I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 749 – สังหารเหล่าสัตว์ยักษ์

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 749 – สังหารเหล่าสัตว์ยักษ์

 

* ตึ้งง ตึ้งง ตึ้งง *

 

สัตว์ยักษ์ที่เเข็งเเกร่งกว่าพันตัว แบกร่างของมันก้าวออกพร้อมกันทั้งหมด การเคลื่อนไหวของพวกมันอาจกล่าวได้ว่า มันสามารถเขย่าพสุธาให้สั่นสะเอย่างรุนเเรง ราวกับว่า กำลังพังทลายลง หากพระราชวังไม่ได้ถูกครอบคลุมไปด้วย อำนาจพลังวิญญานที่เเข็งเเกร่ง มันก็อาจจะหายไปได้ทุกเมื่อราวกับเศษฝุ่น “ชูเฟิง รีบคลายรูปแบบอำนาจพลังวิญญานของเจ้าให้ข้าออกไปเร็ว! ถ้าหากเจ้าทำแบบนี้ข้าจะช่วยเจ้าไม่ได้นะ ตอนนี้เจ้ากับนางสู้พวกมันไม่ไหวหรอก ดี!! หากเจ้าไม่คลายมันออก ข้าก็จะบังคับให้มันคลายเอง!”

 

หลาน ยี่ กล่าวออกมาอย่างร้อนรน

 

เธอนั้นไม่คิดว่า ชูเฟิง เเละ ต้านต้าน ที่เป็นอสูรวิญญานของเขาจะอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย แต่ยังการที่จะสามารถต้านทานเเละหยุดยั้ง สัตว์ยักษ์จำนวนขนาดนั้นได้ ในสายตาของเธอ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย มันมีโอกาสสูงมากที่พวกเขาจะเสียท่า แล้วหากเขาตายทุกคนก็ต้องตายกันหมด ดังนั้น นางจึงเลือกที่จะสู้ตายไปพร้อมๆกับเขา ดีกว่าถูกขังไว้ในรูปแบบอำนาจฯ “ยัยนี้!!!”

 

อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินคำพูดของ หลาน ยี่ ต้านต้านก็หันควับ ไปมอง ด้วยสายตาที่ดูแคลนพร้อมกับกล่าว”

 

ล้มเลิกความคิดโง่ๆนั้นซะ กะอีแค่สัตว์ยักษ์พวกนี้จริงๆแค่ข้าคนเดียวก็พอถึงแม้พวกมันจะกระจอก แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถเอาชนะได้ เจ้าควรดูอยู่ตรงนั้นนิ่งๆเเละรอซะ ? ขืนเจ้าออกมาก็จะเป็นตัวถ่วงแข้งถ่วงขาพวกเราซะปล่าวๆ””เจ้าพูดว่าอะไรนะ ?!!!”

 

เมื่ออสูรวิญญาน ที่มีเพียงเเค่การบ่มเพาะขั้น จ้าวเเห่งสงครามระดับ 1 กล่าวคำดูถูกเธอนั้น หลาน ยี่ ค่อนข้างโมโหเป็นอย่างมาก เธอจึงถาม ต้านต้าน ว่า”

 

เจ้าคิดว่าตัวเองมีฝีมือเหนือกว่าข้า ?!”

 

ต้านต้านไม่ได้โกรธกับคำพูดของ หลาน ยี่ แม้เเต่น้อย เธอเพียงแต่ยิ้มเเละกล่าวพร้อมกับเน้นทุกพยางค์ว่า”

 

งั้นเจ้าฟังให้ดีๆนะ เจ้า!!! มัน!!! เป็น!!!ตัว!!! ถ่วง!!!” “เจ้า!!!” “เจ้ามันอวดดีเกินไปเเล้วนะ!” “เจ้ามีพลังวิญญาณเพียงขั้น จ้าวแห่งสงคราม ระดับ 1 กลับกล้าที่มาพูดกับข้าเช่นนี้งั้นหรอ!!!”

 

เมื่อได้ยินคำดูถูกของต้านต้าน หลาน ยี่กัดฟันพูดด้วยความโกรธ ดวงตาที่สวยงามของเธอนั้น ถูกเเทนที่ไปด้วยเพลิงแห่งความโกรธ ที่พร้อมจะปะทุออกมาทุกเมื่อ ลักษณะท่าทางตอนนั้นเหมือนกำลังจะบอกว่า”

 

ถ้าข้าตาย เจ้าก็ต้องตายเหมือนกัน”

 

จากนั้นเธอก็สะบัดหน้าเบือนหนี

 

แต่เมื่อหันเหลือบไปมองที่ ต้านต้าน อีกครั้ง ควันสีดำก็ค่อยๆปะทุออกมาจากร่างกายของเธอ คล้ายกับ ภูเขาไฟที่ร้อนระอุปะทุออกมาในอากาศ ควันสีดำค่อยๆ ครอบคลุมพื้นที่ด้านบนของเพดานพระราชวังจนทั่ว

 

มันดูคล้ายกับเมฆสีดำ แต่มันก็ไม่ใช่เมฆสีดำยามฟ้าร้อง มันดำยิ่งกว่าคำว่าทมิฬเเละออร่าอันชั่วร้ายที่แปลกประหลาด ยังประกอบไปด้วย อำนาจพลังที่เเข็งเเกร่ง มันสามารถทำให้หัวใจของผู้คนที่พบเห็นหนาวสั่นไปถึงกระดูกเลยทีเดียว

 

มันน่ากลัว-เเละมืดดำ ออร่าที่เเข็งเเกร่ง-ปกคลุมไปทั่วทุกที่ มันบอกได้เลยว่าไม่เคยมีผู้ใดที่นี่เคยเห็นพลังแบบนี้มาก่อน มันคือสิ่งผิดปกติโดยเเท้จริง

 

*ฟู่ววว ฟู่ววว ฟู่ววว ฟู่วววว ฟู่วววว*

 

หลังจากที่ควันสีดำปกคลุมเพดานนั้น มันเริ่มก่อตัวขึ้นเเละหมุนเป็นวงดั่งเช่น พายุเฮอริเคนในรูปของ ทรงกรวยในทันที

 

ในพื้นที่ที่ควันสีดำผ่านไปนั้น ผืนดินจะสั่นสะเทือนเเละระเบิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ในทันที พวกสัตว์ยักษ์ที่ถูกกระเเทกด้วยเเรงระเบิดนั้น กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ยิ่งไปกว่านั้นเลือดเเละเนื้อของพวกมันถูกบดขยี้ด้วยเเรงปะทะจากพายุ เพียงพริบตาเดียวร่างของพวกสัตว์ยักษ์ก็กลายเป็นเศษเนื้อที่ละเอียดในทันที

 

ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงพริบตา สัตว์ยักษ์หลายร้อยตัวที่มีชีวิตก่อนหน้านี้ล้วนล้มหายตายจาก พายุจากสีดำทมิฬ ทำให้กองทัพสัตว์ยักษ์ที่น่ากลัวนั้นถูกทำลายด้วยอำจาจพลังของต้านต้าน เพียงคนเดียว “ไม่น่าเชื่อ นางนั้นมีพลังถึงขนาดนั้นเลยหรอ?!!! นางเป็นใครกันแน่?!!!”

 

เจียง หวู่ชาง อ้าปากค้างด้วยความตะลึง เขาพบว่าพลังการต่อสู้ของ ต้านต้านนั้น น่ากลัวมากกว่าพลังของชูเฟิง ไม่ต้องพูดถึง จ้าวเเห่งสงคราม ระดับ 3 เเม้เเต่เจ้าเเห่งสงคราม ระดับ 4 ก็ไม่ต่างจากมดปลวกที่ไร้ประโยชน์เมื่อเผชิญหน้ากับพลังอันมหาศาลของ ต้านต้าน “มีความเป็นไปได้ว่านางคืออสูรโลกวิญญาณพิภพอสูรฟ้า ในตำนาน!!!”

 

เจียง หวู่ชาง ไม่ใช่คนเดียวที่ตกใจเเม้เเต่ หลาน ยี่ ที่ถกเถียงกับ ต้านต้านก่อนหน้า ตอนนี้ใบหน้าของเธอซีดขาวราวกระดาษด้วยความหวาดกลัว เธอนั้นตะลึงเป็นอย่างมากกับพลังของ ต้านต้าน ที่มากมายมหาศาล

 

ความเเข็งเเกร่งของ ต้านต้าน นั้นบังคับให้เธอคิดเพียงอย่างเดียวว่า นางนั้นมาจากโลกวิญญาณพิภพอสูรฟ้าในตำนาน นั่นคือเหตุผลเดียวที่สามารถทำให้เธอทำความเข้าใจกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้

 

พูดถึงโลกวิญญาณพิภพอสูรฟ้า มันคือโลกวิญญานในตำนาน อย่างน้อยๆในภาคทะเลตะวันออก เธอนั้นไม่เคยได้ยิน ผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาน คนใดที่เคยติดต่อเเละทำพันธสัญญากับอสูรวิญญานพิภพอสูรฟ้าได้มาก่อน “ไม่น่าแปลกใจเลย ที่ชูเฟิงมีความมั่นใจถึงขนาดนั้น ก็สมควรแล้วล่ะ ที่อสูรวิญญาณตนนั้นจะหยิ่งผยองเชื่อมั่นในความเเข็งเเกร่งของตน คนที่แปลกคือข้าต่างหากที่มีตาหามีแววไม่”

 

หลังจากครุ่นคิดสักพัก หลาน ยี่ ก็หัวเราะอย่างขมขื่นออกมา เป็นเพราะเธอนั้นรู้สึกถึงความงี่เง่าของตัวเองที่ไปทะเลาะเเละโต้เเย้งกับ ต้านต้าน ก่อนหน้านี้

 

ในเวลาเดียวกันเมื่อเธอจ้องมองไปที่ ชูเฟิงอีกครั้ง อารมณ์ซับซ้อนผลันไหลเข้ามาในดวงตาของเธอ ชูเฟิงที่สลักความเเข็งเเกร่งในหัวใจของเธอนั้นเพิ่มขึ้นอีกตำเเหน่งคือ อสูรวิญญาณที่ร้ายกาจจากพิภพอสูรฟ้า ต้านต้าน เป็นความจริงที่ว่าเธอนั้นไม่สามารถที่จะช่วยอะไรได้ จึงทำได้เพียงถอนหายใจเเละกล่าวออกมาว่า”

 

เจ้า … เจ้าคืออัจฉริยะอย่างเเท้จริงในหมู่คนรุ่นเรา” “อสูรวิญญานพิภพอสูรฟ้า มันไม่ใช่ว่าทุกคนที่อยากจะทำพันธสัญญาแล้วจะทำสัญญากับมันได้” “ฮ่า ๆ เป็นอย่างที่ข้าคิด พี่ใหญ่ ชูเฟิง ท่านสามารถทำสัญญากับอสูรวิญญานพิภพอสูรฟ้าได้! ท่านคงคิดไม่ถึงแน่ ว่าอสูรวิญญาณที่ข้าทำสัญญาด้วยนั้นคืออสูรวิญญาณพิภพสัตว์ น่าขายหน้าชะมัด!!!”

 

ถึงแม้ว่าอสูรวิญญาณทั้งสองจะมีความแตกต่างกันทางด้านความแข็งแกร่ง และต้นกำเนิดของพวกเขา จริงๆแล้วอสูรวิญญาณพิภพสัตว์ก็ไม่ได้อ่อนแอ แต่ถ้าหากนำไปเทียบกับอสูรวิญญาณพิภพอสูรฟ้า แน่นอนว่าระดับมันห่างกันเกินไป

 

หากเป็นคนอื่นแน่นอนว่าพวกเขานั้นจะต้องอิจฉาริษยาชูเฟิงอย่างมาก เพราะจากบันทึกประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่า ผู้เชื่อมต่อฯ ที่สามารถทำพันธะสัญญากับอสูรวิญญาณพิภพอสูรฟ้าได้นั้น จะต้องเป็นคนที่โดดเด่นมากที่สุดในหมู่บรรดาผู้เชื่อมต่อฯที่ได้ทำสัญญา

 

แต่สำหรับ เจียง หวู่ชาง เขาไม่ได้รู้สึกอิจฉาแม้แต่น้อย เขามีความสุขมากกว่าซะด้วยซ้ำ เพราะชูเฟิงเป็นพี่ใหญ่ของเขา ดังนั้นหากชูเฟิง แข็งแกร่ง เป็นธรรมดาที่เขาจะมีความสุข

 

มันไม่ได้มีเพียงเเค่ เจียง หวู่ชาง ที่รู้สึกเช่นนั้น เเม้เเต่ ซูรู่ เเละ ซูเหม่ย และ จาง เทียนยี่ พวกเขาล้วนแต่รู้สึกเช่นเดียวกัน พวกเขารู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากที่ชูเฟิงจะกลายเป็นผู้เชื่อมต่อโลกวิญญานที่ครอบครองอสูรวิญญาณในตำนาน “ต้านต้าน! ข้าคิดว่ามันควรจะดีกว่าถ้าพวกเรา รีบทำเรื่องนี้ให้มันจบๆ!”

 

ชูเฟิงนั้นได้ประจักษ์กับพลังอำนาจที่น่ากลัวของ ต้านต้านอีกครั้ง ในความเป็นจริงนั้น ไม่เว้นเเม้เเต่ตัวของเขาเองที่ชื่นชมอำนาจพลังการต่อสู้ที่เเข็งเเกร่งของ ต้านต้าน

 

อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานั้น เขารู้สึกต้องการที่จะจบการต่อสู้โดยเร็วที่่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาจึงยกดาบตราประทับมังกรขึ้นมาพร้อมกับใช้เพลงดาบตราประทับมังกรอันทรงพลัง ขณะที่โยนตัวเองเข้าใส่กองทัพสัตว์ยักษ์

 

****ซึบ! ซึบ!**** ดาบตราประทับมังกรในมือของชูเฟิงในตอนนั้นฟาดฟันโดยไม่มีสิ่งใดขวางมันไว้ได้ ขณะที่คมดาบของมันสัมผัสร่างของสัตว์ยักษ์ พวกมันก็ถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ ง่ายดายเหมือนกับใช้มีดตัดเต้าหู้ แม้ว่ามันไม่อาจจะเทียบกับพลังของต้านต้าน แต่มันก็สามารถใช้สังหารสัตว์ยักษ์ได้ไม่ยาก

 

หลาน ยี่ และคนอื่นๆ ที่ได้เห็นอำนาจพลังของ ต้านต้าน แล้วนั้น ตอนนี้ความเเข็งเเกร่งของชูเฟิง ก็ยังทำให้พวกเขาตกใจเช่นเดียวกัน พวกเขาคิดว่า หากไม่มี ต้านต้านช่วย โดยพวกเขาตัดสินใจมองจากการต่อสู้ บางทีเขาอาจจะพ่ายเเพ้เเละไม่สามารถสู้กับสัตว์ยักษ์ได้ เเต่ว่าไม่ใช่

 

แค่เธอรู้ว่า ชูเฟิง นั้นสามารถทำสัญญากับอสูรวิญญาณพิภพอสูรฟ้าได้ นั้นก็แทบทำให้นางชื่นชมจนสติเเตกเเล้ว เเต่ตอนนี้เธอนั้นรู้สึกต่างออกไป มันเปลี่ยนเป็นเพราะความเคารพเเละเชื่อมั่นในตัวของเขา

 

เพราะความแข็งแกร่งของชูเฟิงที่เธอได้เห็นนั้น ต้องบอกว่าสมแล้วที่ได้เป็นเจ้านายของอสูรวิญญาณพิภพอสูรฟ้า

 

ReaDMGA////////////////////////////////////////////////////A : ต้านต้าน ชอบเลย แหล่งพลังวิญญาณเพียบ!!!

 

B : เผลอๆ เข้าสู่ระดับ 2 ได้เลย ถ้าต้านต้านถึงระดับ 6 จ้าวสงครามมะไหร่ มู่หรง ซุน นี้ขี้ตีนเลยล่ะ อีกไม่นานจะไปพบกับเจ้าของสายเลือดจักรพรรดิแล้ว หุหุ สนุกแน่ๆงานนี้

 

C : ได้ข่าวมาว่า สายเลือดชูเฟิง แกร่งกว่าสายเลือดจักรพรรดิหนิ!!!

 

B : ถูกต้องคับผมม

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments