ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 927 – บิดาของธิดาศักดิ์สิทธิ์
คำพูดของ เจียง ฉีซา นั้นไม่ได้พูดเป็นการส่วนตัว ดังนั้นทุกคนจึงได้ยินอย่างชัดเจน “เจียง ฉีซา ช่างน่าเกรงกลัวยิ่งนัก อายุเพียงนี้ความคิดอ่านของเขาก็สูงมาก ข้าไม่เคยรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในมือเขาเลย”
ซู เหม่ย พูดขึ้นอย่างกังวลทางข้อความทางจิต. “เขานั้น ไม่ได้เป็นบุคคลที่ดีนัก แต่อย่างน้อยพวกเราก็ปลอดภัยหากอยู่ในมือเขา ถ้ามู่หรง หมิงเทียนต้องการพาพวกเราไปนั้นแน่นอนว่า เจียง ฉีซา นั้นไม่ปล่อยให้เราไปแน่นอน”
ซู รู่วพูดขึ้น “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีกายศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ”
เจียง ฉีซา พูดขึ้นแล้วมองมาที่จื่อหลิง จากนั้นเขาก็เดินเข้ามาใกล้นาง “โฮ่ กายศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นกายศักดิ์สิทธิ์ที่อ่อนแอเพียงนี้ นางนั้นราวกับเป็นขยะเลยทีเดียว .”
จ้าว เย่ว์เทียนพูดขึ้นอย่างดูถูก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาตรวจสอบดีดีแล้ว มุมปากของเขาก็ยกขึ้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า”
แม้ว่านางจะอ่อนแอ แต่นางก็ดูไม่เลวนัก นางนั้นงดงามที่สุดที่ข้าเคยพบมาเลย”
จากนั้น เขาก็หันไป พูดกับ เจียง ฉีซาว่า”
ศิษย์พี่ ท่านต้องการแม่นางผู้นี้หรือไม่ นางนั้นระดับอ่อนแอ มีเพียงหน้าตาที่ดูดีนิดหน่อยเพียงเท่านั้น””ศิษย์น้อง จ้าว ศิษย์พี่ เจียง นั้นไม่ใช่ใครที่เห็นแก่ความงดงาม ที่เจ้าถามเช่นนี้ เพราะเจ้าต้องการนางใช่หรือไม่”
หวู คุนหลุน พูดขึ้น แล้วพูดกับเจียง ฉีซาอีกว่า”
ศิษย์พี่ ข้าได้ถามคนรอบๆมาแล้ว นางนั้นมีกายศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ตอนที่นางเกิดนั้งมีปรากฏการณ์เกิดขึ้นมีหลายคนเป็นพยานได้ ว่ามันเกิดขึ้นจริง” “อย่างไรก็ตาม ข้าไม่รู้ว่าทำไมนางนั้นถึงอ่อนแอเพียงนี้ ระดับของนางนั้นไม่ต่างจากคนทั่วไปเลย.””เหตุผลนั้น เรารู้ได้จากการตรวจสอบเท่านั้น”
เจียง ฉีซา พูดขึ้น จากนั้นก็ใช้รูปแบบวิญญาณกักขังจื่อหลิงและคนอื่นๆไว้ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปด้านใน “เจ้ากำลังทำอะไร ถอยจากน้องสาว จื่อหลิงของข้านะ”
ในตอนนั้น ซู รู่ว และ ซู เหม่ย ก็กระโดด มาบังหน้าไว้ หวังจะหยุดเจียง ฉีซา
อย่างไรก็ตาม ความต่างระหว่างพวกนางนั้นมากเหลือเกิน พวกนางนั้นจะหยุดเขาได้หรือ ในตอนนั้นเจียง ฉีซา ก็ปล่อยกลิ่นอายออกมาทำให้พวกนางนั้นแข็งค้างและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ในเวลาเดียวกัน เจียง ฉีซา ก็จับไปที่ข้อมือของนองและตรวจสอบนาง “ฮ่าฮ่าฮ่า สวรรค์นั้นช่างเมตตาข้าจริงๆ เจ้ามู่หรง หมิงเทียน เจ้าจิ้งจอกเฒ่านั้น เจ้านั้นร้ายกายยิ่งนัก แต่น่าโชคร้ายมันถือเป็นของขวัญชิ้นงามสำหรับข้า.”
เจียง ฉีซา หัวเราะลั่น เมื่อเห็นเช่นนั้น เขาหัวเราะจนไม่อาจหยุดได้ในเวลาสั้นๆ.
จ้าว เยว์เทียน และ หวู คุนหลุน รู้สึกสับสนอย่างมาก อย่างไรก็ตามสิ่งนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี เขาจึงถามไปว่า”
ศิษย์พี่ เจียง ท่านพบอะไรหรือ””ฮ่าฮ่า ข้าไม่บอกหลอกมันเป็นความลับ แต่พูดสั้นๆก็คือ แม่นางคนนี้เป็นของข้า”
เจียง ฉีซา มองไปที่ จื่อหลิงดูเหมือนเขาไม่ได้มองนางเป็นสาวงาม แต่มองเป็นสมบัติ
จื่อหลิง และคนอื่นๆขมวดคิ้ว นั่นเป็นเพราะ พวกนางคิดว่า เขาต้องตรวจพบ ยาผนึกสวรรค์ และต้องการเอาพลังนางไปแน่นอน
เวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วเพียงแค่พริบตา ก็ผ่านไปหลายวัน
ภายในอารามเล็กๆในป่าแห่งหนึ่ง ด้านในนั้น มีพวกชู เฟิงอยู่.
ชูเฟิง และ ฉิวชุ่ย ฟู่หยานที่อยู่ที่นั่นนั้น กังวลเป็นอย่างมาก เมื่อมองไปที่ท่านหญิงเพียวเมียว ที่กำลังนอนอยู่บนพื้น
ท่านหญิง เพียวเมียวนั้นหมดสติไปนานนัก และนางยังไม่มีท่าทีจะฟื้น กลิ่นอายของนางนั้นก็ลดลง จากระดับ 6 ราชันย์สงคราม ลดมาที่ระดับ 5 ราชันย์สงคราม
ไม่ต้องพูดถึงชูเฟิง แม้กระทั่งฉิวชุ่ย ฟู่หยาน ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนนี้ “พี่สาว ฟู่หยาน ถ้าปล่อยเป็นอย่างนี้ต่อไป ระดับพลังของท่านหญิงเพียวเมียวจะลดลงเรื่อยๆ และอาจจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ก็เป็นได้ พวกเรานั้นไม่สามารถปล่อยให้นางตายเช่นนี้ได้ ดังนั้นพวกเราต้องคิดหาวิธีบางอย่าง”
ชูเฟิงพูดขึ้น “นางใช้พลัง ที่นางไมควรใช้ไป ดังนั้นพวกเรานั้นไม่สามารถทำอะไรได้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยนางได้แต่เวลาผ่านไปนานแล้ว เขาก็ยังไม่มาเสียที”
ฉิวชุ่ย ฟู่หยาน พูดขึ้น “ใครหรือ”
ชูเฟิงถามขึ้นด้วยความสงสัย. “เจ้าก็รู้จักคนผู้นั้นดี”
ฉิวชุ่ย ฟุ่หยานพูด “ข้ารู้จักเขาอย่างนั้นหรือ”
ชูเฟิงสับสนมาก.
ในตอนนั้นท่าทางของฉิวชุ่ย ฟู่หยานก็ต้องปิดไป จากนั้นนางก็จับไปที่สร้อยคอแล้วพูดขึ้นว่า”
พูดไม่ทันขาดคำ เขามาแล้ว”
ชูเฟิงรีบมองออกไปข้างนอก และในตอนนั้นก็มีร่างของคนคนหนึ่งปรากฏขึ้น “ผู้อาวุโส ไต้กู๋งั้นหรือ ?!!”
เมื่อชูเฟิง เห็นเช่นนั้นเขาก็ต้องประหลาดใจมาก เพราะเขาไม่เพียงรู้จัก แต่ชายคนนี้นั้นช่วยเขามามากมายในตอนที่อยู่ในสำนักสี่สมุทร ไต้กู๋ นั้นเป็นบุคคลลึกลับที่มีที่มาไม่แน่ชัดและรวมถึงระดับพลังที่ยากที่จะหยั่งถึงด้วย “ฟู่หยาน แม่ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ไต้กู๋ กังวลอย่างมากเมื่อเข้ามา เขาไม่ได้ทักชูเฟิงแต่ถาม ฉิวชุ่ย ฟู่หยานทันที “อะไรนะ แม่อย่างนั้นหรือ”
ชูเฟิง รู้สึกตกใจมากเมื่อได้ยิน “ท่านเข้าไปดูเองสิ”
ฉิวชุ่ย ฟู่หยานไม่ตอบ และมองไปที่ท่านหญิงเพียวเมียว
ไต้กู๋ ไม่ได้ถามมาก เขารีบเข้าไปหาท่านหญิงเพียวเมียว เขานั่นขัดสมาธิ และตรวจสอบอาการของนางทันที
หลังจากนั้น เขาก็หยิบเม็ดยาขึ้นมาและใส่เข้าไปในปากของท่านหญิงเพียวเมียว หลังจากนางกลืนมันเข้าไปเขาก็หันมาพูดกับพวกชูเฟิงว่า”ไม่ต้องกังวล นางนั้นได้ใช้วิชาต้องห้ามเข้าไป แม้ว่าจะส่งผลถึงร่างกายนางแต่ไม่ถึงชีวิต.”
หลังจากพูด เขาก็ไม่ได้รอช้า รีบวางรูปแบบวิญญาณและเริ่มที่จะฟื้นฟูท่านหญิงเพียวเมียวด้วยวิชาที่ลึกลับ “ชูเฟิง ไปกันเถิดอย่าไปรบกวนเขาเลย”
ฉิวชุ่ย ฟู่หยานพูดขึ้น ก็เดินออกมาจากอาราม หลังจากเห็นเช่นนั้น เขาก็เดินตามนางทันที ดูเหมือนว่ามีบางอย่างที่นางต้องการพูดกับเขา “ข้ามั่นใจว่าเจ้ากำลังคิดเรื่องของข้าอยู่ใช่หรือไม่”
ฉิวชุ่ย ฟู่หยานถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม. “ข้า…”
ชูเฟิงนั้นลังเลสักพัก แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร “เจ้าคิดถูกแล้ว ท่านหญิงเพียวเมียว คือแม่ของข้า ส่วนไต้กู๋ คือพ่อของข้า”
ฉิวชุ่ย ฟู่หยานพูดขึ้นด้วยความเศร้าเล็กน้อย
ชูเฟิงนั้นสูดลมหายในเข้าลึกทันที แม้ว่าเขาจะเดาไว้แล้ว แต่เมื่อได้ยินจริงๆเขาก็ต้องตกใจมาก หัวใจของเขานั้นเต้นแรงมาก และก็ไม่สามารถที่จะใจเย็นลงได้
ReaDMGA ////////////////////////////////////////
A : ถ้าไม่ได้ไปอ่านล่วงหน้า คงคิดกันไม่ถึงว่า ไต้กู๋จะเป็นพ่อของฉิวซุ่ย
C : ใครมันจะไปรู้ได้ว่ะ ประวัติไต้กู๋ แทบจะไม่มีอะไรเลย
B : นั้นดิ!!! ถ้าไม่ได้อ่านล่วงหน้าคงไม่รู้จริงๆแหละ!!! แต่ว่า ไอเจียง ฉีซา คิดจะเอาพลังของจื่อหลิง แสดงว่าเตรียมใจตายไว้แล้วสินะ!!!
A : พี่เฟิง จะทำอะไรกับมัน มันไม่ได้แคร์เลย แต่ถ้าเป็นเรื่องผู้ ญ นี้แม่งไม่ยอมใครเลยจริงๆ!!!