ได้พัฒนาตัวเองขึ้นอย่างมาก แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะเข้าปะทะกับขุมอำนาจขนาดใหญ่อย่างหมู่เกาะประหาร แม้ว่า ชูเฟิง จะอยากช่วยจื่อหลิง แต่เขาก็ต้องพึ่ง ฉิว ซานเฟิง และทรัพยากรภายในสุสานจักรพรรดิ ในความเป็นจริง ชูเฟิง นั้นมีเพียงความหวังเดียว แม้เขาจะรู้สึกว่า ฉิว ซานเฟิง ต้องการช่วยเขาอย่างแท้จริง แต่เขาไม่มั่นใจว่า ฟู่ เหลียนเซิง จะช่วย ฉิว ซานเฟิงหรือเปล่า เพราะว่า “กาลเวลาเปลี่ยน คนก็ย่อมเปลี่ยน”

 

ดังนั้น ตอนนี้ ถึงแม้ว่า ชูเฟิงจะมีเป้าหมายหลักคือการตามหา ฟู่ เหลียนเซิง แต่เขาก็จะไม่พลาดโอกาสใดๆในการเพิ่มระดับการเพาะปลูก ดั่งคำที่ว่า”

 

พึ่งพาตัวเอง ดีกว่าพึ่งพาคนอื่น”

 

ถ้าไม่มีใครยินดีจะช่วยเหลือเขา ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดมาถึง ชูเฟิง ก็สามารถพึ่งพาตัวเองในการปกป้องจื่อหลิง และแม้เขาต้องเอาตัวเข้าแลกเขาก็จะไม่อ่อนข้อกับหมู่เกาะประหาร เพราะเขาไม่อาจผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับจื่อหลิง ไม่ว่าจะเป็น หรือ ตาย เขาก็พร้อมจะเผชิญกับมัน

 

สำนักสี่คาบสมุทรมีอาณาเขตกว้างใหญ่อย่างมาก แต่มันก็มีรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณเพียงพอในการป้องกันคนแอบลอบเข้ามาในสำนัก หากใครต้องการเข้าไปในสำนักสี่คาบสมุทร พวกเขาต้องมายังทางเข้าที่ระบุไว้

 

นอกจากลูกศิษย์ภายในสำนัก คนนอก จะไม่ได้รับอนุญาติให้เข้า-ออก ตามอำเภอใจ

 

ในความเป็นจริง ตอนนั้น เมื่อชูเฟิงเดินมาถึงทางเข้า เขาก็พบว่ามีคนจำนวนมากยืนอยู่ด้านนอกของประตู ฟังจากคำพูดของพวกเขา ชูเฟิงบอกได้เลยว่าพวกเขานั้นต้องการพบใครบางคนที่อยู่ภายในสำนักสี่คาบสมุทรพวกเขาจึงมารวมตัวกัน โดยศิษย์ที่เฝ้าประตูจะรับข้อความไปบอกกับคนที่พวกเขาต้องการพบ

 

แต่สำนักสี่คาบสมุทรกว้างใหญ่ไพรศาลและสาวกทุกคนก็มีที่ดินเป็นของตัวเอง แม้ว่าผู้คนภายในสำนักสี่คาบสมุทร จะสามารถใช้ตราประทับเคลื่อนย้าย ไปไหนมาไหนได้อย่างรวดเร็ว แต่มันก็มีอุปสรรค หากพวกเขาต้องการพบใครสักคนพร้อมกันแบบนี้

 

มันจึงทำให้จำนวนของผู้ที่มาอออยู่ด้านนอกประตูทางเข้าสำนักเพิ่มมากขึ้น มากขึ้น ถ้าอยากจะให้ศิษย์เฝ้าประตูนำข้อความไปบอก พวกเขาจะต้องยืนเข้าแถว “แล้วข้าจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย ?”

 

เห็นแถวที่ยาวเยียดและได้ยินว่า บางคนถึงกับเข้าแถวรอมานานกว่าสิบวัน แต่ก็ยังเข้าไปไม่ได้ ชูเฟิงก็เริ่มรู้สึกปวดขมับ

 

ปัจจุบันเขาได้เปลี่ยนมาใช้รูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขา คือใบหน้าแท้ๆของ ชูเฟิง

 

ถึงแม้ว่าเขาจะดูโตขึ้นมากเนื่องจากระยะเวลาผ่านมา แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นแค่เด็ก ความอ่อนเยาว์ของเขาจึงไม่เป็นที่ดึงดูดความสนใจมากเท่าไหร่เมื่อเขาแสดงรูปลักษณ์ที่แท้จริง

 

และอีกอย่างเขาก็ไม่อาจแสดงพลังที่แท้จริงของเขาได้เพื่อเป็นการปกปิดสถานะ จึงทำให้คนอื่นๆมองข้ามเขาไป แต่หากเป็นแบบนี้ก็คงไม่ดีแน่ เพราะมีคนเข้าแถวจำนวนมาก ซึ่งชูเฟิงเองก็ไม่มีเวลามากพอที่จะทำตามกฏโดยที่ทนยืนอยู่ในแถว “เฮ้ย ไอหัวขวด!!! ทำไมเจ้าไม่ยืนต่อแถว ?!””ไอ้มารยาททราม!! เราอุตส่าต่อแถวรอตั้งนาน เจ้ามาทำแบบนี้ได้ยังไง””กลับไปต่อแถวซะ ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไร้มารยาท”

 

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ชูเฟิงกำลังปวดขมับตุบๆเพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไง ก็มีชายหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าหรูหราที่ไม่แคร์สายตาผู้คน เดินเข้าไปโดยที่แทรกไปยังหน้าประตูบานใหญ่ของสำนักสี่คาบสมุทร

 

ไม่เพียงแต่เขาไม่รักษากฏเขายังหันหน้าไปยังทางผู้คนที่ต่อว่าเขา และตะโกนใส่เสียงดังว่า”

 

ใครไม่อยากตาย หุบปากไปซะ!!!”

 

ขณะที่ชายหนุ่มพูดออกมา ออร่าของเขาก็แผ่ออกมา เขาอยู่ในระดับ 5 อาณาจักรสวรรค์

 

แม้ว่าระดับ 5 อาณาจักรสวรรค์ จะเทียบกับ ชูเฟิง ไม่ได้แม้แต่เส้นผม แต่เห็นได้ชัดว่าผู้ที่ยืนอยู่ในแถวมีการเพาะปลูกเทียบเขาไม่ได้ พวกเขาตอนนั้นได้แต่เก็บความแค้นไว้ในใจ โดยที่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา

 

ReaDMGA ////////////////////////////////////////////////////A : ไอ้หนุ่มผมยาว ทำได้ดีมาก พี่เฟิงกำลังปวดตับ การโดนกระทึบของมืงจะเป็นการเปิดทางให้พี่เฟิง

 

B : ชูเฟิงเป็นพระเอกไม่ทำแบบนั้นหรอก!!!

 

C : มันไม่กระทึบแต่เอาเงินฟาดหัวยามเฝ้าประตู อีกอย่าง อีกอย่างชูเฟิงรู้จักกับศิษย์ 4 ใน 10 ของปรมาจารย์สวรรค์ ดีกีย์ มันผิดกันเยอะ!!!

 

B : ไม่ได้ใช้เงินเว้ย ใช้ยอดยุทธภัณฑ์ฟาดหัว!!!

 

A : งี้ก็ตายอ่ะดิ!!!

 

B : ไม่ได้ฟาดแบบนั้น!!!

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments