I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 691 – ไพ่ตายใบสุดท้าย

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 691 – ไพ่ตายใบสุดท้าย

 

ตอนนั้น เซี้ยะ หยู และ ตง เซวีย ได้แต่ขมวดคิ้วลง เมื่อได้ยินคำพูดของ ฉิว ซือ ความกลัวและความไม่สบายใจปรากฏบนใบหน้าของพวกนาง พรสวรรค์และขีดความสามารถของ หวู่ฉิง นั้นหน้าหวาดกลัวเกินไป กี่ครั้ง ต่อกี่ครั้ง ที่พวกเขาได้เห็นความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าจินตนาการ ปัจจุบันพวกนางเชื่ออย่างสนิทใจ ว่า หวู่ฉิง คืออัจฉริยะที่แท้จริง

 

พวกนางเคยได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับสุดยอดอัจฉริยะ แต่พวกนางกับทิ้งโอกาสนั้นไป เนื่องจากความเห็นแก่ตัว การกระทำของพวกนางทำให้ทุกอย่างพลันพังพินาศ ตอนนี้พวกนางรู้สึกเสียใจอย่างมาก

 

เสียใจเนื่องจากพวกนางไม่ควรปฏิบัติกับ ชูเฟิง ดั่งก่อนหน้านี้เพียงเพื่อผลประโยชน์ของตน พวกนางได้พลาดโอกาสที่จะผูกมิตรกับชูเฟิง ซึ่งนั้นเท่ากับพลาดโอกาสที่จะได้รู้จักสุดยอดอัจฉริยะ

 

ความกลัวบังเกิดเมื่อเห็นวิธีการของชูเฟิงในการจัดการศัตรู หากวันหน้า ชูเฟิง พัฒนาขึ้นไปอีก แล้วหากเขายังยึดติดกับความแค้นเคืองเพราะการกระทำของพวกนาง เห็นทีว่า ไม่ช้าก็เร็ว พวกนางคงต้องประสบหายนะ

 

ตอนนั้น ตง เซวีย, เซี้ยะ หยู เริ่มอยู่ไม่สุข สายตาพวกนางเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจอันแรงกล้า แต่พวกนางก็ไม่สามารถทำอะไรได้ สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจออกมาเพราะการกระทำของตัวเอง

 

เช่นเดียวกับผู้คนอื่นๆที่มอง ชูเฟิง ตอนนั้นพวกเขาถูกครอบงำไปด้วยความตะลึง ที่ได้เห็นพลังต่อสู้ที่ทรงพลังอำนาจของเขา และการโจมตีของเขานั้นทำให้ฉาน เฟิงกดดันอย่างมาก จนหน้าเสีย เหงื่อแตกผลัก อ้าปากค้างพงาบๆ เหมือน ปลากำลังจะตาย ตอนนั้นเขาแทบจะยืนไม่ไหว

 

ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่สนใจเรื่องๆใดๆทั้งนั้น แม้แต่การรักษาศักดิ์ศรี เขารีบหันหน้าของเขากลับ พร้อมกับตะโกนเสียงดังไปที่ หย่า เฟย และ มู่หรง ว่าน ว่า”

 

เจ้าทั้งสอง จะยืนมองหาพระแสงไร! ไอ้เด็กนี้คงได้รับอะไรดีๆมาแน่นอน พลังของมันจึงแปลกประหลาดอย่างมาก ถ้าหากเจ้าไม่ลงมือ เอาแต่ยืนดูอยู่แบบนั้น หลังจากที่เขาจัดการข้า รายต่อไปก็คงเป็นพวกเจ้า”

 

ได้ยินคำพูดเหล่านั้น มู่หรง ว่าน และ หย่า เฟย ก็มีท่าทีเปลี่ยนไป สามารถบอกได้ถึงการตัดใจของพวกนางผ่านทางแววตา พริบตาพวกนางก็พลิกฝ่ามือจากนั้นก็มี ยอดยุทธภัณฑ์แห่งราชันย์ไม่สมบูรณ์ ปรากฏ จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ ชูเฟิง

 

ตอนแรกพวกเขาต้องการจะทำอะไรให้รีบๆเสร็จไป จากนั้นก็กอบโกยผลประโยชน์ ภายในอารามแห่งการสืบทอด เมื่อ ฉาน เฟิง เอาชนะ ชูเฟิงได้ แต่พวกเขานึกไม่ถึงว่า ชูเฟิง นั้นจะมีความแข็งแกร่งถึงขนาดนี้

 

เมื่อพวกนางประสบกับสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกนางจึงไม่คิดที่จะยืนมองดูอยู่เฉยๆ หลังจากที่พวกนางก้าวย่างสู่สมรภูมิ การต่อสู้ก็เริ่มต้น ซึ่งมันเป็นการปะทะกันด้วยพลังที่รุนแรง

 

* พรึบบบ *

 

* บูม บูม บูม *

 

หลังจากที่หย่า เฟย เข้ามา นางก็เริ่มใช้การโจมตีอันทรงพลังเข้าใส่ ชูเฟิง อีกทั้งกระบี่สีชมพูในมือของนางก็ยังเป็นถึง ยอดยุทธภัณฑ์แห่งราชันย์ไม่สมบูรณ์ ดังนั้น ความแข็งแกร่งนั้นจึงไม่ธรรมดา

 

สำหรับ อาวุธของ มู่หรง ว่าน แม้มันจะเป็นยอดยุทธภัณฑ์ไม่สมบูรณ์แต่มันก็ค่อนข้างจะพิเศษ เพราะมันไม่ได้อยู่ในรูปลักษณ์ของอาวุธ แต่เป็น พิณ

 

มันมี สีเขียวมรกต ราวกับว่า มันถูกสร้างโดย หยกวิเศษ อีกทั้งมันยังมีแสงเจิดจ้า ส่องกระจายออกไปผ่านอากาศ ในยามที่ มู่หรง ว่าน สบัดมือ

 

เมื่อมือนาง วาดรวดลายกับสายพิณ สิ่งที่ออกมาจากมันคือเสียงที่ไพรเราะและแสนจะน่าหลงไหล แต่สิ่งที่มาพร้อมกับเสียง คือลำแสงสีเขียวเข้มในรูปทรงต่างๆนาๆ

 

แสงสีเขียวเข้ม กลายเป็นใบมีดอันคมกริบ และยังรวดเร็วปานสายฟ้า ไม่ใช่่แค่นั้น พลังทำลายของมันยังน่ากลัวอย่างมาก หากชูเฟิงโดนเข้าไปสักดอก ต่อให้เขารอดมาได้ ก็ต้องกลายเป็นคนพิการ

 

เมื่อหย่า เฟย และ มู่หรง ว่านเข้าสู้ ต้องบอกเลยว่า แม้จะเป็น ชูเฟิง แต่ก็ต้องเจอกับความกดดันอันมหาศาล เพราะจะยังไง ทั้งสองคนนั้นก็แข็งแกร่งอย่างมาก มันคงไม่มีปัญหาหากสู้กันตัวต่อตัว แต่ถ้าเขาสู้ทีเดียวสามคน เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกกดดัน

 

แต่ถึงอย่างนั้น ชูเฟิง ก็ไม่ได้ เสียเปรียบแต่อย่างใด ด้วยความเข้าใจในเพลงดาบตราประทับมังกร ชูเฟิง จึงเปลี่ยนมันมาเป็นการตั้งรับ เขาต้องรับกับความกดดันไประยะหนึ่งด้วยความแข็งแกร่งที่มี เพราะการจะเข้าสู้ทีเดียวพร้อมกันสามคนนั้นไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ จากนั้นเขาก็ค่อยๆมองหาจังหวะและช่องว่าง สวนกลับ

 

“สวรรค์ ผู้ชายที่ชื่อหวู่ฉิง มันน่ากลัวมากไปแล้ว!!! ด้วยกำลังของเขาเพียงลำพัง กับรับมือ 3 ยอดอัจฉริยะแห่งหมู่เกาะประหารของเราได้”

 

เห็นการร่วมมือของ ฉาน เฟิง, หย่า เฟย และ มู่หรง ว่าน แต่ยังไม่อาจเอาชนะ ชูเฟิงได้ ผู้ติดตามระดับ 4 จ้าวสงครามจากหมู่หมู่เกาะประหารที่พากันเฝ้าสังเกตุก็ถึงกับ อึ้งจนพูดไม่ออก ตอนนั้นพวกเขาตกใจกันอย่างมาก

 

ในฐานะที่เป็นคนจากหมู่เกาะประหาร ที่มีชะตากำหนดให้เกิดมาเป็นอัจฉริยะ ดังนั้น พวกเขาจึงรู้ดีว่า ฝีมือของ หย่า เฟย, มู่หรง วาน และ ฉาน เฟิง มีแค่ไหน พวกเขาคืออัจฉริยะที่แท้จริง ในหมู่คนรุ่นเยาว์ของหมู่เกาะประหารที่อายุไม่เกิน 30 !

 

แล้วคนที่ยอดเยี่ยมเช่นนั้น ปัจจุบันกับทำอะไรผู้เชี่ยวชาญระดับ 3 จ้าวสงคราม ไม่ได้ แล้วเหตุใดพวกเขาจึงจะไม่ตกใจ ? ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นมันกับตา พวกเขาคงไม่มีทางเชื่อมันอย่างแน่นอน

 

“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้! มันต้องเป็นเพราะพลังของอารามแห่งการสืบทอดที่มอบพลังให้เขา ไม่งั้น เขาอยู่ในระดับ 3 คงไม่มีทางสู้กับทั้ง 3 คนได้แน่!”

 

ในความเป็นจริง พวกเขานั้นไม่อยากจะยอมรับว่ามันเป็นความจริงหลังจากที่ได้เห็นมัน

 

ความแข็งแกร่งของ ชูเฟิง อาจมีเพียง หย่า เฟย, มู่หรง ว่าน และฉาน เฟิง เท่านั้นที่รู้ดีที่สุด เพราะหลังจากที่เขาประมือมาระยะหนึ่ง พวกเขาก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันที่มากขึ้น แม้พวกเขาจะลุม ชูเฟิง เพียงคนเดียว

 

ปัจจุบัน ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของหย่า เฟย ดูจริงจังอย่างมาก นาง พึ่งจะเคยพบกับคนรุ่นเดียวกันที่อยู่ในอาณาจักรจ้าวสงคราม แล้วรับมือลำบากถึงขนาดนี้ นางไม่กล้าที่จะประมาทแม้แต่น้อย อีกทั้งนางยังสู้ด้วยทุกอย่างที่มี

 

สำหรับ มู่หรง ว่าน นางกัดริมฝีปากของนาง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความอัปยศและแสนจะขมขื่น แม้นางจะได้รับพลังจากยอดยุทธภัณฑ์แห่งราชันย์ไม่สมบูรณ์ แต่นางก็ทำได้แค่โจมตี ชูเฟิง จากระยะไกลๆ ถึงแบบนั้น นางก็แทบจะทำอะไรชูเฟิงไม่ได้เลยแม้ว่านางจะโจมตีใส่เขากี่ครั้ง ต่อกี่ครั้ง ตอนนั้นนางรู้สึกเจ็บใจเป็นอย่างมาก

 

ก่อนหน้านี้นางได้เห็นการปะทะระหว่าง ฉาน เฟิง และ ชูเฟิง นางก็พอรู้อยู่แล้วว่า ชูเฟิง ไม่ธรรมดา แต่นางไม่คิดว่า เขาจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ปัจจุบันนางเหมือนกับเป็นผู้ยืนดูซะมากกว่า

 

เมื่อนางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องคอยเฝ้ามอง นางก็พบกับฝีมือและวิธีการอันน่าหวาดกลัวของฝ่ายตรงข้าม อีกทั้ง ชูเฟิง. . .ในตอนนี้ยังถูกสามลุมหนึ่ง หากเป็นหนึ่งต่อหนึ่งเห็นทีว่านางคงต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

 

ส่วนชูเฟิงทั้งๆที่ถูกลุม แต่เขาก็ยังเป็นฝ่ายถือความได้เปรียบ เขาตอนนี้ไม่กล้าที่จะประมาทแม้แต่น้อย ในไม่ช้าเขาต้องพบโอกาสแน่นอน

 

หากเขายังคงอดทนต่อไปแบบนี้ เขาคงไม่มีปัญหาในการเอาชนะทั้งสาม ชูเฟิงรู้ว่าทุกคนนั้นมีฝีมือ อีกทั้งในกลุ่มพวกเขาไม่มีใครเลยที่ไม่มีทักษะต้องห้าม เพราะเขาเคยเห็น หย่า เฟย ใช้มันมาก่อน

 

ความแข็งแกร่งของทักษะต้องห้ามนั้นมีพลังอำนาจเกินกว่าจินตนาการ นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่า หาก หย่า เฟยมีทักษะต้องห้าม มู่หรง ว่าน และ ฉาน เฟิง ก็คงจะครอบครองทักษะต้องห้ามเช่นเดียวกัน หากพิจารณาจากสถานะตำแหน่ง

 

ถ้าหนึ่งในคนใดคนหนึ่งใช้ทักษะต้องห้าม ชูเฟิง ก็จะใช้ดาบตราประทับมังกร แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่ามันจะป้องกันได้

 

อย่างไรก็ตาม ชูเฟิง ไม่ได้รู้สึกกลัวใดๆ เพราะยังไงเขาก็เป็นผู้ครอบครองสุดยอดทักษะทั้งสาม พวกมันแข็งแกร่งอย่างมากและมันก็ยังแข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยพลังของผู้ใช้ ซึ่งมันเหนือกว่าทักษะต้องห้ามหลายขุม ดังนั้นนั้นคือเหตุผลที่ทำให้ ชูเฟิง กล้าอวดดี เพราะตั้งแต่เริ่ม เขาก็ได้เตรียมไพ่ตายไว้ใช้ในการแก้แค้น

 

“ฉาน เฟิง, มู่หรง ว่าน เราต้องเสียแรงอย่างมากหากเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราสามคนต้องใช้ทักษะต้องห้ามในเวลาเดียวกันเพื่อกำจัดเจ้าสวะนี้ให้หายไปให้พ้นๆ”

 

แน่นอนว่ามันเป็นไปตามที่ชูเฟิงคิดไว้ ซึ่งในที่สุดหย่า เฟย ก็พูดมันออกมา

 

ReaDMGA////////////////////////A : ว่ะ!!! จะได้เห็น สามทักษะเร้นลับแล้วเว้ย ตายแน่พวกมืง!!!

 

B : ยังหรอก เด๋วได้เจอต้านต้านอีกดอก ถ้าชูเฟิงเรียกต้านต้าน และ ชุน หวู่ เข้ามาช่วย กลายเป็น 3 ต่อ 3 ชูเฟิงคงจัดการไม่ยาก แต่ดูเหอะเด่วพวกมันก็ใช้ยันต์เผ่น แล้ววิญญาณตราประทับก็จะตกเป็นของพี่ . . . . . .

 

C : พี่เสก!!! โซโล!!!

 

A : . . . . . .

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments